ณ บ้านคีริน
"อะไรนะครับแม่!" ชายหนุ่มโผงผางขึ้น เมื่อได้ฟังสิ่งที่คุณเนตรผู้เป็นแม่บอก ทั้งครั้งนี้ยังมีท่าทีจริงจังกว่าครั้งไหนๆ
"ใช่ แกต้องแต่งงานกับหนูไอริส ลูกสาวของคุณน้าวาณี" คุณเนตรมองหน้าลูกชายตัวดีอย่างไม่ละสายตา ไม่บ่อยนักที่เธอจะบงการอะไรแบบนี้
"ไม่ครับ ผมไม่แต่ง"
"แต่แกต้องแต่ง"
"คุณ..."
"คุณไม่ต้องยุ่ง เรื่องนี้ฉันตัดสินใจแล้ว"
"..." คุณณรงค์ผู้เป็นสามีก็กำลังจะเอ่ยห้าม แต่ก็ต้องชงัก เมื่อโดนภรรยาผู้เป็นใหญ่ที่สุดของบ้านตวาดใส่
"แม่!"
"หนูไอริสกำลังจะกลับมาจากฝรั่งเศสอีกไม่นานนี้ แล้วถ้าวันไหนมีนัดกินข้าวกัน แกต้องไปเจอน้อง"
"ผมไม่..."
“หนูไอริส เป็นเด็กดี น่ารัก นิสัยดีมาก จำไม่ได้หรือไงว่าน่ารักขนาด แกจะโชคดีที่มีภรรยาแบบนี้ เชื่อแม่”
“แล้วผมต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักแบบนี้เหรอ” เขาถามด้วย น้ำเสียงที่ตัดพ้อ ใครๆ ก็อยากเลือกชีวิตคู่ด้วยตัวเอง ทำไมแม่เขาต้องบงการ ในเมื่อนี่คือชีวิตของเขา
"ห้ามปฏิเสธอะไรทั้งนั้น อีกไม่กี่เดือนแกต้องแต่งงาน ไปเคลียร์ผู้หญิงทุกคนของแกซะ"
"..." เขาเองถึงขั้นพูดไม่ออก จะหาทางหนีทีไล่ก็คงไม่ทัน ได้แต่โอดครวญเพราะทำอะไรไม่ได้
"ทำตามที่แม่เขาบอก" คุณณรงค์ที่เงียบอยู่สักพักก็พูดขึ้น
"พ่อ!"
"นะ เชื่อพ่อ" ก็ได้แต่พยักหน้าให้ พร้อมตบบ่าลูกชายเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น
"..."
คีย์ คีริน ในวัย 30 ปี ดีกรีวิศวกรหนุ่มหล่อไฟแรง ทั้งยังมีตำแหน่ง เป็นถึงประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จำพวกรับเหมาก่อสร้าง หล่อ รวย ดูดี แถมยังโสด ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคบหากับใครเป็นแฟนจริงๆ จังๆ เลยสักคน แล้วความเจ้าชู้ของเขาก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนเขาขาดความน่าเชื่อถือ ในแวดวงธุรกิจไปด้วย แต่คนอย่างเขามีเหรอจะสนใจ
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อได้ยินว่าต้องแต่งงาน ก็ทำเอาเขารู้สึกไม่มีความสุขในชีวิตอีกต่อไป ผู้หญิงคนนั้นที่เขาแทบไม่อยากจำ ทั้งไม่ได้เจอมานานกว่า 10 กว่าปี อยู่ดีๆ จะกลายมาเป็นว่าที่ภรรยา แล้วแบบนี้ใครจะไปยอมรับได้
ณ KC คลับ
"แต่งงาน!" เพื่อนทั้ง 4 คนของเขาก็พูดขึ้นพร้อมกัน"
"เอออีกไม่กี่เดือน"
"อีกไม่กี่เดือน!" เสียงพูดอย่างพร้อมเพรียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"เออ!!!"
