คล้อยหลังเพื่อนทั้งสาม ปรเมศก็ซัดน้ำเย็นจัดเข้าไปหนึ่งแก้ว ส่งผลให้ตาสว่างขึ้นและสติเริ่มกลับมามากกว่าเดิม หากแต่อาการมึนหัวยังไม่สร่างซา
จากนั้นก็หันไปมองคนที่กำลังเอียงหน้าแนบซีกแก้มด้านขวาไปกับพื้นโต๊ะ เรียวปากอิ่มเต็มเผยอน้อยๆ นัยน์ตาเรียวเล็กหลับพริ้ม ท่าทาชวนเอ็นดูอย่างน่าพิลึก
ภาพตรงหน้าตรึงสายตาของเขาจนหงุดหงิดเพราะกระแสบางอย่าง ก่อนจะยื่นปลายนิ้วชี้ไปจิ้มแก้มป่องๆ พร้อมเอ่ยเรียกเบาๆ
“นี่”
“หือ…” คนเมาไม่ได้สติทำเสียงงึมงำขานรับ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมามองอีกฝ่ายตาเยิ้ม
“ไปกลับ”
“ม่ายกลับ อยากมาว…” ธารธาราส่ายหน้าอย่างดื้อดึงพร้อมเอ่ยเสียงยานคาง
“กูบอกให้กลับ” ปรเมศสั่งเสียงเข้ม
“ม่ายกลับ…” คนไร้สติเพราะฤทธิ์น้ำเมายังคงทำท่าดื้อแพ่ง จนเขาต้องกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน แม่งเมาแล้วดื้อจนน่าจับฟาดก้น
“น้ำ…กูบอกให้กลับ”
ถ้อยคำที่เขาพ่นออกมาทำให้คนเมาหูผึ่ง ดูเหมือนสติสตังจะเริ่มกลับมาเพียงเพราะได้ยินชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากจอมเย่อหยิ่ง
“เมื่อกี้มึงเรียกชื่อกูเหรอ” ธารธาราดันตัวขึ้นมานั่งจ้องหน้าหล่อๆ แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความกระตือรือร้น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะเอ่ยเรียกชื่อของเธอ
“ก็เออสิวะ” คนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาดเอ่ยเสียงแข็งๆ
“ดีจัง น้ำชอบ เรียกชื่อน้ำบ่อยๆ นะเมศ”
สรรพนามเรียกขานชื่อของเขาที่เปลี่ยนไปทำให้ปรเมศทำหน้าไม่ถูก ใบหูแดงก่ำ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือหัวใจกระตุกกับน้ำเสียงหวานล้ำเจือออดอ้อนอย่างมิอาจควบคุมได้
“ไม่เรียกโว้ย!” คนฟอร์มจัดโต้เสียงดัง ทำเอาแม่สาวขี้เมาเม้มปากน้ำตาคลอ แล้วเอ่ยตัดพ้อเสียงสั่นๆ
“ใจร้าย”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ลุกขึ้น จะได้กลับๆ กันซะที”
“ม่ายกลับ อยากมาว…” ธารธารายังคงเอ่ยย้ำด้วยประโยคเดิม จนเขาต้องเท้าสะเอวมองคนที่เอ่ยปากอ้อแอ้ว่าอยากเมาพร้อมบ่นอุบด้วยความหัวเสีย
“แม่งเมาเหมือนหมา แล้วยังจะมาบอกว่าอยากเมาอีก…ไปลุก”
“ลุกม่ายหวาย มึนหัว อุ้มหน่อยสิ” คนคออ่อนที่เมาแบบหมดสภาพเอ่ยอ้อนเสียงอ้อแอ้ พลางยกแขนทั้งสองข้างเป็นเชิงรอท่าให้อีกฝ่ายมาอุ้ม
“ชิบหาย! ถ้ากูอุ้มมึงคนคงมองว่ากูเป็นพวกผิดเพศชัวร์” วาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนฟังหน่วงที่หน้าอกด้านซ้าย ก่อนจะเอ่ยแย้งเสียงเครือ
“กูไม่ได้เป็นพวกผิดเพศอย่างที่มึงยัดเยียดให้…กูเป็นผู้หญิง”
ยังไม่ทันขาดคำคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์น้อยใจผสมเมาแบบขาดสติก็ฉวยมือของคุณหมอหนุ่มไปวางแหมะตรงหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกรัดด้วยแถบผ้า ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือกพร้อมหลุดสบถออกมา
“ชิบหาย!”
