ตอนที่ 9 พิษร้าย

3472 คำ
“หยุดก่อน!!!”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน พระวรกายเจ้าเนื้อขององค์หญิงน้อยก้าวเข้ามาภายในห้องบรรทมของเย่วฮองเฮา ก่อนจะหยุดนิ่งไปทันทีด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าผู้เป็นพี่สาวลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว สีพระพักตร์เต็มไปด้วยเลือดฝาดช่างแตกต่างไปจากเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว “โอโห่! ยาวิเศษของท่านปู่ช่างสมชื่อจริงๆ เจ้าพี่ลุกขึ้นมานั่งและมีสีหน้าปกติเหมือนไม่เคยประชวรแม้แต่น้อย”องค์หญิงน้อยรำพึงอยู่ภายในใจ พระวรกายเจ้าเนื้อสมบูรณ์รีบโผเข้าไปหาเย่วฮองเฮาด้วยความดีพระทัยยิ่งนัก ครั้นล่วงรู้ว่าอาการประชวรที่ทรงตัวอยู่ตลอดเวลาหายเป็นปลิดทิ้ง “เจ้าพี่หายแล้ว! หายแล้วจริงๆ ด้วยเพคะ”องค์หญิงน้อยรับสั่งพลางตรงเข้าสวมกอดเย่วฮองเฮาด้วยความรักอย่างยิ่งยวด ข้างฝ่ายเย่วฮองเฮาอ้าแขนรับสวมกอดน้องสาวของพระนางเอาไว้แนบอกทันใด ด้วยความรักและเอ็นดูนางเป็นยิ่งนักพลางยกพระหัตถ์ลูบไล้ใบหน้าอ้วนกลมไปมา “ขอบใจเจ้ายิ่งนักเพ่ยเอ๋อร์ที่นำยาวิเศษของท่านปู่มารักษาอาการป่วยของข้า ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านปู่ของเจ้าจะเป็นหมอเทวดาที่รักษาอาการเจ็บป่วยได้ผลอย่างชะงักงันเช่นนี้ ว่าแต่ข้าอยากจะพบท่านปู่ของเจ้าจะได้หรือไม่ เป็นผู้ใดอย่างนั้นรึเจ้าจึงเรียกขานว่าท่านปู่เช่นนั้น ข้าอยากจะสนทนาด้วยเพื่อให้ไปตรวจอาการของฝ่าบาทเสียหน่อยจะได้ทรงหายจากอาการประชวรเช่นกัน”เย่วฮองเฮารับสั่งถามน้องสาวด้วยความอยากรู้ องค์หญิงน้อยกลอกตาไปมาครั้นถูกถามถึงอุปราชปีศาจ ที่นางเรียกพระองค์ว่าท่านปู่ตามความเข้าใจของตัวเองจากพระเกศาสีเงินยวงเป็นเหตุเพราะสำเร็จวิชาอมตะ ทำให้พระเกศาแปรเปลี่ยนไปหาใช่เพราะความชราภาพแต่อย่างใด “แย่แล้วเจ้าพี่อยากรู้จักกับท่านปูเข้าให้เสียแล้ว ข้าจะแก้ตัวอย่างไรต่อไปดีเจ้าพี่จึงจะหลงเชื่ออย่างสนิทใจ แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า จัดการฟูเหรินผู้ชั่วร้ายนี้ก่อนเรื่องท่านปู่ค่อยขบคิดกันอีกที”องค์หญิงน้อยรำพึงอยู่ภายในใจพร้อมผละวรกายออกจากอ้อมพระกรของเย่วฮองเฮาพลางมีรับสั่ง “เพ่ยเอ๋อร์จะบอกเจ้าพี่ทุกอย่างเกี่ยวกับท่านปู่เจ้าค่ะ แต่ถ้าหากต้องการยาไปรักษาฝ่าบาท เพ่ยเอ๋อร์ยังมียาเหลืออีกครึ่งขวดที่ยังป้อนเจ้าพี่ไม่หมด นำไปถวายเพื่อรักษาอาการของฝ่าบาทก่อนก็ได้เพคะ” องค์หญิงน้อยรับสั่งพลางสอดพระหัตถ์เข้าไปใต้ชายแขนเสื้อกว้างดึงเอาขวดหยก