"กับใครวะ ทำไมกระทันหันแบบนี้" คชาก็ถามขึ้น ด้วยความตกใจ อะไรจะเร็วขนาดนั้น
"ลูกเพื่อนสนิทของแม่กู แม่ตายไปแล้วเหลือแต่พ่อที่กำลังป่วย แล้วก็ใกล้ตายเหมือนกัน" เขาพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด
"กูว่าก็น่าสงสารอยู่นะ" ปริญก็พูดขึ้น
"สงสารกูเถอะสัส เป็นห่าไร ไม่เหลือใครแล้วต้องมาพึ่งพิงกูอีกแล้วเหรอ กูจะไปรับผิดชอบชีวิตใครได้ เวร! อยากให้รู้ไว้ด้วยว่ากูไม่ใช่คนดีอีกต่อไปแล้ว" เขาพูดขึ้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า 'เขาไม่ใช่คนดีคนนั้นอีกต่อไปแล้ว'
"เพราะมึงยังไม่รู้จักเธอหรือเปล่า อาจจะสวยจนมึงชอบก็ได้ เธอคนนี้อาจจะทำให้มึงลืม ความรู้สึกอกหักครั้งแรกในชีวิตของมึงได้นะ" ชรัชก็ออกความคิดเห็นบ้าง
"เหอะ สวยไม่สวย กูไม่สน กูสนแค่กูไม่อยากแต่งงาน กูอยากเป็นอิสระ กูชอบชีวิตแบบนี้" เขาก็แย้งเพื่อนไป เมื่อได้ฟังคำพูดที่ขัดหู
ใช่! เขายังลืมการอกหักครั้งแรกไม่ได้ และมันก็เป็นปมที่ทรมานใจของเขาเป็นอย่างมาก จนเขาไม่อาจลืมความรู้สึกนั้นได้ แล้วก็ไม่อยากมีความรู้สึกนั้นให้อีกแล้ว
"มึงเชื่อไหม ว่าการที่ได้แต่งานกับคนที่เรารัก มันดีแค่ไหน ชีวิตแม่งโคตรมีความสุขมากกูบอกเลย" คชาที่แต่งงานจนมีลูกแล้วก็แนะนำเพื่อน ในสิ่งที่ตัวเขาได้รับแล้ว
"นั่นมึงรักกัน แต่นี่กูไม่ได้รัก ไม่มีความผูกพันห่าเหวอะไรทั้งนั้น เอาอะไรมามีความสุข" เขาไม่อยากนึกถึงเลย ยิ่งกับเธอคนนั้นยิ่งไม่อยากนึกถึง
"กูหมายถึงว่า ถ้าวันนึงมึงเกิดชอบผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา"
"ไม่มีวัน!" ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
"กูว่ามึงค่อยๆ คิดแล้วกัน เพราะถึงยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี" ขุนเขาก็ตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ
"..." คีรินก็ได้แต่ครุ่นคิด พร้อมกับมองช็อกโกแลตในมือ ก่อนจะกำเข้าหากันจนซองมันยับยู่ยี่คามือ
อริสา Talk
"สวัสดีค่ะพี่จุ๋ม วันนี้ป๊าเป็นยังไงบ้าง" หญิงสาวถามเสียงสั่น ถึงอาการของผู้เป็นพ่อ ทุกครั้งที่โทรกลับบ้าน
(จุ๋ม : คุณท่านดีขึ้นแล้วค่ะ ตอนนี้ทำคีโม แล้วก็รักษาตามอาการ)
"ป๊าจะอยู่ได้นานจริงๆ ใช่ไหมคะ"
(จุ๋ม : จากที่คุณศศิบอก จุ๋มก็คิดว่าน่าจะอยู่อีกนานอยู่นะคะ เพราะกำลังใจดี และพยายามรักษาอาการตามที่หมอบอก)
"ริสคิดถึงป๊ามาก ริสอยากกลับไปหาป๊า"
(จุ๋ม : วันนี้คุณหนูเรียนเสร็จแล้วเหรอคะ)
"ค่ะ วิชาสุดท้ายแล้วก็ปิดคลาส นี่ริสก็กำลังเก็บของอยู่ เตรียมกลับไทยแล้วค่ะ"
(จุ๋ม : ดีใจด้วยนะคะคุณหนู)
"ริสก็ดีใจค่ะ ในที่สุดริสก็จบปริญญาโทแล้ว ที่เหลือก็กลับไปดูแลป๊า"
