บทที่ 2 ยังไม่พร้อม
บ้านคหบดีผู้มั่งคั่ง
(“ ห้ะ…ตอนนี้ลูกผมเป็นไงบ้างครับ ”)
คนเป็นพ่อรับสายจากตำรวจก็รีบบึ่งไปโรงพยาบาลพร้อมคนเป็นภรรยาในทันที ไปถึงก็ยืนรอหน้าห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวายใจ
เวลาล่วงเลยมาหนึ่งชั่วโมง พยาบาลก็เข็นเตียงที่ลูกชายนอนออกมาทันที บนหัวพันผ้าก็อต และมีสายระโยงระยางเต็มไปหมดเมื่ออยู่ในห้องพักพิเศษ มีพยาบาลค่อยเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด คนเป็นพ่อไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ในตอนนี้ เพราะลูกชายนอนในห้องปลอดเชื้อ ต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด อาการที่มีอยู่ 50/50 เพราะเสียเลือดมาก
“ คุณค่ะ อย่าวิตกไปเลยค่ะ ถึงมือหมอแล้ว ยังไงตารัชก็ต้องรอดค่ะ ” คนเป็นภรรยาฝืนใจพูดออกไปในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจเลยแม้แต่น้อย
“ ผมกลัว กลัวว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ผมไม่อยากเสียเขาไป ” คนเป็นสามีปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา ภรรยาเห็นก็ยิ่งแช่งลูกติดของสามีให้ตายไปเสียได้ก็ดี เธอไม่ชอบ เพราะสามีดูจะรักลูกชายคนโตเอามากๆ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…
ห้องพิเศษ
( Part สารัช )
ห้องนี้สามารถเข้าเยี่ยมได้คนเดียวนั้นก็คือพ่อบังเกิดเกล้า พอเขาฟื้นก็ได้บอกหมอและพยาบาลไป ว่ามีญาติแค่คนเดียวคือพ่อ ส่วนเเม่เลี้ยงเขาไม่ได้สนใจหล่อนด้วยซ้ำเลยไม่คิดจะเอ่ยถึง..
เขาได้ทะเลาะกับแฟนสาวที่คบกันมาสามปีเรื่องที่เห็นแฟนสาวคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ พอเขาขอมาดู เธอก็ต่อว่าเขาว่างี่เง่า ไม่มีเหตุผล จะมาหึงอะไรหนักหนา เขาทำอะไรไม่ได้ก็เลยเมาตั้งแต่หัววัน จนขับรถเร็วและเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่เรื่องนี้เขาระแคะระคายมาสี่ถึงห้าเดือนให้หลังแล้ว ถามทุกครั้งแฟนสาวก็ไม่ต้องจริงๆจังๆเอาแต่บ่ายเบี่ยง และโกหกหน้าตาย เพราะเขารักเธอสุดหัวใจเลยใจอ่อนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเกินจะทน เพราะเขาจับได้คาหนังคาเขา
พอตื่นขึ้นมาเขายังมีอาการที่นอยด์แฟนสาว และไม่อยากพบในสภาพนี้ ไม่อยากให้เธอมาเห็นหรือมาสมเพชด้วย
แต่จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา เขาก็ได้อ่านหนังสือหรือนิยายผ่านตาว่ามีการลองใจคนรัก ซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้น มันก็ยิงนกได้สองตัวเลยนะ คนหนึ่งแฟนและอีกคนคือคนที่พ่อจะให้แต่งงานด้วย คราวนี้ก็จะได้รู้ว่าใครคือภรรยาเขาในอนาคตกันแน่ แต่เขาเชื่อมั่นในแฟนสาวมากๆเลยนะ คิดว่าเธอต้องรับเขาได้ในแบบที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้
และเขารักพ่อมากๆ เลยไม่อยากเห็นพ่อเป็นทุกข์เพราะแม่เลี้ยงต่อว่าด้วย จึงรับปากส่งๆ ว่าจะไปตามนัดที่ดูตัว ความจรืงคิดว่าแค่ดูตัวแล้วแกล้งทำอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่ชอบ พวกท่านจะได้ยกเลิกสัญญาบ้าๆเสีย แต่ดันเกิดเหตุเสียก่อน...มันก็ดี จะได้รู้สันดารคนไปเลย
“ จะดีเหรอลูก ” เขาได้ปรึกษากับคนเป็นพ่อทันที และเล่าแผนการณ์บางอย่างให้ฟัง
“ ดีครับ ถ้าใครรับผมได้ ผมก็จะยอมแต่งกับคนนั้น แต่พ่อห้ามบอกใครนะครับ ผมขอ ” คนเป็นพ่อมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีแต่ก็ยอมตกลงเพราะไม่อยากขัดใจลูกชายคนโตด้วย
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..