ซึ่งมีตัวยารักษาหลงเหลืออยู่อีกครึ่งขวดเพียงพอกับนำไปใช้นำมามอบให้กับเย่วฮองเฮา “ยาในขวดนี้ที่รักษาอาการของข้าหายเป็นปลิดทิ้งภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจอยู่ในนี้นะเหรอเพ่ยเอ๋อร์”รับสั่งถามย้ำเพื่อความแน่พระทัย องค์หญิงน้อยพยักพระพักตร์ขึ้นลงติดต่อกันเป็นการยอมรับพร้อมมีรับสั่ง “เพคะเจ้าพี่ ยาขวดนี่แหละที่ท่านปู่มอบให้มาเพื่อรักษาอาการป่วย ส่วนเรื่องของท่านปู่ข้าจะบอกภายหลัง แต่ก่อนอื่นขอรางวัลความดีความชอบที่นำยาวิเศษของท่านปู่มารักษาอาการประชวรของเจ้าพี่จนหายได้ไหมเพคะ”องค์หญิงน้อยรับสั่งพร้อมชี้ไปทางโถน้ำแกงสามเซียนพร้อมเอ่ยขึ้น “ตอนี้ข้าหิวจังเลย บังเอิญผ่านไปได้ยินจีฟูเหรินบอกกับท่านพี่เก้าว่าเตรียมของเยี่ยมมาให้เจ้าพี่ จีฟูเหรินได้แบ่งของฝากซึ่งบเป็นน้ำแกงสามเซียนเอาไปให้พี่เก้านำมาถวาย ให้แก่เจ้าพี่ ข้าจึงใคร่อยากลิ้มลองดูบ้างว่าจะเลิศรสเพียงใดสมชื่อหรือเปล่าเพคะ”สิ้นเสียงขององค์หญิงน้อย ใบหน้าของจีฟูเหรินถอดสีทันใดเมื่อได้ยินพระขนิษฐาแท้ๆ ของเย่วฮองเฮารับสั่งออกมาเช่นนั้น นั่นก็เท่ากับว่าแผนการของนางองค์หญิงน้อยอาจจะล่วงรู้หรือไม่รู้ก็อาจเป็นได้ “บัดซบสิ้นดี! นางเด็กอ้วนผู้นี้ดันมาได้ยินแผนการของข้าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้และได้ยินตั้งแต่ต้นหรือไม่ แต่จากที่ดูท่าทีแล้วจะห่วงแต่เรื่องกินเป็นใหญ่ ขืนให้นางกินเข้าไปตัวข้าได้จบสิ้นเป็นแน่เพราะเจ้าเด็กปากพล่อยผู้นั้นดันบอกว่าน้ำแกงสามเซียนแท้จริงแล้วเป็นของข้าหาใช่เป็นขององค์ชายเก้าแต่อย่างใด”จีฟูเหรินก่นด่าองค์หญิงน้อยอยู่ภายในใจ ข้างฝ่ายเย่วฮองเฮาครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น พระนางทอดพระเนตรองค์ชายเก้าเขม็งอยู่เพียงครู่ก่อนจะปลายสายพระเนตรไปทางจีฟูเหรินพร้อมมีรับสั่งขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นน้ำแกงสามเซียนนี้แท้จริงแล้วล้วนเป็นของฝากจากจีฟูเหรินอย่างนั้นละสิฉีเอ๋อร์ เรื่องราวเป็นจริงดั่งเช่นที่เพ่ยเอ๋อร์กล่าวออกมาหรือไม่”รับสั่งถามกลับไปตรงๆ องค์ชายเก้าพยักพระพักตร์ขึ้นลงเป็นการยอมรับพร้อมมีรับสั่งขึ้น “เป็นความจริงตามที่เพ่ยเอ๋อร์กล่าวออกมาทุกประการพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกตั้งใจมาเข้าเฝ้าแต่หลงลืมของเยี่ยมติดมือมาด้วย จีฟูเหรินจึงได้เอื้อเฟื้อมอบเครื่องเสวยสามเซียนนี้ให้แก่ลูกนำมาถวายเสด็จแม่แทนพ่ะย่ะค่ะ โดยไม่ต้องบอกผู้ใดว่าแท้จริงแล้วเป็นของฝากที่จีฟูเหรินเตรียมมาถวายเสด็จแม่โดยเฉพาะ”องค์ชายเก้าช่างใสชื่อบริสุทธ์ยิ่งนัก รับสั่งตอบกลับไปตามตรงโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย “เจ้าโง่เอ้ย! บอกแล้วบอกอีกว่าให้เป็นของตัวเองไม่ได้รับมาจากข้า เจ้าเด็กโง่เง่า”จีฟูเหรินสบถถ้อยคำหยาบคายอยู่ภายในใจ พลางรีบหาวิธีแก้ไขเพื่อเอาตัวรอดอย่างแนบเนียน ก่อนจะยกยิ้มออกมาเมื่อคิดได้ว่าต่อให้ตรวจหายาพิษจากน้ำแกงไม่มีวันที่จะพบอย่างแน่นอน” ในขณะที่เย่วฮองเฮาสายพระเนตรที่มองจีฟูเหรินไปในทางที่ดีขึ้น กลับลุกวาวขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินองค์ชายเก้ามีรับสั่งอธิบายกลับมาเช่นนั้น พระเนตรคมกล้าจับจ้องใบหน้าจีฟูเหรินเขม็ง “ออ...ช่างเป็นเจตนาที่ดีเสียจริงนะจีฟูเหริน”รับสั่งลอดไรพระทนต์ ข้างฝ่ายจีฟูเหรินยังคงยืนอย่างสงบนิ่งไม่แสดงอาการพิรุธใดๆ ออกมาทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังส่งยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น “น้องต้องขออภัยพี่หญิงที่ไม่ได้บอกตั้งแต่คราแรก ด้วยเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย อีกอย่างเห็นว่าองค์ชายเก้ามาเข้าเฝ้าโดยไม่มีของฝากเยี่ยมไข้ จึงหวังดีมอบน้ำแกงสามเซียนที่ใช้เวลาปรุงถึงสี่ชั่วยามยกให้องค์ชายนำมาถวายให้พี่หญิงได้เสวยเพื่อบำรุงพระวรกายแข็งแรงขึ้นเร็ววันเพคะ ไม่จำเป็นจะต้องไปป่าวประกาศบอกผู้ใด เพื่อต้องการความดีชอบให้แก่ตัวเองแม้แต่น้อยเลยเพคะพี่หญิง” รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์งามของเย่วฮองเฮาครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “ช่างเป็นเจตนาที่ดีเสียจริงนะ”รับสั่งประชดกลับไป “เจตนาดีจริงแท้แน่นอนเพคะ หากพี่หญิงไม่ไว้วางใจน้องสามารถให้หมอหลวงทดสอบน้ำแกงสามเซียนโถนี้ได้เลยว่ามีสิ่งใดแปลกปลอมหรือไม่”จีฟูเหรินท้าทายกลับไป ในขณะที่องค์หญิงน้อยหันไปฟังคนนั้นทีคนนี้ที แต่เจ้าน้ำแกงตัวดีกลับยังไม่มีผู้ใดจัดการเสียที “เหตุใดไม่มีผู้ใดจัดการน้ำแกงนี้เสียทีนะ แล้วท่าทีของฟูเหรินผู้นี้ยังไม่มีพิรุธอะไรออกมาให้เห็นเลย มิหนำซ้ำยังท้าทายให้หมอหลวงทดสอบด้วย ดูท่าคงจะมั่นใจว่าจะไม่สามารถตรวจหาพิษร้ายในน้ำแกงนี้ได้เป็นแน่ ถ้าพิษไม่ได้อยู่ในน้ำแกงแล้วพิษจะอยู่ตรงไหนได้ละ”องค์หญิงน้อยเฝ้าครุ่นคิดอยู่ภายในใน “ในเมื่อเจ้ากล่าวถึงเพียงนี้ก็ให้หมอหลวงทดสอบเสียหน่อยเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย เพื่อที่ข้าจะได้ไม่มองเจตนาดีของเจ้าผิดไปจากที่ตั้งเอาไว้”เย่วฮองเฮารับสั่งพลางหันกลับไปทอดพระเนตรหัวหน้าหมอหลวง “รับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าหมอหลวงขานรับทันใดโดยไม่ต้องให้เย่วฮองเฮามีถ้อยรับสั่งออกมาแม้แต่น้อย