(จุ๋ม : ท่านเจ้าสัวต้องมีกำลังใจดีมากๆ แน่นอนค่ะ)
"ขอบคุณพี่จุ๋มนะคะ ที่คอยช่วยน้าศิดูแลป๊า"
(จุ๋ม : เป็นหน้าที่ของจุ๋มอยู่แล้วค่ะคุณหนู)
ไอริส อริสา ในวัย 25 ปี นักศึกษาปริญญาโท เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้านดีไซเนอร์จากฝรั่งเศส เมื่อได้รับข่าวร้ายว่าเจ้าสัวชาตรี วัย 65 ปี ผู้เป็นพ่อของเธอป่วย ด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง หญิงสาวก็แทบไม่เป็นอันเรียนหรือทำอะไร แต่ยังดีที่เป็นช่วงที่เธอจบการศึกษาพอดี แล้วก็ตั้งใจว่า จะกลับไปดูแลผู้เป็นพ่อให้ดี และจะพาพ่อเธอมาร่วมงานรับปริญญาที่นี่ให้ได้
ณ ประเทศไทย
เป็นเวลากว่า 10 กว่าปีแล้ว ที่อริสาไม่ได้กลับมาที่เมืองไทยเลย เนื่องจากพ่อของเธอ บินไปหาทุกสามเดือนอยู่แล้ว เลยไม่ได้มีความจำเป็นอะไรต้องกลับมา
"ป๊าาาาาาา เซอร์ไพรส์ค่ะ" เมื่อมาถึงบ้านอริสาก็ทิ้งสัมภาระทุกอย่างและวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ พร้อมกับกอดไว้จนแน่น
"ไอริส ทำไมมาถึงเร็วขนาดนี้ลูก แค่กๆ" เจ้าสัวชาตรีก็รีบถามลูกสาวคนสวย ที่แอบกลับมาไม่บอกไม่กล่าว จนตัวเองเหนื่อยหอบไอออกมา
"ป๊าไม่ต้องรีบพูดนะคะ ริสอยากรีบมาหาป๊าเร็วๆ" เธอพูดพร้อมกับกอดผู้เป็นพ่อไม่ยอมปล่อย
"อือ แค่กๆ" เจ้าสัวชาตรีก็ไอออกมามากกว่าเดิม
"ดื่มน้ำก่อนนะคะ" เธอก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ พร้อมกับหลอดที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ ไปป้อนใส่ปากอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะเธอเองก็ไม่เคยดูแลคนป่วย เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
"คุณ..." ศศิผู้เป็นภรรยาใหม่และแม่เลี้ยงของอริสา ก็รีบวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นว่าสามี ไอออกมาจนตัวโยน
"น้าศิ" อาริสาก็รีบทักทายศศิในทันที เมื่อเธอเดินมาถึง
"หนูไอริสสสส” แล้วทั้งสองคนก็สวมกอดกันด้วยความคิดถึง
“หนูมาถึงบ้านตั้งแต่ตอนไหนคะ แล้วถึงสนามบินทำไมไม่โทรมาบอกน้า" ศศิก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
คนแก่ที่ใกล้ถึงฝั่งอย่างเจ้าสัวชาตรี ก็มองภาพนั้นพร้อมกับยิ้มออกมา ถ้าเขาต้องตายจริงๆ เรื่องห่วงในชีวิตเขาคงมีไม่มากแล้ว
ทั้งสองคนเป็นคู่แม่เลี้ยงลูกเลี้ยงที่รักใคร่ และสนิทสนมกันมาก ศศิเข้ามาในวันที่เจ้าสัวชาตรีไม่มีใคร แล้วศศิก็ดีกับอริสาทุกอย่าง ด้วยที่ศศิไม่มีลูกด้วยละมั้ง ถึงทำให้ทั้งสอง ไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรระหว่างลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเลย
"ไม่เป็นไรค่ะริสนั่งรถจากสนามบินมาได้ จะได้รู้ด้วยว่าที่ไทยเปลี่ยนไปมากขนาดไหน" เธอพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสดใส
"ต่อไปไม่เอาแล้วนะต้องโทรมาบอกเท่านั้น" ศศิพูดด้วยน้ำเสียงปนดุ
"ค่ะ น้าศิ" เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงสดใสออดอ้อน
ก็ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเด็กที่เสียแม่ไปตั้งแต่เล็กอย่างอริสา จะเป็นคนที่อ่อนโยนและนิสัยดีได้มากขนาดนี้ เธอไม่เคยทำให้พ่อของเธอผิดหวังเลยซักครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็จะเชื่อฟังทุกอย่าง แล้วพ่อของเธอก็ด้วยความที่เข้าใจลูก อยากเรียนอะไรก็ให้เรียน ชอบอะไรก็ให้ทำ จนความฝันเธอตอนนี้ จะเป็นดีไซเนอร์ได้แล้ว
อริสากะว่าถ้าพ่อเธอหายดีแล้ว เธอก็จะเปิดห้องเสื้อแบรนด์ของตัวเอง จากที่ไปร่ำเรียนมาเธอก็เก่งใช้ได้ เสื้อผ้าทุกชุดที่เธอใส่เธอก็ออกแบบ และตัดเย็บเอง แล้วทุกคนก็ต่างให้ความสนใจและชื่นชม จนตอนนี้เธอเริ่มมั่นใจในฝีมือของตัวเองแล้ว
"มาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนไหมลูก" ผู้เป็นพ่อก็พูดกับลูกสาวคนเดียวอย่างอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรค่ะป๊า ริสอยากอยู่กับป๊านานๆ"
"จ้าอยู่นานก็นาน แต่น้าว่าหนูไอริสไปอาบน้ำก่อนดีกว่า มาเหนื่อยๆ จะได้สดชื่น"
"ไปเถอะลูก" มือหนาที่เริ่มจะเหี่ยวย่น ก็ลูบหัวลูกสาวเบาๆ
"ค่ะ ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวริสมานะคะ จุ๊ฟๆ"
"วันนี้ผมจะคุยกับลูก" เมื่ออริสาลับสายตาไป เจ้าสัวชาตรีก็หันมาบอกกับภรรยา ด้วยท่าทางที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆ
"คุณแต่มันเป็นเรื่องใหญ่นะคะ การแต่งงานคนสองคนต้องรักกัน แต่เด็กสองคนนี้แทบจะจำกันไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดไม่มีความรักต่อกัน จะมีความสุขกันได้จริงๆเหรอ" ถึงแม้ว่าศศิจะได้ยินเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย ถ้าฝ่ายนั้นเขาไม่ได้รักอาริสา ชีวิตอาริสาหลังแต่งงานจะเป็นอย่างไร
"แต่คนที่ใกล้ตายอย่างผม ก็อยากหาใครสักคน ที่เหมาะสมมาดูแลไอริสให้ ซึ่งครอบครัวของคุณณรงค์ ก็เป็นคนดีกันทุกคน ผมเชื่อว่า ครอบครัวนั้นจะดีกับไอริส และรักไอริสเหมือนที่ผมรัก"
เขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ ...
---------------------------
สวัสดีค่ะ ไรท์พิชานะคะ วันนี้จะมาเปิดเรื่องพี่คีย์อย่างเป็นทางการ เรื่องนี้พอร์ตละครอีกเช่นเคย แต่ไม่เน้น NC นะคะ ขอมาทางดราม่าฉ่ำๆ มีปมด้วย อิอิ ใครชอบแนวนี้เข้ามาอ่านกันเยอะๆเด้อ พระเอกโบ้ๆนี่ชอบกันไหม 🤣
#Phicha ❤