ผมออกจากโรงพยาบาลด้วยรถวีลแชร์ เพราะขาสองข้างเดินไม่ได้ คนที่ดูพึงพอใจที่สุดเห็นจะเป็นเเม่เลี้ยง เขารู้ทุกการกระทำของแม่เลี้ยง ต่อให้เขาทำงานนอกบ้านทุกวัน แต่เขาก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ในบ้าน และบางทีมีแค่เครื่องดัดฟัง รู้ทุกการกระทำและคำพูดของแม่เลี้ยงที่พุดคุยสั่งสอน เสี้ยมสอนลูกตัวเองซึ่งเป็นน้องชายต่างแม่ของผมเป็นอย่างดี ว่าให้เกลียดผม
บ้านวงษ์เจริญการ
“ แม่ว่าไงนะคะ ขาพิการ! นี่แม่ยังอยากให้หนูแต่งอีกเหรอคะ? ”
“ ตอนแรกทางเราเองที่ไปเร่งเพราะตอนนั้นการเงินในบ้านเริ่มไม่ดี แม่เลยไปกู้ยืมเงินมาแต่เหมือนว่ารายได้มันจะไม่ค่อยพอในการส่งคืน แม่เลยมีแค่วิธีเดียวคือไปเร่งตามสัญญาของทางนั้นเพื่อจะเอาสินสอดมาจ่ายคืน แต่ตอนนี้ทางนั้นเร่งกลับมาแล้ว จะให้พวกเราไปนัดคุยกันเรื่องแต่งงานทันที หลังจากตาสารัชออกจากโรงพยาบาล ”
“ แม่เพิ่งบอกไปหยกๆ นี่ว่าผู้ชายคนนั้นขาพิการทั้งสองขาแล้ว หนูไม่เอาหรอกค่ะ พ่อช่วยหนูด้วย ” เห็นทีท่าของแม่ไม่ยอมลดล่ะ ก็พยายามเข้าทางพ่อ
“ ให้ยัยคะน้าสิ ไปแทน ” คนเป็นพ่อพูดขึ้น
“ ไม่! ” คนเป็นแม่ปฎิเสธเสียงแข็งเพราะยังถือในศีลธรรม จะยอมให้หลานมารับผิดชอบได้ไง ทั้งที่ ทีแรกเป็นเธอเองที่จะให้ลูกสาวได้สามีที่ร่ำรวย
“ งั้นยัยคะนิ้งก็ได้ ถ้าหยิบยกเรื่องบุญคุณแม่นั่นคงยอม ” คนเป็นพ่อพูดต่อ
“ ใช่ค่ะแม่ บังคับพี่คะนิ้งเลย ไหนๆ แม่ก็รับเลี้ยงมาจนโตจะตอบแทนบุญคุณไม่ได้หรือไง ” คนเป็นลูกพูดเสริม
“ ไม่ได้! ” คนเป็นแม่หนักแน่น
( Part คะนิ้ง )
ภายในห้องที่เย็นช่ำไปด้วยแอร์ แต่คนทั้งสองที่กำลังเร่าร้อนอย่างไฟแผดเผาในตอนนี้ทั้งตัวเลยเต็มไปด้วยเหงื่อ
หลังจากที่เล้าโลมกันอย่างดูดดื่ม จนถึงเวลาที่ต้องเจอของจริงกันแล้ว
“ พี่ดานุคะ มีข่าวดีจะบอกค่ะ ”
“ ให้จบกันก่อนค่อยคุยได้ไหมครับ พี่ไม่ไหวแล้ว ” เขากำลังถือแก่นกายของตัวเองพร้อมสวมเกราะป้องกันให้มัน