หัวหน้าหมอหลวงวัยห้าสิบตอนปลาย คลานเข่าเข้าไปยังโต๊ะซึ่งตั้งโถน้ำแกงสามเซียนอยู่ในเวลานั้น พร้อมเครื่องมือทดสอบพิษซึ่งเป็นถุงผ้าบรรจุเข็มเงินหลายขนาด เอื้อมมือเปิดฝาโถน้ำแกงวางไว้ข้างๆ ก่อนจะดึงเข็มเงินออกมาหนึ่งอันจุ่มลงไปในน้ำแกงอยู่เพียงครู่ท่ามกลางสายตาของทุกคู่ที่กำลังจับจ้องเหตุการณ์ตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วอึดใจเข็มเงินค่อยๆ ถูกดึงกลับมาพร้อมกับเข็มเงินที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใดต่อหน้าของทุกคน และรอยแสยะยิ้มเหยียดของจีฟูเหริน หากแต่ท่าทีของนางกลับตกอยู่ในสายตาขององค์หญิงน้อยที่จับจ้องนางไม่วางตาเลยทีเดียว “ในน้ำแกงไม่มีพิษแสดงว่านางจะต้องซ่อนยาพิษเอาไว้ที่อื่นเป็นแน่ แล้วซ่อนไว้ที่ไหนกันนะแปลกจริงเชียว”องค์หญิงน้อยบ่นพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงจีฟูเหรินดังขึ้น “น้ำแกงสามเซียนไม่มีพิษทรงวางพระทัยได้แล้วใช่ไหมเพคะพี่หญิง”จีฟูเหรินจีบปากจีบคอถามเย่วฮองเฮา ครั้นฮองเฮาสาวทอดพระเนตรผลตรวจพิษจากโถน้ำแกงออกมาเช่นนั้น รอยยิ้มปรากฏออกมาบางๆพร้อมมีรับสั่งกลับไป “ลำบากเจ้าแล้วจีฟูเหริน”เย่วฮองเฮารับสั่งพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมพยักพระพักตร์ส่งสัญญาณให้กับนางกำนัลคนสนิทหากแต่เสียงของนางอสรพิษร้ายก็ดังแทรกขึ้นมาทันที “พี่หญิงเพคะดูท่าน้ำแกงจะเย็นเข้าให้เสียแล้ว น้องจะให้นางกำนัลนำโถน้ำแกงนี้กลับไปแล้วนำน้ำแกงสามเซียนที่เคี่ยวให้ร้อนอยู่ตลอดเวลานำมาให้แทนนะเพคะ เพราะตอนนี้เสวยเข้าไปสรรพคุณที่มีมากมายจะไม่แสดงออกมาแต่อย่างใดเพราะถูกไอเย็นปกคลุมไปหมดแล้ว น้ำแกงสามเซียนนี้จะต้องเสวยตอนร้อนๆหรืออุ่นๆ และจะต้องยกทั้งโถขึ้นเสวยซึ่งโถดังกล่าวสกัดมาจากหินของเทียนซานจะยิ่งเพิ่มสรรพคุณตัวยานับเท่าทวีคูณเพคะ” คำกล่าวของจีฟูเหรินทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างพากันคล้อยตามและเชื่ออย่างสนิทใจ มีเพียงองค์หญิงน้อยเท่านั้นที่ไม่เชื่อนางอสรพิษผู้นี้แม้แต่น้อย ก่อนจะรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่อจีฟูเหรินตรงเข้าไปยกโถน้ำแกงด้วยตัวเอง มือของนางรีบหยิบฝาปิดโถน้ำแกงสามเซียนอย่างรีบเร่ง “ต้องยกน้ำแกงทั้งโถขึ้นกินอย่างนั้นเหรอ แบ่งใส่ถ้วยมากินสรรพคุณจะเสื่อมลงไปสักกี่มากน้อยกันนะแปลกจริงเชียว”องค์หญิงน้อยบ่นพึมพำพลางทอดพระเนตรจีฟูเหรินกำลังยกโถน้ำแกงออกจากโต๊ะตรงพระพักตร์ แต่แล้วเพียงครู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันใดเมื่อองค์หญิงน้อยล่วงรู้แล้วว่าพิษร้ายนั้น แท้ที่จริงแล้วถูกเคลือบเอาไว้ตรงปากโถน้ำแกงนั่นเอง “ข้ารู้แล้วว่ายาพิษถูกซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน คิดจะยกน้ำแกงกลับเพื่อทำลายทิ้งเพราะล่วงรู้กันหมดแล้วว่าแท้จริงแล้วน้ำแกงเป็นของนางและมีหรือที่ข้าจะปล่อยให้ถือกลับไปอย่างง่ายดาย ข้าจะกระชากหน้ากากของเจ้าให้คนทั่วทั้งวังหลวงล่วงรู้ว่าเจ้าโฉดชั่วเพียงใด เพราะถึงอย่างไรเสียข้าก็ไม่มีวันตายเพราะยาพิษตามที่ท่านปู่บอกเอาไว้อย่างแน่นอน” องค์หญิงน้อยคิดในใจพร้อมลุกพรวดพราดขึ้นจากตั่งก่อนจะคว้าโถน้ำแกงออกจากหีบที่กำลังถูกปิดลงมาถือไว้ในพระหัตถ์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางอาการตกตะลึงของจีฟูเหรินและนางกำนัลทั้งสองครั้นเห็นองค์หญิงน้อยมาถือไว้ในมือเช่นนั้น “ไม่ต้องยกกลับไปหรอกจีฟูเหริน โถน้ำแกงนี้ข้าขอก็แล้วกันในเมื่อเสื่อมสรรพคุณแล้วก็ไม่จำเป็นต่อเจ้าพี่ของข้าแต่อย่างใด เช่นนั้นข้าจะกินเองเพราะข้าหิว”องค์หญิงน้อยพูดพร้อมยกโถน้ำแกงสามเซียนขึ้นเสวยอย่างรวดเร็ว จีฟูเหรินถึงกับยืนนิ่งงันไปทันใดด้วยอาการตกตะลึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในขณะที่นางกำนัลคนสนิททั้งสองซึ่งล่วงรู้แผนการเป็นอย่างดี เริ่มแสดงท่าทีพิรุธออกมาให้เห็น เมื่อแต่ละนางแข้งขาเริ่มเข่าอ่อนแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่กันเลยทีเดียว พลางยกชายแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อที่ไหลซึมออกมาทั้งที่อากาศในยามนี้ช่างเย็นยะเยือกยิ่งนัก อึก! อึก! อึก! เสียงดื่มน้ำแกงดังติดต่อกันออกมาไม่ขาดสาย ท่ามกลางสายพระเนตรของเย่วฮองเฮา จนต้องส่ายพระพักตร์ไปมาด้วยความระอาเมื่อองค์หญิงน้อยส่งเสียงดื่มน้ำแกงดังออกมาเช่นนั้น “เพ่ยเอ๋อร์เบาๆ หน่อย เจ้าเป็นถึงองค์หญิงชั้นเอกเลยเชียวนะกินน้ำแกงส่งเสียงดังเช่นนี้ช่างไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลย เจ้าเด็กอ้วน!!!”รับสั่งพลางส่งเสียงพระสรวลออกมาเบาๆ ในขณะที่เหล่าข้าราชบริพารและองค์ชายเก้าต่างพากันอมยิ้มไปตามๆ กัน อืมมม!!! องค์หญิงน้อยส่งเสียงอย่างพึงพอพระทัยออกมาทันใดครั้นเสวยน้ำแกงจนหมดโถ “สมชื่อลืมนามน้ำแกงสามเซียนเสียจริงๆ รสชาติช่างกลมกล่อม ล้ำเลิศ ล้ำเลิศ ยะ..ยะ..