EP 1: ท่านประธานขา... อย่าใจร้ายนักเลย
ปิ๊นนนน!
เอี๊ยดดดด!
เสียงล้อรถสปอร์ตหรูครูดกับพื้นถนนที่ถูกปูด้วยอิฐสีเข้มดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจของหญิงสาวร่างเล็กที่ล้มคว่ำอยู่เบื้องหน้ารถคันงาม ห่างกันแค่เพียงไม่ถึงหนึ่งคืบเท่านั้น
“ระยำ! เดินหัดดูตาม้าตาเรือเสียบ้างนะ!”
ตรัยคุณ วิเชียรกิติรัตน์ หรือที่ทุกคนในบ้านเรียกกันว่าคุณใหญ่เปิดประตูรถ และก้าวลงมา ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรแดงคล้ำด้วยโทสะ ความไม่พอใจอัดแน่นเต็มน้ำเสียง และยิ่งเห็นว่าเป็นใครที่เดินทะเล่อทะเล่ามาขวางหน้ารถจนเกือบเกิดอุบัติเหตุแต่เช้า เขาก็ยิ่งโมโหเดือดดาล
หนุ่มหล่อเลิศไร้ที่ติดวัยสามสิบสี่ปีเศษจ้องหน้าผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าตนเองมากที่กำลังนั่งกองอยู่กับพื้น ข้างกายมีตะกร้าใส่ผลไม้และขนมไทยร่วงกระจัดกระจายด้วยความหงุดหงิดหัวใจ
มุกตาภา ชื่นจิต เด็กผู้หญิงที่เขาพบเจอมาตั้งแต่เจ้าหล่อนอายุสิบกว่าขวบ จนตอนนี้หล่อนเข้ามาเป็นพนักงานในบริษัทของเขาเรียบร้อยแล้ว ด้วยการฝากฝังแกมบังคับของมารดานั่นเอง
เขาเกลียดเด็กเส้น แต่ก็ยากที่จะเอาชนะความต้องการของมารดาได้
มุกตาภาวนเวียนมาหามารดาของเขาทุกวัน และก็จะมีทั้งขนม ทั้งผลไม้นำมาเอาอกเอาใจคุณแม่ของเขาเสมอ จนท่านรักใคร่เอ็นดูเด็กคนนี้จนออกหน้าออกตา สร้างความหงุดหงิดให้เขาเป็นที่สุด
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายายเด็กนี่มีจุดประสงค์อะไร คงเพราะหล่อนกำพร้า ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังภายในบ้านเช่าตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้หล่อนอยากจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองบ้าง และครอบครัวของเขาก็คือเป้าหมาย
แต่หวังไปเถอะว่าความหวังของหล่อนจะสำเร็จ เพราะเขาจะขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่มีวันยอมให้มุกตาภาเข้ามาใกล้ครอบครัวอันสงบสุขของเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว
“มุก... ขอโทษค่ะพี่ใหญ่”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล เมื่อได้ยินมุกตาภาเรียกขานออกมา
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าพี่ใหญ่ ฉันไม่เคยมีน้องสาว และก็ไม่เคยคิดจะรับเธอมาเป็นน้องด้วย จำเอาไว้”
ดูเถอะ แม่เจ้าประคุณน้ำตาร่วง บีบน้ำตาเก่งจนน่าทึ่ง
ด่าว่าอะไรหน่อยก็ตาแดงก่ำ น้ำตาร่วงกราว ทำตัวเป็นนางเอก แต่เขารู้ว่าข้างในของหล่อนคือนางมารร้ายดีๆ นี่เอง
“อย่ามาทำเป็นบีบน้ำตา ลุกขึ้น และเก็บกวาดไอ้ขนมบ้าบอพวกนี้ให้หมดนะ อย่าให้เหลือร่องรอยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว”
“ค่ะ...”
ยิ่งมุกตาภารับคำง่ายดาย เขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
มันเป็นเหมือนทุกครั้งที่เขารังแกหล่อน และหล่อนก็เอาแต่ร้องไห้ และไม่คิดจะโต้ตอบกลับอะไรมาเลยนั่นแหละ
บ้าชิบ!
ตรัยคุณเท้าเอวจ้องหน้าแม่นางเอกละครน้ำเน่าอย่างโมโห
“แล้วถ้าคราวหน้าเธอทะเล่อทะล่าเดินมาตัดหน้ารถฉันอีกล่ะก็ ฉันจะเหยียบเธอให้เละเชียว”
“มุก... จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองผู้ชายตัวโต ในชุดสูทหล่อเหลาด้วยความเสียใจ
ตรัยคุณใจดีกับทุกคน อ่อนโยนกับผู้หญิงทุกวัย แต่กับหล่อน เขาแสดงท่าทางจงเกลียดจงชังเหลือเกิน ไม่เคยมีแม้แต่รอยยิ้มเอ็นดูมอบมาให้
ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนรักเขา หัวใจมอบให้เขาไปแล้วทั้งดวง แต่ในสายตาของเขา หล่อนก็เป็นแค่เด็กกะโปโลน่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้น
เขาเกลียดหล่อน...