“ แป๊บเดียวเองค่ะ ” ส่งสาวตายั่วยวนไปหนึ่งกรุบ ตั้งแต่รู้ว่าท้อง อาการอยากมันก็มี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรกับแฟนหนุ่ม เพราะวันนี้พี่เขาเพิ่งจะว่างจากกิจการครอบครัว ด้วยอารมณ์ที่อัดอั้นก็พร้อมจะระเบิด พี่เขาก็คงต้องการเช่นกัน พอเจอหน้ากันไม่ทันได้พูดจาก็ถาโถมใส่กันแล้ว
“ ครับงั้นว่ามาเถอะ อื้ม~ ” เขาจับแก่นกายมาจ่อที่ช่องแคบ ถูขึ้นๆ ลง รอให้แฟนสาวอย่างฉันพูดจบก็คงสอดเข้ามา
“ อื้ม~ พี่อย่างแกล้งก่อนสิ ซี๊ด~ มันเสียวมาก ”
“ รีบพูดมาครับ เร็วๆ ”
“ คะนิ้งท้องค่ะ อื้ม~ ” เสียวได้แป๊บ อีกคนก็หยุดชะงัก แล้วถอยออกจากร่างกายของฉันในทันที
“ ทะ…ท้องเหรอ? ”
“ ค่ะ ท้องกับพี่ไงคะ ”
“ เดี๋ยว ท้องกับพี่ได้ไง พี่สวมถุงยางทุกครั้งเลยนะ ที่เรามีอะไรกัน ”
“ พี่จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ อย่าลืมว่า พี่ไม่ใส่ถุงยางด้วยหนึ่งครั้ง เมื่อสามเดือนก่อน ”
“ ไม่ใส่ก็จริง แต่พี่รีบเอาออกมาปล่อยข้างนอกนะและคะนิ้งก็บอกว่าปวดท้องเมนส์ แต่มันมากะปริบกะปรอย จำได้ไหม จะท้องได้ไง ”
“ ได้ค่ะ คะนิ้งถามหมอไปแล้วด้วย แต่หมอบอกว่านั้นคือเลือกล้างหัวเด็กค่ะ ” ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าเขาอย่างผิดหวัง ไม่คิดว่าคนที่รักจะเป็นแบบนี้ จะไม่เชื่อใจกัน
“ แต่พี่ว่า เราอย่าเพิ่งมีลูกกันตอนนี้ดีไหม พี่ยังไม่พร้อม ”
“ ทำไมถึงไม่พร้อมคะ พี่ก็มีทุกอย่างแล้ว พี่จะสร้างอะไรอีกคะ และนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราสองคนด้วยนะคะ ”
“ แค่ครั้งเดียวที่พี่ลืมใส่ถุงยาง มันจะท้องเลยเหรอ ทั้งที่พี่ก็ไม่ได้ปล่อยข้างในแม้แต่หยดเดียวเลยนะ”
“ พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง คะนิ้งก็มีอะไรกับพี่แค่คนเดียวนะคะ ”
“ คิดดูดีๆก่อน คะนิ้งเคยแอบหนีเที่ยวกลางคืนมาสองครั้งแล้วนะ ” พอพี่เขาพูดจบ ฉันก็ต้องตกใจ พี่เขารู้ได้ไง เพราะเรื่องนี้มันคือลับสุดยอดที่ฉัน คะน้าและแคลจะปิดมันไว้
“ ไม่จริง คะนิ้งไม่เคยเที่ยว ” พูดแบบหลบสายตาเขา
“ แคลบอกพี่ และส่งรูปที่คะนิ้งเดินเข้าผับมาให้ด้วย ”
❣️__________❣️
นามปากกาธัญญวรินทร์
? อย่าลืมกดหัวใจ ❤️ กดติดตาม กดเข้าชั้นให้ด้วยน่าาา ที่รักก