“กูมีนม” คนเมาเชิดหน้าบอกเหมือนภูมิใจเสียเต็มประดา
ปรเมศสะบัดมือออกประหนึ่งโดนของร้อน หอบหายใจแรง แค่ได้สัมผัสเจ้าก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นที่ถูกเจ้าตัวซุกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวเลือดในกายของเขาก็เหมือนร้อนฉ่าขึ้นมาทันควัน
เวรแล้วไหมล่ะ! เขากำลังเกิดอารมณ์บ้าๆ กับยัยทอมที่เขาแสนจะเกลียดขี้หน้าอย่างนั้นเหรอวะ
ยังไม่ทันที่ปรเมศจะได้ตรึกตรองถึงความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนอย่างถ้วนถี่ คนเมาก็ส่งเสียงหวานหยดชวนใจสะท้านมาออดอ้อน
“เมศจ๋า…”
“หยุดพล่าม แล้วลุกขึ้น ไม่งั้นกูทิ้งมึงไว้นี่แน่” เจ้าของโหนกแก้มแดงก่ำเอ่ยขู่เสียงเข้ม ทำให้อีกฝ่ายเบ้หน้าด้วยความน้อยอกน้อยใจ ยิ่งเมาเธอก็ยิ่งควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่อยู่
“มึงมันคนใจร้าย” เสียงสั่นเครือติดจะอ้อแอ้เอ่ยตัดพ้อ
ปรเมศลุกขึ้น เงยหน้ากลอกตาขึ้นฟ้า แล้วสบถออกมาอย่างไม่รู้จะจัดการกับคนเมาขี้ใจน้อยยังไง เขามันผู้ชายปากหมาสายดาร์กไม่ถนัดปลอบใครเสียด้วยสิ
“ไอ้คนหน้านิ่ง หยิ่งยโส ไร้หัวใจ” เธอยังคงต่อว่าเสียงสะท้าน ตาเรียวยาวคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
“เชี่ยเอ๊ย! อย่ามาดราม่า กูบอกให้ลุก” แทนที่จะเอ่ยปลอบปรเมศกลับกระชากเสียงใส่แบบฮาร์ดคอร์ทำให้คนอารมณ์อ่อนไหวถึงกับน้ำตาซึม ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าพร้อมเอ่ยอย่างดื้อแพ่ง
“ม่ายลุก กูอยากมาว…”
“จะลุกไม่ลุก” เขาเท้าสะเอวทำเสียงเข้ม เพราะชักจะทนไม่ไหวเสียแล้ว
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากมาว….”
“เออ…อยากเมาก็มากินเหล้ากับกูต่อ เราสองคนจะได้เมาแม่งหัวราน้ำกันไปเลย” ว่าแล้วแบดบอยตัวร้ายก็ทรุดกายลงนั่งข้างคนอยากเมา คว้าลำคอระหงแรงๆ มากอด
“เอ้า…ชน”
จากนั้นทั้งคู่ก็กอดคอชนแก้วกัน บ้างพูดคุยเรื่องที่ไม่เคยคุยกัน มีเสียงหัวเราะคิกคักผสานกับเสียวห้าวทุ้มติดจะอ้อแอ้ดังออกมาเป็นระยะ ซึ่งถ้าใครได้มาเห็นภาพนี้เข้าคงพากันทำหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าคนเกลียดขี้หน้ากันจะมานั่งซดเหล้าด้วยกัน แถมยังคุยกันอย่างถูกคอจนน่าพิลึก
หลังจากยกเหล้าซดหมดแก้ว ธารธาราก็หันไปทาบฝ่ามือลงตรงซีกแก้มสากของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จับหน้าของอีกฝ่ายเอียงไปเอียงมาขณะที่สายตาหยาดเยิ้มมองไม่กะพริบ แล้วเอ่ยเสียงหวานๆ ทำเอาคนไม่ชินกับความเป็นหญิงของเธอถึงกับใจสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้