จงเกลียดจงชังหล่อนอย่างออกหน้าออกตา ไม่ปิดบัง นี่ถ้าไม่มีคุณแม่ของเขาปกป้องหล่อนล่ะก็ ป่านนี้เขาก็คงไล่ตะเพิดหล่อนออกจากงานไปแล้วล่ะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ช้ำใจ และน้อยใจ จนน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญ ไปเก็บเศษขนมให้หมดเลย อ้อ แล้วถ้าวันนี้เธอไปทำงานสาย เธอจะถูกทัณฑ์บนแน่ จำเอาไว้”
“ค่ะ พี่... เอ่อ... คุณใหญ่”
“เรียกฉันว่าท่านประธาน จบนะ มุกตาภา”
เขาสั่งเสียงเหี้ยม ขณะยืนจ้องหน้าคนที่นั่งกองอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา
“ค่ะ ท่าน... ประธาน”
มุมปากของตรัยคุณยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดออกมาอีกครั้ง
“แล้วถ้าเป็นไปได้ อย่าแวะมาบ้านฉันบ่อยนัก เพราะต่อให้เธอหอบเสื้อหอบผ้ามานอนที่นี่ เธอก็ไม่ใช่คนของ วิเชียรกิติรัตน์ จำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย!”
คนฟังเจ็บจนเลือดทะลักไหลออกมาจากหัวใจ หล่อนช้อนตาขึ้นมองชายที่ตัวเองแอบรักทั้งน้ำตา
นี่เขาไม่รู้เลยเหรอว่าที่หล่อนมาที่นี่บ่อยๆ ก็เพราะเขา
อยากเห็นเขา...
แม้จะต้องถูกด่าทอทั้งทางวาจาและสายตา ก็ยอมเสมอมา ขอเพียงแค่ได้เห็นเขาเท่านั้น
หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บช้ำทรมาน เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ
ทำไมไม่มองหล่อนในแง่ดีบ้าง ทั้งๆ ที่หล่อนก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้กับคนในตระกูลวิเชียรกิติรัตน์เลย
“มุก... ไม่เคยอาจเอื้อมคิดว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวของท่านประธานเลยค่ะ”
“หึ ให้มันแน่เถอะ”
เขาทิ้งสายตาเย็นชาใส่หน้าหล่อน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ ก้าวขึ้นไป และขับออกไปด้วยความเร็ว ในขณะที่หล่อนมองตามไปทั้งน้ำตา
หล่อนเจ็บปวดเหลือเกิน...
หญิงสาวยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะค่อยๆ กอบเศษขนมกับผลไม้ที่หล่อนตระเตรียมเอาไว้มาให้คุณหญิงตารกากลับใส่ตะกร้า เพื่อที่จะนำไปทิ้ง เพราะมันเละเทะกินไม่ได้แล้ว
“ตายแล้ว นั่นหนูมุกเกิดอะไรขึ้น”
คุณหญิงตารกาที่เดินออกมาหยุดหน้าประตูตึกใหญ่สีขาวสะอาดตา รีบวิ่งเข้ามาหาทันที เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังคลานเก็บเศษขนมบนพื้น
“เมื่อกี้ได้ยินเสียงดัง นึกแล้วเชียวต้องมีเรื่อง”
“เอ่อ... มุก... ซุ่มซ่ามน่ะค่ะ เลยทำตะกร้าใส่ขนมกับผลไม้ที่คุณหญิงสั่งเอาไว้ตกพื้นหมดเลย”
หล่อนพยายามที่จะกะพริบตาไล่คราบน้ำตา เพื่อไม่ต้องการให้คุณหญิงตารกาเห็นความเสียใจในดวงตา แต่ก็เก็บซ่อนไม่มิด
“ฝีมือพ่อใหญ่อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“มะ... ไม่ใช่ฝีมือท่านประธานหรอกค่ะคุณหญิง”
“แล้วทำไมเรียกพ่อใหญ่ว่าท่านประธานล่ะ ฉันบอกหนูมุกแล้วไงว่าให้เรียกพี่ใหญ่ คนกันเองกันทั้งนั้น”
หล่อนก็อยากทำแบบที่คุณหญิงตารกาบอกนั่นแหละ ติดตรงที่ตรัยคุณไม่ต้องการ
“เอ่อ... มุกติดปากเรียกแบบนี้จากที่บริษัทน่ะค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงตารกามองหล่อนด้วยสายตาเวทนาสงสาร และแน่นอนว่าหญิงวัยกลางคนเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ตนเองกำลังอาบน้ำอยู่ชั้นบน
“แม่ตาบ ไปเรียกเด็กๆ มาเก็บเศษขนมพวกนี้ไปทิ้งหน่อยสิ”
“ค่ะคุณหญิง”
แม่บ้านคนสนิทสูงวัยตอบรับคำสั่ง และรีบเดินไปตามคำสั่งทันที
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง แต่มุกเก็บเองได้ค่ะ นี่ก็จะเสร็จแล้วค่ะ”
“นี่มันก็เจ็ดโมงกว่าแล้วนะ หนูต้องรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ ไปสายเดี๋ยวพ่อใหญ่ก็อาละวาดใส่หนูมุกอีกหรอก”
ที่คุณหญิงตารกาพูดมันคือความจริงทุกอย่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยฟ้องก็ตาม
“เอ่อ...”