ยิ่ง”องค์หญิงน้อยรับสั่งเพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดลงทันใดเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากขอบตาทั้งสองข้าง และรูจมูกรวมไปถึงปากและรูหู โลหิตแดงฉานไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดทันทีที่เสวยน้ำแกงสามเซียนจนหมด สิ่งที่จีฟูเหรินกล่าวออกมานั้นล้วนเป็นจริงทุกประการกับคำกล่าวที่ว่า จะแข็งแรงขึ้นทันทีที่ดื่มน้ำแกงหมดซึ่งในทางตรงกันข้ามก็คือจะสิ้นชีพทันทีที่ดื่มน้ำแกงในโถนั้นจนหมด ท่ามกหลางอาการตกตะลึงของทุกชีวิตที่อยู่ภายในห้องพระบรรทมต่างเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทันใดนั้นเอง พรืดดด!!! โลหิตแดงฉานพุ่งพรวดออกมาจากปากกองใหญ่กระจายเต็มพื้นพระตำหนักไปหมด องค์หญิงน้อยกระอักโลหิตออกมาราวสายธารา พร้อมกับร่างเจ้าเนื้อสมบูรณ์ขององค์หญิงน้อยยืนโงนเงนไปมาอยู่เพียงครู่ก่อนจะหงายท้องไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว โครม!!! พระวรกายขององค์หญิงน้อยหงายหลังล้มฟาดไปกับพื้นพระตำหนัก สิ้นสติไปโดยไม่รู้ตัวทันใดท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเย่วฮองเฮาดังเอ็ดอึงขึ้นมาทันที “เพ่ยเอ๋อร์!”เย่วฮองเฮาร้องเรียกองค์หญิงน้อยออกมาจนสุดเสียงพร้อมสุระเสียงองค์ชายเก้าดังกึกก้องขึ้นมาทันใด “ทหารองครักษ์อารักขาฮองเฮา!!!! คุมตัวจีฟูเหรินและคนของนางเอาไว้ให้หมด”รับสั่งสุระเสียงเด็ดขาดพร้อมตรงเข้าไปประคองพระวรกายเย่วฮองเฮาที่กำลังพยายามเข้ามาหาองค์หญิงน้อยของพระนาง “เสด็จแม่อย่าเพิ่งเข้าไปหาเพ่ยเอ๋อร์นางถูกพิษร้ายเข้าให้เสียแล้ว ทรงอยู่ให้ห่างก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายเก้ารับสั่งพร้อมรับพระวรกายของเย่วฮองเฮาที่ทรุดฮวบลงกับพื้นพระตำหนักเมื่อทอดพระเนตรสภาพขององค์หญิงน้อย “เพ่ยเอ๋อร์! เพ่ยเอ๋อร์!!!”รับสั่งเพรียกหาปิ่มใจจะขาดเสียให้ได้ หัวหน้าหมอหลวงและหมอหลวงคนอื่นๆ ต่างรีบวิ่งตรงเข้าไปหาร่างขององค์หญิงน้อยพยายามช่วยพระชนม์ชีพให้หวนกลับคืนมา โดยไม่ล่วงรู้ว่าพิษร้ายดังกล่าวไม่สามารถปลิดพระชนม์ชีพองค์หญิงน้อยได้ ด้วยเพราะโลหิตอมตะที่ผสมกับตัวยาบัดนี้ไหลเวียนอยู่ในพระวรกายของนางจึงทำให้ไม่สิ้นพระชนม์ เพียงแต่หมดสติไปเท่านั้นซึ่งไม่รู้ว่าจะยาวนานเพียงใด ในขณะที่จีฟูเหรินและนางกำนัลทั้งสองคนถูกเหล่าองครักษ์ตรงเข้าควบคุมตัวเอาไว้ทั้งหมด แม้จะถูกจับได้แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง “ข้าถูกใส่ร้าย! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ..ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น! ข้าถูกปรักปรำ! ข้าถูกปรักปรำ!!!”จีฟูเหรินแผดเสียงออกมาดังก้องท่ามกลางสายพระเนตรของเย่วฮองเฮาครั้นได้ยินเช่นนั้น พรืดดด!!! ท่อนพระกรกระชากออกจากพระหัตถ์ขององค์ชายเก้าอย่างรวดเร็ว พระนางเสด็จตรงเข้าไปหาจีฟูเหรินด้วยแรงพิโรธเป็นยิ่งนัก และทันทีที่เสด็จมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจีฟูเหรินที่ถูกองค์รักษ์ควบคุมตัวให้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเช่นนั้น พระหัตถ์ยกขึ้นสูงพร้อมเงื้อจนสุดแขนกระหน่ำฟาดลงไปที่ใบหน้าของจีฟูเหรินเต็มแรง ฉาดดด!!! ใบหน้าของจีฟูเหรินถูกเยว่ฮองเฮาตบลงอย่างหนักหน่วงจนหันไปอีกทาง เลือดกลบปากของนางจนเต็มไปหมดพร้อมสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างยิ่งยวดของเย่วฮองเฮาดังขึ้น “อย่าหวังว่าคนโฉดชั่วเช่นเจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้อีก คนไร้สิ้นจิตสำนึกและกระหายอำนาจ จุดจบสุดท้ายคือร่างที่ไม่มีหัว!!!! ข้าจะตัดหัวของเจ้านำมาเซ่นสังเวยให้กับน้องสาวของข้า! ทหาร!!!”สุระเสียงดังกึกก้องไปทั่วพระตำหนัก “พ่ะย่ะค่ะ!!!”บรรดาทหารองครักษ์ต่างขานรับทันใด “ปลดจีฟูเหรินให้เป็นสามัญชน นำนางและคนในตำหนักเถียนอันทั้งหมดไปขังในคุกหลวงรอการประหารจากฝ่าบาทไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใดทั้งสิ้น รวมไปถึงจับกุมตระกูลจีทุกชีวิตนำมาคุมขังภายในคุกหลวงเช่นกันเพื่อรอการประหาร โทษฐานลอบปลงพระชนม์ข้าซึ่งเป็นฮองเฮาของแผ่นดิน!” เย่วฮองเฮารับสั่งสุรเสียงกร้าวพร้อมหันพระวรกายกลับเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรอาการขององค์หญิงน้อยด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งยวด ครั้นสิ้นพระสุระเสียงของเย่วฮองเฮา สองนางกำนัลคนสนิทของจีฟูเหรินถึงกับเป็นลมล้มพับคออ่อนหมดสติไปทันที ในขณะที่จีฟูเหรินนั้นยังคงนั่งคุกเข่ามองตามร่างของเย่วฮองเฮาที่กำลังเดินตรงเข้าไปองค์หญิงน้อย ซึ่งถูกนำมาวางไว้บนแท่นพระบรรทมของพระนางอยู่ในเวลานั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้นอย่างยิ่งยวด “ไม่มีวันที่ข้าจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้ เจ้าจะต้องถูกข้าทำลายเย่วซูเจิน คิดหรือว่าน้องของเจ้าจะสามารถรอดชีวิตจากพิษร้ายนี้ไปได้ นางเด็กตะกละผู้นั้นทำให้แผนของข้าพังพินาศลงอย่างไม่มีชิ้นดี สมแล้วที่ตายเพราะความตะกละของตัวเอง พิษของข้าไม่เคยมีผู้ใดรอดตายได้เลยสักคน ไม่มีเลยแม้แต่เพียงผู้เดียว”สิ้นเสียงพึมพำ จีฟูเหรินแผดเสียงหัวเราะกึกก้องออกมาด้วยความขบขันประหนึ่งคนเสียสติ ก่อนจะถูกหิ้วปากนำไปขังไว้ภายในคุกหลวง รอพระบัญชาให้มีคำสั่งประหารของเฟิงอวิ๋นฮ่องเต้ถ่ายทอดลงมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม