“คุณพระรามอยากคุยกับฉันเป็นการส่วนตัวเหรอคะ”
น้ำเสียงใสของบาร์เทนเดอร์สาวนาม ‘สีดา’ ร้องขึ้นเมื่อได้ยินผู้จัดการเดินมาบอกว่าคืนวันนี้ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่ออย่างพระรามจะเข้ามาเพื่อขอพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว
“ใช่ เขาเน้นย้ำมามากว่าต้องเป็นการส่วนตัว ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องอะไร เลขาฯ ของเขาไม่ได้บอก” ผู้จัดการว่า พลางนึกขำกับชื่อของคนทั้งคู่ไปด้วย
พระรามมาตามนางสีดา อย่างกับบทประพันธ์เรื่องรามเกียรติ์แน่ะ เพียงแต่สีดาในเวอร์ชันนี้ไม่ได้ถูกยักษ์ทศกัณฐ์ลักพาตัวไป แต่มาทำงานตามปกติแล้วก็ถูกนักธุรกิจหนุ่มที่เจอเธอครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อนตามหาก็เท่านั้น
“เรื่องอะไรกันนะ” สีดาครางแผ่วอย่างครุ่นคิด ไม่ได้คิดที่จะได้คำตอบหรอก แต่ผู้จัดการก็ว่ามาแล้ว
“จะเรื่องอะไรก็ช่างเถอะ มีผู้ชายมาหาก็ดีแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อ ทั้งรวยด้วย เผื่อเขาจะมาเสนอค่าเลี้ยงดูให้เธอนะ
ทำตัวน่ารักๆ เข้าไว้ ส้มจะได้หล่นใส่”
สีดาไม่ค่อยชอบคำพูดของผู้จัดการเลย ความหมายในประโยคนั้นมีการเหยียดแทรกอยู่ ซึ่งเธอก็อยากจะสวนคืนไปเหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่จำเป็นจะต้องให้ผู้ชายมาเลี้ยงดูหรอก เธอเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่เพื่อการทำงานอย่างราบรื่น เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป ได้แต่เงียบแล้วยิ้มแหยเท่านั้น
“งั้นเอาไว้เขามาแล้ว ค่อยมาตามหนูนะคะ เดี๋ยวหนูไปเตรียมตัวรับลูกค้าก่อน”
สีดาตัดบทเอาดื้อๆ ไม่อยากจะสนทนากับผู้จัดการต่อแล้ว ฝ่ายผู้จัดการก็พยักหน้ารับด้วยเห็นว่าเริ่มมีลูกค้าเข้ามาที่ไนต์คลับ
เธอจึงปล่อยให้อีกฝ่ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
สีดาคว้าเอาแก้วมาเช็ดพลางขมุบปากมุบมิบ ดวงตาก็มองไปรอบๆ หน้าบาร์ที่เธออยู่ประจำที่ด้วย
“มีเรื่องอะไรของเขานะ”
เธอจำใบหน้าคร้ามคมของพระรามได้ดี แต่เธอกลับไม่ยักจะเข้าใจว่าทำไมจะต้องไปเฝ้ารอการมาของเขาด้วย เธอจึงเบี่ยงเบนความสนใจไปที่การจัดขวดเครื่องดื่มต่างๆ ที่ชั้น ทำอย่างนั้นได้สักพักหนึ่ง หูก็ได้ยินเสียงแหบห้าวดังเข้ามาในโสต
“คุณครับ”
หญิงสาวหันไปมองตามน้ำเสียงนั้นก็พบว่าเป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเธอพอจะคุ้นหน้าอยู่ไม่น้อย
“เจ้านายของผมนั่งรออยู่ตรงนั้น ผมมาตามคุณให้ไปคุยตามนัด”
“คุณคือ...”
