วันแต่งงาน
แขกเหรื่อมากมาย ต่างพากันมาร่วมยินดี ในวันมงคลสมรส ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีอีกงาน ด้านเจ้าสาวเป็นลูกสาวของเจ้าสัวชาตรี ผู้ที่ร่ำรวยและมีธุรกิจหลายอย่าง ส่วนด้านเจ้าบ่าวเป็นลูกชายของคุณณรงค์ และคุณเนตร เศรษฐีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง
เรื่องสินสอดก็คงไม่ต้องพูดถึง เงินสดกับทองคำที่ตั้งตระหง่านอยู่ อย่างต่ำต้องหลายร้อยล้าน ทั้งทรัพย์สมบัติที่ทั้งสองครอบครัวมอบให้บ่าวสาว ชาตินี้ก็คงกินคงใช้กันไม่หมด
ทุกคนภายในงาน ต่างก็ชื่นชมและยินดี เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ก็ต่างพากันยิ้มอย่างชื่นมื่น
เว้นแต่เจ้าบ่าวคนเดียว ที่หน้าตาแทบจะไม่รับแขก เขาดูไม่มีความสุข ทั้งยังอมทุกข์จนคนสนิท ต่างพากันไม่สบายใจ
"คีย์ ทำหน้าดีๆ หน่อย" คุณณรงค์ พ่อของเขาเอ่ยปราม เมื่อเห็นลูกชายหน้าบึ้งตลอดเวลา
"พ่อ..."
"อยากให้แม่เขาอารมณ์เสียหรือไง" คุณณรงค์พูดด้วยเสียงที่อ่อนใจ เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่ได้อยากแต่งงาน ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ภรรยาว่าอย่างไรก็ต้องว่าตาม
"..." เมื่อได้ฟังประโยคนั้นจากประมุขของบ้าน ผู้ที่ไม่ได้เป็นใหญ่ที่สุด เขาก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาอีกหลายเท่า การกลัวเมียคงไม่เกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างเขาแน่
"ไปช่วยน้องรับแขกสิคีย์"
"แขกผมก็กำลังมาครับแม่"
"แล้วอมทุกข์อะไรขนาดนั้น วันนี้งานแต่งงานแกนะ"
"แม่ก็รู้แก่ใจว่าทำไม"
"คีย์!..."
"คุณเนตร สวัสดีค่ะ"
"ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหญิง" เมื่อเธอกำลังจะปรามลูกชาย แต่ก็มีแขกคนสำคัญมาทักพอดี ลูกชายตัวดีของเธอเลยรอดตัวไป
"ไงมึง เหลือกูกับไอ้ปริ้นแล้วใช่ไหมที่ยังไม่แต่ง" ชรัชก็พูดขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนรักอีกคน ที่แต่งงานไปก่อนแล้ว
"เอ่อ อย่าแต่งเลยถ้าไม่ได้รัก"
"เชี่ยไรของมึง"
"กูเบื่อว่ะ" เบื่อที่ต้องอยู่ตรงนี้ เบื่อที่ต้องแต่งงานในวันนี้ เบื่อที่ต้องมานั่งปั่นหน้ายิ้มให้ใครก็ไม่รู้ เต็มงานไปหมด
"เบื่อเชี่ยไร"
"พวกมึงไม่ใช่กู พวกมึงไม่รู้หรอก"
"มึงนี่ก็นะ"
"เจ้าสาวมึงไปไหน" คชาก็ถามขึ้น
"ไม่รู้ คงไปรับแขกนั่นแหละ"
"แล้วทำไมมึงไม่ไป" ปริญถามอย่างไม่เข้าใจ
"กูไม่ได้รู้จักใคร แล้วกูก็ไม่ได้อยากแต่ง ใครอยากแต่งก็ไปรับแขกเอง" เขาสบถอย่างอารมณ์ไม่ดี
"มึงนี่แม่ง" ทุกคนก็ได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่เอื้อมระอา ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกเลยสักนิด
"แล้วมึงทำแบบนี้ เจ้าสาวมึงจะรู้สึกยังไงวะ" ขุนเขาก็ถามขึ้น
"ช่างแม่งดิ ก็กูไม่สนใจอ่ะ อับอายไปเลย ให้คนอื่นเขารู้ซะบ้างว่าเจ้าบ่าวไม่ได้อยากแต่ง ไม่ได้เต็มใจสักนิด" คนหงุดหงิดก็หยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่วางอยู่ตรงนั้นมาจิบ
"มึงอย่ารักให้กูเห็นแล้วกัน" ขุนเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง เพราะเขาผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักชนิสา ทำร้ายจิตใจเธอสารพัด สุดท้ายก็ตามง้อขอคืนดีเหมือนหมา
"เออ กูก็จะคอยดูเหมือนกัน" คชาก็เสริม
เพื่อนทั้ง 4 คนของเขา ก็มองไปที่เจ้าสาวตัวน้อยแสนสวยของเพื่อนตัวเอง ที่กำลังยิ้มสดใสรับแขกแต่เพียงลำพัง ไร้เงาเจ้าบ่าวไปยืนข้างกาย เห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกสงสารเธอจับใจ ถึงจะทำตัวเข้มแข็งยังไงแต่ลึกๆ แล้ว คงจะรู้สึกแย่ในใจอยู่ไม่น้อย
ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรส ก็เริ่มขึ้น ซึ่งนายทะเบียนก็มาจดให้ด้วยตัวเอง ทั้งคู่มองไปยังกระดาษสองแผ่นที่อยู่คู่กัน
อิสระของเขาจะจบลง เมื่อเขาเซ็นชื่อลงในกระดาษแผ่นนั้น และผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเขาไม่เคยคิดภาพนี้ไว้ในหัวเลย
เธอมองไปที่กระดาษและปากกา ที่จัดวางให้อยู่ข้างกันอย่างสวยงาม นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะเป็นภรรยาของเขา เธอจะรักและซื่อสัตย์กับเขาเพียงคนเดียว จะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีทุกอย่าง จะทำทุกๆ วันของเขาและเธอให้ดีที่สุด
ถึงแม้วันนี้เขาจะยังไม่รักเธอ แต่เธอจะพยายามทำทุกอย่าง ให้เขารักเธอให้ได้...
"เซ็นสิลูก" เจ้าสัวชาตรี ก็สะกิดแขนลูกสาวตัวน้อยที่กำลังเหม่ออยู่
"ค่ะป๊า" เธอก็จรดปลายปากกาลงในกระดาษแผ่นนั้น แล้วหันมามองหน้าว่าที่สามี พร้อมกับยิ้มบางๆ ให้เขา
ด้านเขาก็จับปากกาเซ็น พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทุกคนอย่างฝืนๆ
"ยินดีด้วยนะครับ คุณอริสา คุณคีริน คุณทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายกันแล้ว" นายทะเบียนก็พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสุดแสนจะยินดี
ตามด้วยเสียงปรบมือของเหล่าบรรดาแขกเหรื่อ จนทั้งคู่ต้องหันมองหน้ากัน สถานการณ์เดียวกัน แต่ความรู้สึกก็คนละแบบ
แล้วก็มาถึงพิธีรดน้ำสังข์ เจ้าบ่าวก็คงบึ้งตึงเหมือนเดิม แม้คำอวยพรเป็นร้อยๆคน ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไร ทั้งยังรำคาญเจ้าสาว ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อได้รับคำอวยพรจากญาติสนิท ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอต้องขนาดนั้น
"แม่ขอให้ลูกทั้งสองคน มีความสุขกันมากๆ อะไรที่ไม่เข้าใจกัน ก็คุยกันนะลูก มีหลานให้พ่อกับแม่เร็วๆ นะ" คุณเนตรก็อวยพรทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม แห่งความดีใจ
"ครับแม่" เขาตอบแบบส่งๆ
"ขอบคุณค่ะคุณแม่" เธอก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มพร้อมน้ำตา
"ป๊า ขอให้ลูกมีชีวิตการแต่งงานที่ดี รักและดูแลกันให้มากๆ ถ้าวันนั้นไม่มีป๊าอยู่แล้ว ป๊าเชื่อว่าลูกต้องมีความสุขที่สุด" เจ้าสัวชาตรีรดน้ำสังข์ให้ทั้งสองคน แล้วก็ลูบหัวเบาๆ
"ฮึกๆๆ ป๊าาา" เธอก็ลุกขึ้นกอดผู้เป็นพ่อ แล้วก็ร้องไห้ออกมาน้ำตาเป็นสาย
"ป๊าฝากดูแลน้องด้วยนะคีย์" เสียงสั่นเครือปนสะอื้น ก็หันไปหาผู้เป็นลูกเขย
"ครับ" เขาจ้องมองดวงตาสั่นไหวคู่นั้น ทำให้ความรู้สึกของเขาวูบในใจเล็กน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่กับเธอตลอดชีวิต แล้วเขาก็ไม่อาจรับปากพ่อเธอได้ด้วย
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแต่งงาน ก็ถึงพิธีเข้าหอ ซึ่งทุกคนก็ต่างมาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดง แล้วก็กำชับพิธีการต่างๆ ให้ทั้งคู่อยู่ที่ห้องหอด้วยกัน ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะถึงเวลา ซึ่งเธอก็ตั้งใจฟัง แต่คนอย่างเขากลับไม่สนใจเลยสักนิด
อริสาก็เริ่มถอดเครื่องบรรณาการต่างๆ ออก เขาก็จ้องเธอผ่านกระจก วันนี้เธอสวยมาก สวยกว่าทุกวันที่เคยเจอกัน มีแว๊บนึงที่ทำให้เขาใจสั่น แต่ก็เตือนสติตัวเองกลับมาได้
"พี่คีย์ไปอาบน้ำเถอะค่ะ"
"เธอไปอาบก่อนเลย เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่คีย์ไปอาบก่อนเถอะ จะได้สบายตัว" เธอก็พูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้
"อือ ถ้างั้นเดี๋ยวฉะ...เอ่อพี่จะไปอาบน้ำก่อน"
"ค่ะ"
เมื่อเขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ เป็นชื่อ นีด้า แต่นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว ยังมีธุระอะไรที่ต้องโทรมาอีก เธอก็ได้แต่คิดในใจ
เมื่อสายแรกหลุดไป สายที่สองที่สามก็มีมาเรื่อยๆ ด้วยความที่เขาอาบน้ำอยู่ คงไม่สะดวกออกมารับสาย เธอก็เดินไปที่โทรศัพท์เขาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบขึ้นมา
"ทำอะไรของเธอ" เสียงของเขาก็ดังกังวาลขึ้น
"โทรศัพท์พี่คีย์ โทรมาสองสามครั้งแล้ว ริสเลย..."
"เสียมารยาท จะอาบน้ำหรืออยู่ที่ไหนเธอก็ไม่ควรรับโทรศัพท์คนอื่น" เขาพูดขึ้นเสียงดัง
"ริสแค่..."
และโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก เขาหันไปมองก่อนจะกดรับสาย แล้วก็เดินหันหลังให้เธอออกไปคุยโทรศัพท์นอกระเบียง
เธอได้แต่มองตาม กับความรู้สึกที่แย่ในใจ คนเป็นสามีภรรยากัน แค่จะรับโทรศัพท์ให้เขาต้องโกรธขนาดนี้เลยหรอ