เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วที่สองพี่น้องออกมาจากโรงภาพยนตร์ ร้านค้าด้านนอกจึงปิดหมดแล้ว
“น้องหมิงหิวมั้ย” วินธนัยถามน้องสาวอย่างใส่ใจ
“หมิงไม่หิวค่ะ ก่อนเข้าโรงหนังเราก็ทานกันแล้ว หรือว่าพี่วินหิว” น้องสาวตอบ แต่พอเอ่ยถึงเรื่องโรงหนังเธอกลับนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเธอออกมาก่อนหนังจะจบทำให้รู้สึกใจสั่นขึ้นมาอีกแล้วอย่างไรก็ไม่รู้
“พี่ไม่หิวหรอก แต่พี่ห่วงน้อง” เมื่อได้ยินพี่ชายตอบอย่างนี้ความรู้สึกอุ่นซ่านก็แผ่เข้าไปในหัวใจ พี่ชายของเธอมักดีต่อเธอแบบนี้เสมอ
“ถ้าอย่างนั้นเราตรงกลับคอนโดเลยแล้วกัน” พี่ชายสรุป กระชับมือน้องสาวมั่นแล้วจูงเธอไปขึ้นรถแล้วมุ่งตรงสู่คอนโดโดยไม่ได้แวะที่อื่นอีก
เมื่อถึงห้องทั้งคู่ต่างจัดการทำธุระส่วนตัวโดยตกลงกันว่าน้องสาวจะเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะ คอนโดนี้เป็นห้องชุดขนาดเล็กสำหรับอยู่คนเดียวที่มีเพียงหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำเท่านั้น
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จแล้วรมิดาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนตามปกติ ส่วนผู้เป็นพี่ชายก็จัดการธุระตัวเองต่อไป
วินธนัยถอดเสื้อออกเผยให้เห็นเรือนกายกำยำแขนแกร่งเป็นมัดกล้ามและหน้าท้องเป็นลอนสวย ส่วนกางเกงยีนที่สวมก็เอวต่ำจนเผยให้เห็นวีเชปและที่สำคัญคือมีไรขนปกคลุมตั้งแต่งช่วงใต้สะดือจนหายลับขอบกางเกงไป ปกติพี่ชายเธอก็ใส่อย่างนี้เป็นประจำเวลาอยู่ในบ้านจนรมิดาเคยชินกับรูปร่างและความหล่อเหลาของพี่ชายตัวเอง แต่ว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกใจเต้นประหลาดที่ได้เห็นเรือนร่างของพี่ชายเช่นนี้
พี่ชายของเธอหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว รมิดาพยายามสลัดภาพฉากร่วมรักในภาพยนตร์กับเสียงของคู่รักด้านหน้าออกไป เธอโทษว่าต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ ที่ทำให้เธอเห็นพี่ชายเธอแล้วรู้สึกใจเต้นแรงอย่างนี้
วินธนัยออกมาจากห้องน้ำพบว่าน้องสาวตัวเองปิดไฟเข้านอนแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไม่ต้องระวังอะไรมาก เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วปลดผ้าเช็ดตัวที่พันกายท่อนล่างออกจนโล่งโจ้ง ก่อนจะหยิบกางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดมาสวมอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้รีบนอนบ้างเพราะนี่ก็ดึกมากแล้วและเขาก็ง่วงเต็มที
คนที่ถูกคิดว่านอนหลับไปแล้วที่จริงยังไม่ได้หลับอย่างที่คิด และยิ่งหลับไม่ลงยิ่งกว่าเก่าอีกเพราะแอบเห็นตั้งแต่ตอนที่พี่ชายออกมาจากห้องน้ำแล้ว
อีกฟากหนึ่งของเตียงยุบตัวลงทำให้รู้ว่าร่างสูงของพี่ชายเข้านอนแล้ว มันเป็นเรื่องปกติของสองพี่น้องที่นอนร่วมเตียงกันเพราะต่างเห็นว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันจึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แล้วอีกอย่างคอนโดนี้มีห้องนอนห้องเดียวจะให้ใครคนใดคนหนึ่งนอนพื้นหรือนอนที่โซฟาก็ไม่สะดวก ดังนั้นการนอนเตียงด้วยกันก็สะดวกดีและหลับสบายอีกด้วย
