คืนรัญจวน 2

1737 คำ
บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมาก บาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อม มองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหาก จะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะ ลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูก แต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตาหลับได้ยากมากๆ แถมยังฟุ้งซ่าน คิดถึงวันเก่าๆ โดยเฉพาะคืนนั้น... 10 ปีก่อน “แก พี่อัทธ์หล่อมากก” เพื่อนใหม่ลากเสียงยาว ตอกย้ำคำว่ามากนั้น มากจริงๆ ส่วนคนที่กำลังถูกชื่นชม เป็นรุ่นพี่ปีสี่ กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีในงานรับน้องใหม่ของคณะบริหาร ถ้าเขาจะหล่ออย่างเดียวก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่ร้องเพลงก็เพราะสุดๆ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายถูกเลือกให้เล่นซีรีส์ ถึงแม้บทจะเป็นเพียงตัวรอง แต่เพราะบทและฝีมือ ทำให้คนดูพูดถึงเขามากกว่าพระเอกด้วยซ้ำ “เชื่อสิ อีกไม่นานพี่อัทธ์จะต้องเป็นซุป’ ตาร์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทยแน่นอน” บาลีพยักหน้ารับกับคำพูดของเพื่อนใหม่ ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็พูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมในเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะกรี๊ดผู้ชายคนเดียวกัน “โห ยัยส้มซ่า ท่าทางจะจองพี่เขาแล้ว” ปิ่น หรือปิยดา เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเบื่อๆ เมื่ออัทธ์ร้องเพลงจบ น้ำส้ม ดาวคณะและดาวมหา’ ลัยของปีนี้ ก็ขึ้นไปคล้องมาลัยแบงก์พันจนท่วมคออัทธ์ “ก็เหมาะสมกันดี” บาลีพูดไปตามความจริง เพราะน้ำส้ม สวย รูปร่างดีจนได้เป็นดาวมหาลัย ส่วนอัทธ์เป็นทั้งอดีตเดือนคณะ และมหา’ ลัย ที่สำคัญดูเหมือนทั้งสองจะรู้จักสนิทสนมกันมาก่อน “เขาคบกันไหมนะ” ปิยดาพึมพำ “ท่าทางเหมือนจะใช่นะ” บาลีคาดเดา จากท่าทีของทั้งสอง “ฮือๆ อกหักเลยเรา” “ไม่เป็นไร เราอกหักเป็นเพื่อน” บาลีปลอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะร่วน สำหรับบาลี การได้ชอบอัทธ์ มันก็เหมือนการได้กรี๊ดดาราคนหนึ่ง แต่การได้เห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ มันก็ทำให้เพ้อเกินคำว่ากรี๊ดดาราอยู่มาก ยิ่งมีโอกาสได้เจอบ่อยๆ ด้วยแล้ว ใจก็เตลิดไปไกล “น้องครับ น้องเสื้อฟ้า ลืมปากกาไว้บนโต๊ะครับ” วันนั้นบาลีนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารตามลำพัง พอลุกจากเก้าอี้ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นรุ่นพี่ในคณะสองคน คนที่เรียกเธอกำลังส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นปากกาให้ ส่วนอีกคนมองเธอนิ่งๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอใจสั่น “เอ่อ ขอบคุณค่ะ” บาลีเอ่ยขณะเอื้อมมือไปรับปากกา แต่พอจะหมุนตัวกลับไป ก็ถูกเรียกอีกครั้งจากรุ่นพี่คนเดิม