“เลขาฯ ของคุณพระรามครับ”
ได้ยินอย่างนี้ สีดาก็ร้องอ๋อ มิน่าล่ะ ทำไมเธอถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตากับเขานัก ที่แท้ก็เพราะเป็นเลขาฯ ส่วนตัว และคืนวันนั้นก็มานั่งเฝ้าประหนึ่งเงานั่นเอง หากแต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สีดาทอดสายตามองไปยังโซฟาเลาจน์ซึ่งหลบมุมอยู่มุมหนึ่งของร้าน พลันก็เห็นชายในชุดสูทกำลังนั่งไขว่ห้างดื่มอะไรบางอย่างภายใต้ความมืดสลัว ท่าทางของเขายังคงน่ามองเหมือนวันแรกที่ได้เจอกัน แม้ว่าจะอยู่ไกลพอสมควร แต่สีดาก็อดชื่นชมไม่ได้ มาได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เลขาฯ
ของพระรามเอ่ยขึ้นมาอีก
“รีบเข้านะครับ คุณพระรามมีเวลาไม่มากนัก และเรื่องที่จะคุยด้วยเป็นเรื่องสำคัญ”
สีดาพยักหน้ารับเร็วๆ วางผ้าที่เช็ดขวดลงบนเคานท์เตอร์แล้วหันไปบอกกับบาร์เทนเดอร์อีกคนว่าให้รับลูกค้าไปก่อน อีกสักประเดี๋ยวเธอจะกลับมา
ไม่มีใครขัดเพราะรู้ว่าหากลูกค้าเรียกแล้ว มักจะคุยยาวและการที่ถูกลูกค้าเรียกก็เป็นเรื่องดีด้วย เพราะมันหมายความว่าลูกค้าชื่นชอบมากเป็นพิเศษ แต่จะชื่นชอบแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นเป็นใคร มีเพศอะไร และมีความสัมพันธ์กับบาร์เทนเดอร์อย่างไร
สำหรับสีดาแล้วก็คงจะถูกใจเพราะการพูดคุยในคืนนั้นนั่นล่ะ โดยที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานของเธอคนไหนรู้เลยว่าการที่พระรามโผล่มาอีกในคืนนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องคุยถูกคอกันเท่านั้น แต่เป็นเรื่องอื่นต่างหาก
“สวัสดีค่ะคุณพระราม” หญิงสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้า ยกมือขึ้นพนมไหว้ลูกค้า
พระรามเสสายตาไปมอง วันนี้เธอก็ยังคงดูร่าเริงเหมือนเดิม
มีแต่เขาที่เปลี่ยนไป
สุขุมขึ้น...เงียบมากขึ้น...และคิดมากขึ้น
หากทว่าเขาเก็บอาการเหล่านั้นไว้มิด ผายมือไปตรงหน้าแล้วออกปาก “นั่งลงสิ”
สีดาทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างว่าง่าย ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายออกปากถามด้วยอยากรู้เกินทนว่าที่เขาเรียกเธอมานั้น
เป็นเพราะอยากคุยเรื่องอะไร
“คุณพระรามมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ ถึงได้เรียกฉันมาหา”
เธอมองเขานิ่ง ขณะพระรามตระหนักขึ้นมาได้ว่า...
“คุณมีชื่อว่าอะไร”
...เขายังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย
นี่เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดถึงผู้หญิงที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ
บ้าบอ! บ้าจริงๆ!
หากแต่หญิงสาวไม่ได้เอะใจกับเรื่องนี้ เธอยิ้มกว้างแล้วตอบเต็มเสียง “สีดาค่ะ ฉันชื่อว่าสีดา คุณพระรามจะเรียกว่าดาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
เท่านั้นพระรามก็รู้สึกตะขิดตะขวงในใจน้อยๆ
พระรามกับสีดาอย่างนั้นหรือ
ชื่อของเขาและชื่อของเธอ...ช่างประจวบเหมาะอะไรกันขนาดนี้ ให้ความรู้สึกราวกับว่าพระรามมาตามสีดาอย่างไรอย่างนั้นแหละ
พระรามพยายามไม่คิดเรื่องชื่อ เพราะเขามีเรื่องสำคัญกว่านี้ต้องคุย
“งั้นก็เรียกผมว่ารามเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องพระรามหรอก”
“ได้ค่ะ คุณราม”
ค่อยยังชั่ว รื่นหูขึ้นหน่อย ต่อจากนี้คงจะคุยเรื่องสำคัญได้แล้วสินะ
“แล้วเรื่องที่คุณจะมาคุยกับฉันล่ะคะ เรื่องอะไรเหรอ”
สีดาถามออกมาก่อนที่เขาจะได้พูดอีกแล้ว พระรามหรี่ตามองเธอด้วยความหัวเสียเล็กน้อย เขาไม่ชอบคนพูดดักคอ ไม่ชอบคนพูดมาก ไม่ชอบคนร่าเริงเกินเหตุ ซึ่งดูแล้วมันรวมอยู่ในตัวของสีดาหมดเลย
เอ...หรือว่าในคืนวันนั้นที่สนทนากันอย่างออกรสแล้วเขาถูกใจเธอ เป็นเพราะเขาเมาหรือเปล่านะ?
ไม่...ไม่ได้เมาหรอก เขาหงุดหงิดขึ้นมาไม่ใช่เพราะผู้หญิงตรงหน้า แต่เป็นเพราะตัวเขาเองที่ควบคุมอารมณ์ความต้องการของตัวเองไม่ได้ อีกทั้งยังละทิ้งกฎที่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนไหนที่มีเซ็กซ์แบบวันไนต์สแตนด์แล้วอีก
น่าหงุดหงิดตรงที่ต้องลดตัวลงมานี่แหละ