แต่คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่ผู้เป็นน้องสาวทำอย่างไรก็ข่มตาหลับไม่ลง เธอเปลี่ยนท่านอนที่คิดว่าน่าจะสบายที่สุดแต่ก็ยังไม่หลับ การพลิกตัวไปมาของน้องสาวทำให้พี่ชายผู้ที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนแต่ยังไม่หลับสนิทดีพลิกตัวกลับมาถาม
“น้องหมิงยังไม่หลับอีกเหรอ”
“หลับไปแล้ว แล้วก็รู้สึกตัวตื่น ตอนนี้ก็เลยนอนไม่หลับค่ะ” น้องสาวปดเพราะถ้าบอกว่ายังไม่หลับ พี่ชายต้องรู้แน่ว่าเธอเห็นอะไรต่อมิอะไรของเขาหมดแล้ว
“พี่ทำให้น้องตื่นหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะพี่วิน หมิงตื่นเอง” น้องสาวรีบปฏิเสธ
“แน่นะ” พี่ชายถามย้ำ
“แน่ค่ะ พี่วินนอนเถอะ” เธอรีบชวนเขานอนก่อนที่เธอจะหลุดพูดอะไรให้เขาจับได้
ดังนั้นทั้งคู่จึงหลับตานอนอีกครั้ง แต่คนเป็นน้องก็ยังไม่หลับอยู่ดี พอหลับตาในตอนแรกปรากฏฉากในหนังที่ดูไปขึ้นในหัว แต่ตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นภาพร่างกายเปลือยเปล่าของพี่ชายตัวเองไปเสียได้
พี่ชายของเธอเป็นคนที่ตรงกับสเปกของสาวๆ ที่ว่าขาวสูงหุ่นดี ที่สำคัญพี่ชายเธอเป็นคนชอบออกกำลังกายดังนั้นจึงมีกล้ามเนื้อที่ได้รูปสวยงาม มีแผงอกล่ำที่น่าซุกซบ มีแขนแกร่งที่ชวนให้อยากถูกกอด มีหน้าท้องเป็นลอนสวยที่ชวนให้อยากลูบไล้ พอคิดมาถึงตรงนี้รมิดายิ่งตกใจกับความคิดตัวเอง มันทำให้เธอยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่เพราะรู้ตัวว่าคิดอกุศลกับพี่ชายตัวเอง เธอเผลอตัวขยับชิดริมเตียงด้านตัวเองมากขึ้นโดยอัตโนมัติ จนกระทั่ง...
ตุบ! แล้วตามมาด้วยเสียง “โอ๊ย!”
พี่ชายที่ยังไม่หลับดีรีบลุกขึ้นมาดู
“เป็นอะไรมากมั้ยน้องหมิง” พี่ชายถามด้วยความเป็นห่วง
“หมิงไม่เป็นไรค่ะพี่วิน”
“ทำยังไงถึงตกเตียงได้ล่ะเนี่ย” คนเป็นพี่สงสัย
“สงสัยหมิงนอนดิ้นไปหน่อยค่ะ” คนเป็นน้องตอบติดตลก
“ลุกไหวมั้ย มาพี่ช่วย” เขาถามพร้อมยื่นมือไปฉุดให้ร่างเล็กขึ้นมา คราวนี้ทั้งคู่จึงนั่งอยู่บนเตียงฝั่งเดียวกัน
“นอนไม่หลับหรือไงฮึเรา” พี่ชายเอ่ยถาม
“ค่ะ” เธอยอมรับ
“คิดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ” พี่ชายจึงถามต่อ
“เปล๊า” น้องสาวรีบปฏิเสธเสียงสูงทำให้พี่ชายเห็นพิรุธ เขาหัวเราะน้อย ๆ
“เรื่องหนังวันนี้ใช่มั้ย” เขาพอจะเดาได้จากอาการของน้องสาว
“เปล่าค่ะ” น้องสาวรีบปฏิเสธอีกครั้ง แต่พี่ชายก็ไม่ได้สนใจแล้วพูดขึ้น
“มันเป็นเรื่องธรรมดานะน้องหมิง แต่น้องพี่อาจจะเพิ่งเคยเจออย่างนี้ครั้งแรก” เขาบอกแล้วเอามือลูบหัวน้องสาวพลางตั้งคำถาม
“ตกใจหรือไง”
“ค่ะ หมิงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำอะไรอย่างนั้นในโรงหนัง” คราวนี้น้องสาวยอมรับโดยตรง ทำให้พี่ชายหัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ” พี่ชายย้อนถาม
“หมิงก็เลยดูหนังไม่รู้เรื่อง ใจเต้นไปหมดเลย” เธอบอกพร้อมเอามือทาบอก
“ยังไม่หายเหรอ”
แต่คราวนี้น้องสาวไม่ตอบ เพราะเธอไม่กล้าบอกว่าตอนนี้ที่ใจเธอเต้นแรงอยู่นี่ไม่ใช่เพราะอะไรทั้งนั้นแต่เป็นเพราะคนตรงหน้าเธอต่างหาก
เมื่อเห็นน้องสาวไม่ตอบอะไร พี่ชายเลยคิดว่าคงเป็นอย่างนั้น เขาจึงรวบน้องสาวเข้ามากอดแล้วลูบหัวปลอบประโลม ความอ่อนโยนของพี่ชายทำให้ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเร่งจังหวะขึ้นไปอีก
“นอนกันนะ เดี๋ยวพี่ช่วยทำให้น้องนอนหลับสบายเอง”