THE KINGDOM TOWER ตึกสูงระฟ้าที่ถูกออกแบบเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง และผู้ครอบครองสถาปัตยากรรมแสนเลอค่าแห่งนี้ ก็คือ ตระกูล เศรษฐเวษต์
ในเมืองไทย ไม่มีใคร ไม่รู้จักตระกูลเศรษฐเวษต์ ตระกูลที่เต็มไปด้วยอำนาจ และความร่ำรวยมั่งคั่ง ตระกูลผู้ผูกขาดธุรกิจสำคัญของประเทศไทยเอาไว้ในอุ้งมือมากมาย ภายใต้การบริหารของทายาทหนุ่มหล่อทั้งสามคนของวงศ์ตระกูล
อินทัช เศรษฐเวษต์ หรือคุณหนึ่ง พี่ชายคนโตของตระกูล
อนล เศรษฐเวษต์ หรือคุณสอง น้องชายคนกลางของตระกูล
และคนสุดท้าย...
อติพัฒน์ เศรษฐเวษต์ หรือคุณสาม น้องชายคนสุดท้ายของตระกูล
ทั้งสามหนุ่มถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด พวกเขาแบกรับภาระธุรกิจของวงศ์ตระกูลมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น
พวกเขาเรียนหนัก ทำงานหนัก และต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดา และแน่นอนว่าหากทำไม่สำเร็จ พวกเขาจะถูกลงโทษ
ดังนั้นทั้งสามหนึ่งจึงต้องฝ่าฝันอุปสรรค และความยากลำบากมากมาย กว่าจะได้ก้าวขึ้นสู่ผู้บริหารของ เศรษฐเวษต์ กรุ๊ป
อินทัช พี่ชายคนโต ชายหนุ่มเป็นคนเงียบขรึม ให้ความสำคัญกับงานเป็นที่หนึ่ง และคำสั่งของบิดามารดาก็คือประกาศิตที่เขาจะไม่มีวันปฏิเสธ
ดังนั้นเมื่อท่านทั้งสองออกคำสั่งให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่พวกท่านได้คัดเลือกเอาไว้ให้ เขาก็ทำตามแต่โดยดี โดยไม่มีใครเดาใจเขาออกเลยว่า แท้จริงแล้วนั้น อินทัชเต็มใจหรือไม่
อนล น้องชายคนกลาง เขาเป็นผู้ชายที่บ้างานไม่แพ้อินทัช แต่เขาจะไม่เงียบขรึมเหมือนพี่ชาย เขารักสนุก มีเล่ห์เหลี่ยม และทุกอย่างที่อยู่ในระยะสายตาของเขาจะต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
อติพัฒน์ น้องชายคนสุดท้าย ชายหนุ่มเป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะงาน หรือว่าเรื่องส่วนตัว เขาจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และแน่นอนว่าชัยชนะคือสิ่งที่เขากระหายมากที่สุด
เรือนร่างสูงใหญ่ไซส์หนุ่มยุโรปของสองพี่น้องตระกูลเศรษฐเวษต์กำลังยืนคุยกันถึงโปรเจ็กต์ใหม่ที่กำลังไปได้สวยอยู่ที่บริเวณชั้นผู้บริหาร ซึ่งก็คือหน้าห้องทำงานของอินทัชผู้เป็นพี่ชายนั่นเอง
“นายอย่าลืมเลือกนางแบบด้วยล่ะ พี่ให้คุณสร้อยส่งรายละเอียดไปในอีเมลของนายแล้ว”
คุณสร้อย ที่พี่ชายพูดถึงก็คือ สร้อยมาลา เลขาหน้าห้องที่พี่ชายไว้ใจมากนั่นเอง
“ผมหวังว่าเลขาฯ คนโปรดของพี่หนึ่งจะไม่ส่งแม่ชีมาให้ผมเลือกหรอกนะครับ”
อนลรู้สึกไม่อินกับเลขาหน้าห้องของพี่ชายเลย ทุกครั้งที่เขาเห็นหล่อน เขาก็มักจะรู้สึกหงุดหงิดใจเสมอ เพราะหล่อนดูขัดหูขัดตาของเขาไปเสียทุกอย่าง
นี่มันยุคสองพันยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ควรจะมีผู้หญิงที่แต่งตัวโบราณคร่ำครึราวกับหลุดออกมาจากกรุงรัตนโกสินทร์อย่างสร้อยมาลาอยู่อีก
ยิ่งนึกถึงหล่อน เขาก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“คุณสร้อยทำงานดี ทำงานละเอียด และรอบคอบมาก ดังนั้นเธอจะไม่มีวันทำให้เจ้านายอย่างพี่ผิดหวังหรอก พี่มั่นใจ”
คนเป็นน้องหัวเราะขำขัน พร้อมกับส่ายหน้าหล่อเหลาไปมา
“แต่ผมกลับคิดว่า พี่พยายามจะพอใจกับผลงานของเลขาเฉิ่มเชยของตัวเองมากกว่า นี่ผมถามจริงๆ เถอะครับ เมื่อไหร่พี่หนึ่งจะหาเลขาฯ ใหม่สักที”
“พี่พอใจในผลงานของคุณสร้อย”
“แต่ขัดตาผมมากเลยครับ”
“นั่นมันก็เรื่องของนาย สอง ไม่ใช่เรื่องของพี่ อ้อ แล้วพรุ่งนี้ตอนเช้า เรามีประชุมกับผู้ถือหุ้น พี่หวังว่านายจะรู้ตารางงานนี้แล้วนะ”
สีหน้าของอนลที่แสดงออกมานั้นทำให้ผู้เป็นพี่ชายถึงกับอมยิ้ม
“เลขาฯ คนสวยของนายคงยังไม่ได้บอกนายใช่ไหมล่ะ”
“คุณผึ้งน่าจะลืมครับ” อนลรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก
“คนหน้าตาดี แต่งตัวดี ไม่ใช่ว่าจะทำงานดีเสมอไป นายจำคำพี่เอาไว้ นายสอง”
ผู้เป็นพี่ชายหมุนตัวกำลังจะเดินเข้าห้องทำงาน แต่เสียงไม่ยอมแพ้ของน้องชายดังขึ้นเสียก่อน
“แต่ผมก็ไม่ต้องอารมณ์เสีย หรือขัดหูขัดตาเวลาที่เห็นเลขาฯ ตัวเองแบบพี่หนึ่งนะครับ”
“พี่ไม่เคยขัดหูขัดตากับการแต่งตัวของคุณสร้อยเลย ตรงกันข้ามพี่ว่ามองแล้วรู้สึกสบายตามากกว่า มองผู้หญิงที่แต่งตัวแต่งหน้าจัดเสียอีก”
พี่ชายกับน้องชายมีความมุมมองและความคิดเห็นในเรื่องนี้ไม่ตรงกันเลย และนั่นก็ทำให้เถียงกันเรื่องนี้ประจำ โดยเฉพาะเรื่องเลขาฯ
“บางทีผมอาจจะต้องแอบเข้าไปในห้องทำงานของพี่หนึ่ง แล้วค้นหาดูพวกของมนต์ดำอะไรพวกนี้บ้าง เผื่อจะเจอ”
อนลหลิ่วตาให้กับพี่ชาย ในขณะที่อินทัชส่ายหน้าไปมา และเดินหายเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่พูดอะไรอีก
อนลถอนใจออกมาแรงๆ และพึมพำอย่างไม่เข้าใจในตัวของพี่ชายนัก
“พี่คิดอะไรอยู่กันแน่ พี่หนึ่ง”
เขาพูดจบก็กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับกับผู้เป็นพี่ชาย แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างของสร้อยมาลาในสภาพเละตุ้มเปะ
ผมเผ้าของหล่อนที่เคยขมวดไว้ท้ายศีรษะแล้วคลุมด้วยเน็ตตาข่ายสีดำแบบโบราณตอนนี้มีบางส่วนหลุดออกมา ใบหน้าขาวเนียนที่มีแว่นหนาหน้าอันใหญ่เกือบครึ่งค่อนหน้ามีฝ้าขาวๆ และมีหยดน้ำเกาะ เสื้อผ้าตัวโคร่งที่หล่อนชื่นชอบที่จะสวมใส่เปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำ
อนลถึงกับส่ายหน้าไปมา นี่เขาไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือว่าสมเพชหล่อนดี
“นี่คุณเดินไปชนกับรถสิบล้อมาหรือไง สภาพถึงพังไม่เป็นท่าแบบนี้น่ะ”
“สะ... หวัดดีค่ะคุณอนล”
สร้อยมาลายกมือไหว้ทักทายน้องชายของเจ้านายตัวเอง พยายามซ่อนความอับอายเอาไว้ภายในแว่นหนาที่สวมใส่ให้ลึกที่สุด
หล่อนโชคร้ายรถเสียระหว่างทาง จนต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาทำงาน แถมตอนเดินจะเข้าบริษัทก็ยังถูกคนใจร้ายขับรถเหยียบแอ่งน้ำจนสาดกระเซ็นเข้าใส่จนเปียกปอน แต่ดวงของหล่อนก็ยังตกไม่เลิก เมื่อต้องมาเจอกับอนลที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
อนลคือผู้ชายคนสุดท้ายที่หล่อนต้องการเจอในเวลานี้ แต่หล่อนกลับเจอเขาเข้าจนได้ และสายตาที่เขามองมานั้นก็เต็มไปด้วยความสมเพชระคนขบขัน
หล่อนรู้ดีว่าอนลไม่ชอบขี้หน้าหล่อนนัก ซึ่งเดาเหตุผลของเขาได้ไม่ยาก
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาชอบมอง แต่หล่อนกับเขาก็ต้องเจอกันบ่อย เพราะพี่ชายของเขาคือเจ้านายสายตรงของหล่อนนั่นเอง
หลายครั้งที่เขาตำหนิหล่อนเรื่องการแต่งตัว แต่ทุกครั้งหล่อนก็ทำแค่รับฟังเท่านั้น ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงสไตล์ของตัวเอง
แม้จะรู้ดีว่าการเพิกเฉยต่อคำแนะนำของอนล จะทำให้เขายิ่งเกลียดขี้หน้า แต่หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นอีก ในเมื่อหล่อนไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงแซ่บ
“ยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณไปเดินชนท้ายรถสิบล้อมาหรือไง”
“เอ่อ... สร้อย...”
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าพี่หนึ่งชื่นชมคุณได้ยังไง สร้อยมาลา”
อนลส่ายหน้าไปมา มองหล่อนอย่างเอือมระอา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
สร้อยมาลายกมือขึ้นขยับแว่นหนาของตัวเอง มองตามเรือนร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่ตัวเองแอบรักผ่านม่านน้ำตา
คนเฉิ่มๆ อย่างหล่อน ก็ทำได้แค่เพียงแอบมองและแอบรักเงียบๆ เท่านั้นแหละ
หญิงสาวฝืนยิ้มบางๆ ออกมา และก็รีบสลัดความอดสูออกไปโดยเร็วที่สุด
ถึงหล่อนจะเฉิ่ม จะเชย แต่หล่อนก็จะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างอินทัชผิดหวังอย่างแน่นอน