คำภีร์อันเชิญ

1586 คำ
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยผันไปเรื่อยๆ ดนุสรณ์ยังคงตั้งใจฝึกฝนโดยที่ไม่ละทิ้งความพยายามซึ่งสิ่งนี้เป็นนิสัยของเขาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่เคยย่อท้อต่อสิ่งใด เนื่องจากผู้เป็นยายสอนสั่งเขามาเสมอตั้งแต่เด็ก ว่าชีวิตของคนเรานั้นไม่ควรที่จะหยุดและท้อถอยให้กับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อดีของดนุสรณ์อีกข้อหนึ่งนั่นเอง " หืม..เห็นแล้ว นี่สินะมูลธารจักระ.." ดนุสรณ์ลืมตาตื่นขึ้นมาจากสมาธิด้วยรอยยิ้ม เพราะบัดนี้เขาสามารถมองเห็นจุดกำเนิดพลังจุดที่หนึ่งตรงบริเวณตรงปลายสุดของกระดูกสันหลัง สิ่งที่เขามองเห็นคือดอกบัวสีแดงสี่กลีบที่มีแสงรัศมีสีแดงอ่อนๆห่อหุ้ม และเขาคิดว่าแสงรัศมีสีแดงจะเด่นชัดมากขึ้นถ้าหากพลังเวทย์กล้าแกร่งมากขึ้นกว่านี้ " ไม่ผิดจริงๆด้วย พลังเวทย์แฝงเร้นอยู่ภายในร่างกายนี้อย่างที่คิดเอาไว้เลย..." ดนุสรณ์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจในความสำเร็จของเขาถึงแม้ว่าต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการฝึกฝน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาช่างน่าประทับใจอย่างยิ่ง ในช่วงเย็นของวันฮุ่ยจือได้ยกสำรับอาหารมาจัดเตรียมให้กับดนุสรณ์หรือคุณชายหมิงเซียนของเขาภายในห้องนอน แต่ต้องแปลกใจเมื่อเขาสัมผัสถึงพลังเวทย์จากคุณชายของเขาได้ " คะ..คุณชาย..พะ..พลังเวทย์..." ฮุ่ยจือดวงตาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นดีใจ เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าพลังเวทย์ของคุณชายหมิงเซียนจะปรากฎขึ้นมาในวัย16ปีเช่นนี้ " ใช่..พลังเวทย์ที่แฝงเร้นอยู่ภายในกายของข้า ข้าหามันเจอแล้ว..." ดนุสรณ์ยกยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฮุ่ยจือนั้นตื่นเต้นดีใจมากเพียงใด ฮุ่ยจือก็เป็นเหมือนเพื่อนหรือสหายและเป็นญาติของเขาเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ เพราะตั้งแต่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของคุณชายหมิงเซียนก็มีเพียงฮุ่ยจือเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้าง " ยินดีด้วยขอรับคุณชาย.." ฮุ่ยจือหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดีออกมา เพราะเขาไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้ " ขอบใจเจ้ามากฮุ่ยจือ นั่งทานอาหารด้วยกันสิ.." ดนุสรณ์ยกยิ้มออกมา เพราะเขาให้ฮุ่ยจือร่วมโต๊ะทานอาหารตลอดในช่วงระยะหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะฮุ่ยจือเป็นมากกว่าบ่าวรับใช้นั่นเอง " ขอรับคุณชาย.." ฮุ่ยจือจัดแจงสำรับอาหารพร้อมกับรินน้ำชาให้กับดนุสรณ์ก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารด้วย " ฮุ่ยจือ ข้าเคยได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องพันธะกับคำภีร์อันเชิญ มันคือสิ่งใดหรือ.." ดนุสรณ์ถามออกมาในขณะที่นั่งทานอาหาร " คำภีร์อันเชิญเปรียบเสมือนศาสตราวุธของนักเวทย์ และการที่ผู้มีพลังเวทย์จะใช้เวทย์ได้ต้องทำพันธะกับคำภีร์อันเชิญให้ได้เสียก่อนขอรับ..." ฮุ่ยจืออธิบายออกมาถึงความสำคัญของคำภีร์อันเชิญ " อ่อ..เช่นนั้นหรอกหรือ.." ดนุสรณ์พยักหน้าเข้าใจ " คำภีร์อันเชิญนั้นแบ่งเป็นสี่ระดับได้แก่ คำภีร์อันเชิญระดับทองแดง คำภีร์อันเชิญระดับเงิน คำภีร์อันเชิญระดับทอง และคำภีร์อัญเชิญระดับเพชรขอรับ.." ฮุ่ยจือพูดออกมาอีกครั้ง " แล้วคำภีร์อันเชิญทั้งสี่ระดับแตกต่างกันเช่นไรหรือ.." ดนุสรณ์ถามออกมาอย่างสนใจ " คำภีร์อันเชิญทั้งสี่ระดับนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากขอรับ อย่างคำภีร์อัญเชิญระดับทองแดงมีจำนวนหน้ากระดาษอยู่50แผ่นและมีขนาดเล็กกว่าคำภีร์อันเชิญระดับเงินเล็กน้อย หน้ากระดาษในคำภีร์อันเชิญนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะใช้เป็นที่เก็บบทเวทย์อันเชิญและเป็นที่ประทับพันธะของอสูรรับใช้ของเหล่านักเวทย์ขอรับ..." ฮุ่ยจืออธิบายถึงความสำคัญของคำภีร์อันเชิญ " อื้ม..เข้าใจแล้ว เอ่อ..ว่าแต่คำภีร์เงิน คำภีร์ทอง คำภีร์เพชรมีกี่หน้ากระดาษหรือ.." ดนุสรณ์ถามออกมาอีกครั้ง " คำภีร์อัญเชิญระดับเงินมี100หน้ากระดาษ คำภีร์อัญเชิญทองมี200หน้ากระดาษ คำภีร์อัญเชิญระดับเพชรมี1,000หน้ากระดาษขอรับคุณชาย.." ฮุ่ยจือพูดออกมา " โอ้!...ช่างแตกต่างกันมากนัก..." ดนุสรณ์พยักหน้าเข้าใจ " ขอรับ แตกต่างกันอย่างมาก.." ฮุ่ยจือยกยิ้มเล็กน้อย " แล้วผู้มีพลังเวทย์ระดับใดครอบครองคำภีร์อันเชิญระดับใดบ้างหรือ..." ดนุสรณ์ถามออกมาอีกครั้งด้วยความอยากรู้ " การครอบครองคำภีร์อันเชิญนั้นหาใช่ขึ้นอยู่กับระดับพลังเวทย์ขอรับ แต่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนักเวทย์ว่าถูกกำหนดให้ครอบครองคำภีร์อันเชิญระดับใด..." ฮุ่ยจือพูดออกมา " เช่นนั้นเองหรือ ว่าแต่เจ้าครอบครองคำภีร์อันเชิญระดับใดหรือฮุ่ยจือ.." ดนุสรณ์ถามออกมาด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก !! วูบบบบบบบบบบ !! ฮุ่ยจือเรียกคำภีร์อันเชิญของตนเองออกมาลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าของเขา เพื่อแสดงให้ดนุสรณ์ได้เห็นว่าเขาครอบครองคำภีร์อันเชิญระดับใด คำภีร์อัญเชิญที่ฮุ่ยจือเรียกออกมานั้นเป็นคำภีร์เล่มใหญ่ที่มีความสูงประมาณ15นิ้วและมีความกว้างประมาณ10นิ้ว หน้าปกคำภีร์อัญเชิญเป็นสีทองมีลวดลายของวงเวทย์นูนเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด " ข้าครอบครองคำภีร์อัญเชิญระดับทองขอรับนายท่าน..." ฮุ่ยจือยกยิ้มเล็กน้อย " โอ้!...นี่น่ะหรือคำภีร์อัญเชิญระดับทอง มันช่างงดงามนัก..." ดนุสรณ์เอ่ยชมออกมา " ขอรับคุณชาย ข้าว่าคุณชายเองก็ต้องหาคำภีร์อันเชิญที่เหมาะสมมาทำพันธะเพราะจักได้เรียนรู้การใช้เวทย์อย่างถูกต้อง และจักได้ทำพันธะกับอสูรรับใช้ได้..." ฮุ่ยจือยกยิ้มเล็กน้อยเช่นเดิมก่อนจะเก็บคำภีร์อันเชิญกลับไป " อื้ม..แล้วข้าจักหาคำภีร์อันเชิญได้จากที่ใดกัน..." ดนุสรณ์ถามออกมาด้วยความไม่รู้ " มิต้องห่วงขอรับฮูหยินมี่เจินและท่านมี่จวนได้จัดเตรียมคำภีร์อันเชิญเอาไว้ให้คุณชายตั้งแต่คุณชายเกิดแล้วขอรับ มันถูกเก็บรักษาเอาไว้ห้องเก็บสมบัติ.." ฮุ่ยจือยกยิ้มเล็กน้อย เพราะทุกสรรพสิ่งได้จัดเตรียมเอาไว้ให้กับคุณชายหมิงเซียนแล้วตั้งแต่วันที่คุณชายกำเนิดขึ้นมา " อ่อ..สิ่งเหล่านี้มิเกี่ยวข้องกับตระกูลหมิงใช่หรือไม่..." ดนุสรณ์ถามออกมาเพราะดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะถูกจัดเตรียมเอาไว้โดยผู้ที่เป็นมารดาและท่านตาของคุณชายหมิงเซียน " ขอรับ สิ่งเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหมิงเลย เพราะกฎของตระกูลหมิงนั้นผู้ที่จักได้ครอบครองคำภีร์อันเชิญจักต้องทำพันธะต่อเบื้องหน้าของผู้นำตระกูลและเหล่าอาวุโสเท่านั้น ไม่มีการจัดเตรียมเอาไว้เช่นนี้ เพราะด้วยคำภีร์อันเชิญนั้นสร้างขึ้นมาได้ยากยิ่งและมีราคาสูงลิบลิ่ว.." ฮุ่ยจือพูดออกมา เพราะคนของตระกูลหมิงทุกคนจะต้องผ่านพิธิทำพันธะต่อหน้าผู้นำตระกูลและอาวุโสภายในตระกูล และพิธีนี้จะถูกจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น " หืม..เช่นนั้นหรอกหรือ..." ดนุสรณ์พยักหน้าเข้าใจและคิดว่าตระกูลมี่ของมารดาคงร่ำรวยเป็นอย่างมาก จึงได้ซื้อหาและจัดเตรียมคำภีร์อันเชิญเอาไว้ให้คุณชายหมิงเซียนตั้งแต่เกิดเช่นนี้ ดนุสรณ์นั่งทานอาหารเย็นร่วมกับฮุ่ยจือและพูดคุยสอบถามถึงเรื่องราวที่เขาอยากรู้เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา " เอ่อ..ข้าอยากรู้ว่านักเวทย์หนึ่งคนเมื่อทำพันธะกับคำภีร์อันเชิญแล้ว พวกเขาจักสามารถทำพันธะกับคำภีร์อันเชิญในระดับที่สูงกว่าได้หรือไม่...หรือสามารถครอบครองคำภีร์อันเชิญได้มากกว่าหนึ่งเล่มหรือไม่..." ดนุสรณ์ถามออกมา เพราะเขาอยากรู้เรื่องนี้ " เป็นไปได้ขอรับ ในตำราโบราณได้บันทึกเอาไว้ว่ามีนักเวทย์ที่สามารถทำพันธะกับคำภีร์อัญเชิญระดับสูงกว่าของตนเองได้ และยังปรากฎนักเวทย์ที่สามารถครอบครองคำภีร์อันเชิญระดับเพชรได้มากถึงสามเล่ม และนักเวทย์ผู้นั้นนำคำภีร์อันเชิญระดับเพชรทั้งสามเล่มมาประสานเป็นคำภีร์อันเชิญระดับมหาเวทย์ได้สำเร็จด้วยขอรับ...." ฮุ่ยจือพูดออกมา " คำภีร์อัญเชิญระดับมหาเวทย์เช่นนั้นหรือ.." ดนุสรณ์สนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ " ขอรับ ว่ากันว่าคำภีร์อัญเชิญระดับมหาเวทย์นั้นคือคำภีร์อันเชิญที่ทรงอำนาจสามารถสยบเหล่าศัตรู ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์อสูร ปีศาจ และสูรกายทั่วหล้าได้ จึงถูกขนานนามว่าคำภีร์มหาเวทย์สยบไพรีขอรับ..." ฮุ่ยจือพูดออกมาตามที่เขาได้ศึกษา " คำภีร์มหาเวทย์สยบไพรีเช่นนั้นหรือ..." ดนุสรณ์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โลกใบนี้มีเรื่องราวอีกมากมายให้เขาต้องเรียนรู้ เพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่อาศัยอยู่ แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า อสูรวิญญาณ อสูรเซียน อสูรบรรกาล ปีศาจ และอสูรกายอาศัยอยู่ร่วมด้วย.....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม