หนังหมาป่าผืนนี้นางตั้งใจมอบให้ฉู่ห่าวหราน นางไม่มีสิ่งใดมอบให้เขา เจ้าหมาป่าตัวนี้น่าจะให้เป็นของขวัญกับเขาได้ ข้าวของที่ขนมาจากเมืองหลวง แท้จริงเป็นเพียงเสื้อผ้าของเหอเยว่ซิน แต่เพราะเหอเยว่ซินลอบหลบหนีอยู่ จึงไม่ต้องการนำเสื้อผ้างดงามเหล่านี้ไปด้วย สิ่งที่เหอเยว่ซินนำติดตัวไปคือเครื่องประดับมีราคา และตั๋วแลกเงิน
เอาละ ประเดี๋ยวกินอาหารเช้า เอ่อ ไม่สิ อาหารเที่ยงเสร็จ นางจะได้พบฉู่ห่าวหรานและสารภาพ เอ่อ ไม่ใช่ๆ นางไม่ได้ทำอะไรผิดจะไปสารภาพทำไมกัน นางแค่ต้องเจรจาตกลงกับบุรุษผู้นั้น ให้เข้าใจว่า ‘เหอเยว่ซิน’ ไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยเหตุผลใด และหวังใจว่าเขาจะเข้าใจ ไม่เอาเรื่องเอาราวใดกับนางด้วย เท่านี้ภารกิจของนางก็จะลุล่วงไปด้วยดี เหลือเพียงสิ่งที่พ่อบุญธรรมฝากฝังในให้นางทำ...
บะหมี่หอมกรุ่นทำให้หญิงสาวไม่มีสมองไปคิดเรื่องอื่น นางรับบะหมี่มากิน พูดคุยเรื่องทั่วไปกับคนที่นี่ ทำให้นางรู้ว่าบ่าวรับใช้ที่นี่มิได้ติดตามมาจากเมืองหลวง การเดินทางออกจากเมืองหลวงนั้นมีเพียงฉู่ห่าวหรานกับหันซูและตำราสิบกว่าหีบที่ขนมา ส่วนบ่าวรับใช้เพิ่งหาคนมาทำงานเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เขาเลือกคนที่ไม่มีที่มาที่ไป ป้าลี่จือเป็นหม้ายและไร้บุตร เมื่อสามีตาย บรรดาญาติฝั่งสามีขับไล่ไสส่งนางเพราะนางไม่มีทายาทให้ตระกูล บ่าวชายอีกสองสามคนก็ไม่ต่างกันนัก และหากต้องทำอะไรที่ใช้แรงงานคน พ่อบ้านหันซูจะจ้างคนงานจ่ายค่าแรงเป็นรายวัน
หญิงสาวกินอิ่มแล้ว นางพูดคุยเรื่องของว่างที่ต้องเตรียมส่งไปให้ท่านราชครู
“ความจริง ใต้เท้าไม่ให้พวกเราเรียกท่านราชครู นายท่านบอกว่าท่านไม่ใช่ราชครูแล้ว” ต้าต่านบ่าวชายเอ่ยขึ้น
เยว่ซินพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว”
นางสูดลมหายลึกๆ ผ่อนออกช้าๆ แล้วตั้งใจเดินหน้าไปพบฉู่ห่าวหราน ทว่าเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีบ่าวชายคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาตามหานาง
“แย่แล้วขอรับคุณหนูเยว่ซิน”
“มีเรื่องใดรึ” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น
“มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่งมาตะโกนเรียกหาคุณหนูที่หน้าคฤหาสน์ขอรับ”
“เด็ก?”
“ขอรับ พวกเราห้ามไว้ไม่ให้เข้ามา พวกเด็กจะบุกเข้ามาให้ได้ขอรับ”
“ก็แค่เด็กจะตื่นเต้นไปไย”
“แต่นายท่านมิชอบให้ผู้อื่นเข้ามารบกวน ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบ...”
“เข้าใจแล้วๆ ข้าไปเอง”
เยว่ซินโบกมือห้ามไว้ก่อน นางหมุนตัวแล้ววิ่งไปโดยเร็ว
ทำไมเส้นทางการเดินไปพบหน้าฉู่ห่าวหราน ถึงได้ยาวไกลเช่นนี้นะ!
...
“เด็ก?”
“เด็กๆ จากในหมู่บ้านขอรับ”
“นางคิดจะทำอะไรกันแน่” ฉู่ห่าวหรานส่งพู่กันให้หันซูแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือ “ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
“ไปดู...เอ่อ...”
“ทำไมมีอะไรที่ข้าไม่ควรเห็น?” ฉู่ห่าวหรานเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่มีขอรับ แค่เห็นว่านายท่านไม่ชอบเด็กๆ”
“ข้าแค่ไม่ชอบเสียงดัง” เขาส่ายหน้าไปมา “พาข้าไป”
“ขอรับ”
หันซูเข็นรถเข็นของนายท่านมาที่ลานบ้าน เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังเหลาไม่ไผ่ เด็กผู้หญิงนั่งบนพื้นรออยู่ใกล้ๆ ส่วนหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางเด็กเหล่านั้น ก็เหมือนเป็นเด็กตัวโตเสียมากกว่า
“นี่ๆ ระวังด้วย”
“ทราบแล้วพี่เยว่ซิน”
“ช่วยกันทำ อย่าทำแค่ของตัวเอง” นางยืนคุมเด็กน้อยที่กำลังทำว่าวกระดาษ เสียงหัวเราะของเด็กน้อยชะงักไปทำให้นางรู้สึกตัว เห็นสายตาของเด็กๆ จ้องมองไปด้านหลังนาง นางจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง
“ท่านราชครู” นางฉีกยิ้มกว้าง แต่เห็นสีหน้าราบเรียบราวแผ่นน้ำแข็งแล้วก็หุบยิ้มแล้วหมุนตัวไปพูดกับเด็กๆ “นี่ๆ พวกเจ้าเบาเสียงหน่อยสิ เกรงใจเจ้าของบ้านบ้าง”
“แล้วพี่เยว่ซินไม่ใช่เจ้าของบ้านหรือ?”
“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว” นางยื่นมือไปขยี้ผมของเด็กชายแรงๆ “ข้ามาอาศัยท่านราชครูอยู่ต่างหากละ”
ดวงตาของฉู่ห่าวหรานกระตุก หญิงสาวหันกลับมาส่งยิ้มกว้างให้เขา
“ข้ารู้ว่าใต้เท้าจะถามอะไร ข้าตอบเลยก็แล้วกัน ท่านคงพอจำได้ เด็กๆ กลุ่มนี้ท่านพบที่ริมแม่น้ำแล้ว” นางหยุดแล้วรอดูสีหน้าของอีกฝ่าย เมื่อสีหน้าเขายังคงเดิมไม่เปลี่ยน นางจึงพูดต่อ “พวกเขาอยากไปเล่นน้ำอีก แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาไปเล่นกันเอง และข้าก็ไม่อยากไปเป็นเพื่อนพวกเขา ข้าเลยเสนอตัวสอนเด็กๆ ทำว่าวกระดาษแทน หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“ว่าวกระดาษ?”
“อื้ม” นางรีบหยิบว่าวที่ทำเสร็จแล้วส่งให้เขาดู “กระดาษไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอเอามาทำเล่นได้เจ้าค่ะ”
แม้ไม่อยากรับ แต่ยื่นใส่มือเช่นนี้ ฉู่ห่าวหรานจำใจรับว่าวกระดาษมาพลิกดูไปมา งานไม่ละเอียดและกระดาษไม่ดีนัก แต่ดูแล้วก็พอใช้เล่นสนุกได้
“ถ้าท่านชอบ ข้ายกให้” เยว่ซินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เพราะเขานั่งบนรถเข็น นางจึงค้อมเอวลงมาเล็กน้อย ใบหน้าของนางใกล้กับใบหน้าน้ำแข็งของฉู่ห่าวหรานมาก ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะใบหูทำเอาชายหนุ่มชะงักงันไปชั่วขณะ
“ข้าก็อยากได้นะพี่เยว่ซิน”
“ข้าก็ด้วย”
“ข้าด้วย”
นางยืดตัวขึ้นแล้วพูด “ได้ๆ ได้ทุกคนไม่ต้องห่วง เพราะพวกเจ้าต้องทำเอง”
เสียงเด็กๆโห่ร้องไม่พอใจ เยว่ซินขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นกอดอก “ข้าสอนพวกเจ้าทำว่าวเป็น วิชาความรู้นี้ไม่ได้เรียนกันโดยง่าย ข้าสอนพวกเจ้าไม่มีสิ่งใดแลกเปลี่ยน ตามหลัก พวกเจ้าต้องเรียกข้าว่าอาจารย์แล้ว”
“อาจารย์?”
“ถูกต้อง” นางพยักหน้ารับ “แต่ข้าเป็นคนดีไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเหล่านี้ พวกเจ้าเรียกข้าว่าพี่เยว่ซินก็พอ”
“พี่เยว่ซิน!”
“พวกเจ้าลงมือทำตามที่ข้าสอน ฝึกฝนบ่อยๆ ก็เชี่ยวชาญชำนาญไปเอง”
นางเอ่ยจบก็หันกลับมาทางฉู่ห่าวหราน “ข้าใช้ลานบ้านท่านโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ท่านไม่ถือโทษโกรธข้านะ”
ถ้าบอกว่าไม่พอใจก็พูดไม่ได้สินะ