“ถ้าหนูมุกเกรงใจฉัน งั้นเย็นนี้ก็มาทำกับข้าวให้ฉันกินเป็นการตอบแทนก็ได้นี่”
หล่อนยินดีทำตามที่คุณหญิงตารกาต้องการทุกอย่าง แต่ติดปัญหาอยู่ที่ตรัยคุณนั่นแหละ หล่อนเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ
“เอ่อ... คุณใหญ่อาจจะ...”
คุณหญิงตารกาแทรกขึ้นก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดจบประโยคอย่างรู้ทัน
“เมื่อคืนพ่อใหญ่บอกว่าวันนี้จะไปงานเลี้ยง น่าจะกลับดึก ดังนั้นหนูมุกสบายใจได้เลยจ้ะ”
มุกตาภาฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ และรีบตอบรับอย่างเต็มใจ
“ค่ะคุณหญิง มุกจะมาทำอาหารค่ำให้คุณหญิงรับประทานค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ ว่าแต่จะทำอะไรให้ฉันกินล่ะ ฉันจะได้ให้เด็กออกไปซื้อของมารอเอาไว้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตอนกลับบ้าน มุกแวะซื้อมาจากตลาดเองค่ะ จะได้สดๆ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ตามใจหนูมุกก็แล้วกัน”
คุณหญิงตารกาอมยิ้ม มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รักและเอ็นดูมุกตาภาอย่างนี้ แต่ยิ่งเห็น ยิ่งได้ใกล้ ก็ยิ่งรักยิ่งเมตตาขึ้นทุกวัน
“นี่ถ้าฉันได้หนูมุกมาเป็นลูกสาวก็คงดีสินะ ฉันคงมีความสุขที่สุดเลยล่ะ”
มุกตาภายกมือขึ้นไหว้คุณหญิงตารกาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน
“ถึงมุกจะไม่ได้เป็นลูกสาวของคุณหญิง แต่มุกก็สัญญานะคะว่าจะปรนนิบัติคุณหญิงให้ดีที่สุดค่ะ ตราบชั่วชีวิตของมุก...”
“น่ารักจริงๆ เลย หนูมุก”
ยิ่งได้ฟังคำพูดอ่อนหวาน อ่อนโยนของมุกตาภา คุณหญิงตารกาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“เมื่อไหร่นะ พ่อใหญ่จะเลิกจงเกลียดจงชังหนูมุกเสียที หนูมุกออกจะน่ารัก”
พอได้ยินชื่อของตรัยคุณ ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของมุกตาภาก็ค่อยๆ จางลง
มันคงไม่มีวันนั้นหรอก...
เสียงหนึ่งในหัวดังก้องขึ้น และแน่นอนว่ามันคือความจริงทุกอย่าง
“มุก... ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะคุณหญิง”
“นี่ก็สายแล้ว ให้ตาแช่มไปส่งไหม เผื่อรถเมล์มาช้า”
“ขอบพระคุณคุณหญิงมากค่ะ แต่มุกไปเองสะดวกกว่าค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ เดินทางปลอดภัยนะหนูมุก”
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง”
หล่อนยกมือขึ้นไหว้คุณหญิงตารกาด้วยความเคารพนอบน้อม ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ออกไปจากอาณาจักรของตระกูลวิเชียรกิติรัตน์
เท้าเล็กก้าวไปข้างหน้าด้วยความรีบเร่ง เมื่อเวลามันกระชั้นเข้ามาทุกขณะ
หล่อนไม่อยากไปสาย เพราะหากเข้างานสาย ตรัยคุณที่รอเหยียบซ้ำอยู่ก็จะมีโอกาสจัดการกับหล่อนได้ง่ายขึ้น
หญิงสาวเร่งฝีเท้า แต่เมื่อเดินมาถึงปากซอยที่ป้ายรถเมล์อยู่ห่างออกไปเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น รถเมล์คันเป้าหมายก็แล่นออกไปจากป้ายต่อหน้าต่อตา หล่อนวิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน
“ทำยังไงดีล่ะ ถ้ารออีกเที่ยวจะต้องไปทำงานสายแน่ๆ เลย”
หล่อนยืนหน้าซีดเผือด ความวิตกกังวลอาบไล้เต็มหัวใจ
“น้องมุก กำลังจะไปทำงานหรือครับ”
รถยนต์คันงามคันหนึ่งมาจอดริมถนนซึ่งอยู่ห่างไปเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมกับใบหน้าหล่อๆ ของกันติทัต ผู้จัดการฝ่ายขาย และก็พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของตรัยคุณด้วยปรากฏตรงหน้า
“ใช่ค่ะคุณกัน...”
“งั้นก็ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวไปทำงานด้วยกัน”
“เอ่อ แต่ว่า...”
เขาอมยิ้ม ก้าวลงจากรถ และเดินมาเปิดประตูรถให้อย่างเชื้อเชิญ
“ขึ้นเถอะครับน้องมุก เดี๋ยวไปทำงานสายกันทั้งคู่นะครับ”
หล่อนลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็จำต้องก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของกันติทัต
“ขอบคุณค่ะคุณกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ทางเดียวกันไปด้วยกันประหยัดพลังงานครับ”
กันติทัตไม่ถือเนื้อถือตัว และแสดงท่าทางเป็นมิตรกับหล่อนเสมอ ต่างจากตรัยคุณเหลือเกิน
“แต่เท่าที่มุกรู้ บ้านคุณกันไม่ได้อยู่ทางนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
คนที่ขับรถอยู่ หันมาส่งยิ้มหวานๆ ให้อย่างเป็นมิตร
“ใช่ครับ บ้านผมไม่ได้อยู่ทางนี้ แต่พอดีทางเก่าที่เคยใช้วิ่งไปทำงานปิดถนนน่ะครับ น่าจะทำทางอีกเป็นปีเลย ผมก็เลยต้องเปลี่ยนมาวิ่งทางนี้แทน”
“อ้อมน่าดูเลยนะคะเนี่ย”
“ก็นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร ผมออกจากบ้านเช้าอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา อ้อ ว่าแต่น้องมุกมาทำงานกับผมได้ทุกเช้าเลยนะครับ เพราะผมจะผ่านทางนี้อีกเป็นปีเลยทีเดียว”
“ขอบคุณค่ะคุณกัน แต่มุกไม่อยากรบกวน...”
“ไม่รบกวนเลยครับ แค่นั่งรถไปด้วยกันเอง”
“แต่มุก... ก็ยังเกรงใจคุณกันอยู่ดีนั่นแหละค่ะ” หล่อนเกรงใจกันติทัตจริงๆ
“ถ้าเกรงใจผม งั้นก็ทำอาหารเช้ามาฝากผมก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกัน”
“อาหารเช้าเหรอคะ”
“ใช่ครับ”
กันติทัตหันมายิ้มให้หล่อนอีกครั้ง
“นายใหญ่เคยเอาขนมมาให้ผมกิน แล้วบอกว่าเป็นฝีมือของน้องมุกน่ะครับ ซึ่งมันอร่อยมากเลย นี่ผมยังติดใจไม่หาย อยากกินอีกครับ”
แม้ว่าภายนอกหล่อนจะฝืนใจยิ้มออกมา แต่น้ำตากลับตกลงไปข้างในอก
ตรัยคุณไม่สนใจแม้แต่ขนมที่หล่อนทำด้วยหัวใจมอบให้กับเขา ที่เขานำไปที่ทำงานด้วยก็คงเพราะว่าขัดความต้องการของคุณหญิงตารกาผู้เป็นแม่ไม่ได้เท่านั้นเอง
“แล้วว่าไงครับ อาหารเช้าของผม... น้องมุกตกลงไหมครับ”
“ตก... ตกลงค่ะคุณกัน มุกจะทำสุดฝีมือเลยนะคะ”
“ดีใจจัง ลาภปากผมแล้ว”
กันติทัตฉีกยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ในขณะที่หล่อนน้ำตาซึมด้วยความเสียใจ
หากตรัยคุณใจดีกับหล่อนได้สักเสี้ยวเศษหนึ่งของกันติทัต หล่อนคงมีความสุขไม่น้อย