ที่เธอพอจะรู้จักอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในกลุ่มของอัทธ์ “น้องชื่ออะไรครับ” “ชื่อบาลีค่ะ” “พี่ชื่อนนท์นะ และนี่พี่อัทธ์ น่าจะรู้จักอยู่แล้วใช่ไหม” ท้ายประโยคนั้นหันไปมองเพื่อน ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหน ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเสมอ ก่อนจะเข้าวงการเสียด้วยซ้ำ เพราะหน้าตารูปร่างที่โดดเด่น “ค่ะ” บาลียิ้มรับด้วยท่าทางเขินๆ ยิ่งได้สบตาคมกว้างของผู้ชายที่ทำให้ใจเต้น ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเธอก็เอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่เก็บปากกาให้อีกครั้ง แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินไปจากตรงนั้นทันที แม้จะรู้ว่าเดินมาไกลมากแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นแรง แค่สบตาไม่กี่วินาที ก็เป็นไปได้ขนาดนี้แล้ว และเป็นแบบนั้นในทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย แม้จะบอกตัวเองว่าชอบเขาไม่ต่างจากชอบดาราคนอื่นก็ตาม แต่ไอ้ที่หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่สบตา มันก็ไม่เกิดขึ้นยามเจอนักศึกษาคนอื่นที่เป็นนักแสดง วันเวลาผ่านไป ความรู้สึกนั้นก็ซึมซับมากขึ้น กระทั่งอัทธ์เรียนจบ เขาพักงานแสดงไว้ ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกสองปี บาลีรู้ตัวทันทีในตอนนั้นว่าความรู้สึกของตนเองที่มีให้อัทธ์นั้นมากกว่าความรู้สึกชื่นชอบที่มีต่อดารา หรือนักร้องคนอื่นๆ แต่การเก็บเขาไว้ใจ มันก็มีความสุขอีกแบบ ไม่เคยคิดฝันจะไปครอบครอง เพราะถึงคิดก็ไม่มีปัญญาไปทำแบบนั้นได้ เพราะเธอเจียมเนื้อเจียมตัว และดูเหมือนอัทธ์จะยังคุยอยู่กับน้ำส้ม เพราะน้ำส้มชอบเล่าและโชว์ภาพขณะที่อัทธ์อยู่ที่อังกฤษให้เธอกับปิยดาดูออกจะบ่อย ตอนนี้น้ำส้มก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ไม่หยิ่ง จึงทำให้คบหากันได้อย่างสบายใจ “ตกลงเป็นแฟนกับพี่อัทธ์เหรอ” ปิยดาถามน้ำส้ม ในตอนที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันในร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย “ไม่ได้เป็นขนาดนั้น” น้ำส้มตอบแล้วยิ้มมุมปาก “แล้วขนาดไหน” เพราะเธอกับปิยดาเห็นน้ำส้มคุยกับหนุ่มหล่อในมหา’ ลัยอยู่หลายคน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน เน้นคนหน้าตารูปร่างดีทั้งนั้น “ก็กิ๊กๆ กันธรรมดา” “ไม่ได้ชอบกันมากขนาดจะเป็นแฟนเหรอ” “ก็ชอบนะ แต่ฉันยังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน” “ชอบมีกิ๊กหลายคนว่างั้นเถอะ” “ก็สวยเลือกได้ปะล่ะ” “จ้า แม่คนสวยเลื่องลือระบือไกล” ปิยดาประชด แต่น้ำส้มหัวเราะร่วนถูกใจในคำพูดของปิยดา “แกนี่พูดจาได้โบราณดี” “ก็ฉันอยู่กับคนแก่บ้าอ่านนิยายพีเรียดไง” “แต่เธอ ไม่หัวโบราณใช่มั้ย” “ไม่จ้า ฉันสาวรุ่นใหม่ หัวทันสมัย” “งั้นคืนนี้ไปเที่ยวผับกันดีกว่า” “ไปสิ” ปิยดารับคำทันที “ลีไปเปล่า” น้ำส้มหันมาชวน บาลีส่ายหน้า พอเห็นน้ำส้มทำหน้าเบื่อๆ ใส่ บาลีก็ยิ้มแห้ง บอกเสียงอ่อยๆ “ก็เราไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่” “จ้า แม่นางเอกคนดี แสนเรียบร้อย” ตั้งแต่นั้นมาน้ำส้มก็ไม่เคยชวนบาลีไปเที่ยวกลางคืนที่ไหนอีก กระทั่ง...วันที่เรียนจบ น้ำส้มกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา ในวันนั้นน้ำส้มจัดปาร์ตี้ฉลองเลี้ยงส่งเพื่อนๆ ที่คอนโดฯ ของตนเอง บาลีไปเพราะคิดว่างานนี้สำคัญกับน้ำส้มมาก และเธอก็อยากสนุกกับเพื่อนๆ เพราะหลังจากนี้ก็ต้องห่างหายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง ตามความฝัน ตามสิ่งที่วางแผนไว้หลังเรียนจบ เธอเองก็ต้องกลับไปช่วยลุงป้าปราบกับธรินธ์ ดูแลไร่เช่นกัน แต่ปาร์ตี้ในค่ำคืนนั้นทำให้บาลีได้เจอผู้ชายที่เธอได้แต่ละเมอหาในความฝัน อัทธ์...เขากลับมาเมืองนอกเมื่อปีก่อน พร้อมกับรับงานแสดงที่เป็นพระเอกครั้งแรกในละครหลังข่าวช่องดัง ตอนนี้ละครกำลังอยู่ในระหว่างถ่ายทำ ประกบคู่กับนางเอกชื่อดังคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนแฟนคลับนางเอกสาวจะจิ้นกับอัทธ์ตั้งแต่ละครเพิ่งเปิดกล้อง เพราะโลกของเธอกับอัทธ์ต่างกัน บาลีจึงไม่เคยมีโอกาสได้เจออีกฝ่ายเลย กระทั่งค่ำคืนนี้... เพื่อนในกลุ่มราวๆ หกคนกรี๊ดเสียงดังเมื่ออัทธ์ปรากฏตัว เขาส่งยิ้มทักทายรุ่นน้องอย่างไม่ถือตัว ร่วมทั้งถ่ายรูปด้วย แต่บาลีเขินไม่กล้าขอถ่ายรูป ได้แต่นั่งหลบมุมในห้องนั่งเล่น ซึ่งใช้เป็นห้องปาร์ตี้สำหรับค่ำคืนนี้ “ลี มาถ่ายรูปด้วยกัน” ปิยดาเดินมาดึงแขนเธอให้เข้าไปร่วมเฟรมจนได้ ตอนยืนข้างๆ อัทธ์ บาลียืนห่างมาก แต่เพื่อนๆ ที่เป็นคนถ่ายภาพบอกให้ยืนใกล้ๆ เธอก็ขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงจนกลิ่นน้ำหอมโชยมาแตะจมูก เผลอสูดเข้าไปเต็มปอด กระทั่ง... “ขออนุญาตนะครับ” แล้วท่อนแขนนั้นก็โอบบ่าเธอกับ ปิยดาไว้ หัวใจบาลีเกือบวาย ไหนจะกลิ่นน้ำหอม ไหนจะกายอุ่นๆ ที่ทำให้ผิวหน้าเธอร้อนผ่าว แม้จะถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าแก้มยังร้อนผ่าว ขณะที่อัทธ์ถูกเจ้าของงานปาร์ตี้ เดินแขนไปที่ระเบียงห้อง เพื่อจะได้คุยหรืออยู่กันตามลำพัง ส่วนคนอื่นๆ ก็เปิดเพลงเต้น ดื่ม คุยกันอย่างสนุกสนาน “อ้าว ไหนบอกไม่ดื่มไง” ปิยดาถาม “ก็ไม่ได้ดื่มนี่” บาลียกแก้วน้ำอัดลมให้เพื่อนดู “อ้าวเหรอ ก็เห็นแก้มแดงๆ นึกว่าแอบกินไวน์” บาลียิ้มขำ แล้วแอบตีแก้มตัวเองเบาๆ ที่ยังร้อนผ่าว เพียงแค่แอบไปมองอัทธ์ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเขาจะคุยกับน้ำส้มอย่างเพลิดเพลินที่ระเบียงห้อง ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ เพราะจู่ๆ หนังตาเธอก็หนักอึ้ง อาจเพราะคืนก่อนนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นเต้นที่คาดหวังจะได้เจอผู้ชายที่เพ้อหาในปาร์ตี้อำลาไปเรียนต่อของน้ำส้ม และก็ได้เจอจริงๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ..........
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม