รถสปอร์ตหรูราคาไม่เกินหลักล้านขับเคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างกับมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวเรียนอยู่มากนัก ก่อนจะมาหยุดที่บ้านชั้นเดียวสไตล์มินิมอลตกแต่งทันสมัย แม้ว่ากริชจะคุ้นๆกับบ้านหลังนี้อยู่มากแต่กริชก็จำได้ว่าไม่เคยมา
"บ้านน้องพายน์เหรอครับ?"
กล่าวขณะที่มองเข้าไปข้างในบ้าน แม้ว่าบรรยากาศจะเริ่มมืดค่ำแต่ก็พอเดาออกว่าบ้านหลังนี้เหมือนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ได้ไม่นาน สังเกตุจากตัวบ้านที่ใหม่มาก
"เปล่าค่ะ เขาให้อยู่ชั่วคราว เข้าไปข้างในก่อนมั้ยคะพี่กริช"
ชวนตามมารยาทเพราะเห็นกริชเอาแต่เมียงมองสำรวจเข้าไปข้างในบ้านอย่างสนใจ ไม่รู้เหตุเพราะอะไรพายน์ถึงได้ไว้ใจเขานักทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อสักครู่นี้เอง
"เห็นว่าคงจะไม่ได้แล้วล่ะครับญาติพี่อยู่โรงพยาบาล เดี๋ยวว่างๆพี่ค่อยแวะมานะครับ เอ่อ..คือว่าพอดีพี่มากรุงเทพเป็นครั้งคราว ไม่มีเพื่อนที่นี่ซะด้วย ถ้าวันไหนพี่มาอีกพี่ค่อยมารบกวนครับ"
รีบอธิบายก่อนที่สาวเจ้าจะเข้าใจผิดว่าจะมาตอแยอะไร พายน์ยิ้มออกมาอย่างรู้ทันในความรีบแก้ตัวของเขา
"ยินดีค่ะ งั้นพายน์คงต้องขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ"
พายน์เปิดประตูรถลงไป ก่อนจะลงไปยืนรอจนเจ้าของรถหรูขับออกไปถึงจะเข้าบ้าน กริชยิ้มออกมาอย่างชุ่มชื่นหัวใจแม้ว่าจะไม่ได้ขอข้อมูลติดต่อ อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าบ้านเจ้าหล่อนอยู่ตรงไหน
ใช่ เขารู้สึกดีกับหล่อนแต่ทว่า...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพิ่งจะเจอกันแท้ๆทำไมถึงต้องรู้สึกไปไกลขนาดนี้ด้วย ความจริงสาวๆวิ่งเข้าหากริชก็มีไม่ใช่น้อย เขาไม่ได้ขาดแคลนเรื่องผู้หญิงแตกต่างจากผู้เป็นน้องชายโดยสิ้นเชิง แต่ความรู้สึกที่เกิดตั้งแต่แรกเจอแบบนี้เขาไม่เคยพบพานกับผู้หญิงคนไหน แม้ว่าจะออกเดทกับผู้หญิงมาแล้วหลายคนก็ตาม
โรงพยาบาล
"ไง ไอ้น้องชายตัวดี"
ทันทีที่ประตูห้องพักฟื้นผู้ป่วยในโรงพยาบาลถูกเปิดออกกริชก็เอ่ยปากทักน้องชายทันที
"ทำไมมาช้าจังครับพี่กริช?"
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เป็นอะไรต้องรอให้เดี้ยงก่อนใช่มั้ย ถึงต้องให้ลุงดลมาบอก"
ตำหนิเสียงเข้มจริงจัง เกรททำให้เขาต้องยกเลิกประชุมกะทันหันแล้วตีตั๋วขึ้นเครื่องเข้ามากรุงเทพฯด่วนอย่างร้อนใจ และยิ่งไม่พอใจหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเกรทไม่ได้เป็นแบบนี้ครั้งแรก กริชทราบมาว่าเกรทเป็นมาสักระยะแล้วโดยที่ไม่บอกใครให้รู้ จะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง แต่พอเห็นแววตาปริบๆของมันเท่านั้นแหล่ะ กริชก็ใจอ่อนยวบหายโมโหเป็นปลิดทิ้งทันที
"โหพี่ ผมก็นึกว่าจะไม่เป็นอะไรเยอะ"
"เรียนหมอประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าโรคนี้มันเป็นภัยเงียบแค่ไหน นายอาจตายอย่างไม่รู้ตัวได้เลยรู้มั้ย?"
"ขอโทษครับ พี่กริชอย่าบอกพ่อกับแม่นะ"
ส่งสายตาเว้าวอนใส่ผู้เป็นพี่ชายที่ยืนทำหน้าเครียดใส่
"ไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้คงขนกันมาทั้งบ้าน"
"ห๊า ตายๆๆ โลกส่วนตัวของผมพังปิ๊นาศ"
เกรททำหน้าแขยงเมื่อนึกถึงคำบ่นของแม่และเสียงด่าของพ่อ
"ช่วยไม่ได้"
ร่างสูงในชุดสูทสีเบจทันสมัยของกริชยักไหล่และไม่ใส่ใจคำขอร้องอ้อนวอนอะไรเกรทอีก เรื่องอื่นช่วยได้แต่เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยเขาคงช่วยปิดบังพ่อแม่ไม่ได้จริงๆ
"ผมขอออกจากโรง'บาลเลยได้ป่ะ พรุ่งนี้มีเรียน"
"ค่อยออกพรุ่งนี้เช้า คืนนี้รอดูอาการก่อนอีกสักคืน"
เกรทถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก นึกถึงพายน์ขึ้นมาทันที สาเหตุนี้แหละที่เขาต้องไล่พายน์กลับ อีกอย่างไม่อยากให้พายน์ต้องมารับรู้ด้วยว่าเขาเป็นอะไร
'หวังว่าเธอจะไม่ร้องไห้อีกนะ ยัยขี้แย'
แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน
'ฉันใจร้ายกับเธออีกแล้วใช่มั้ย?'
แขนแข็งแรงถูกยกไปก่ายหน้าผากอีกครั้งอย่างเซ็งๆเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
"ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะบอกพี่เหรอ แล้วรอบก่อนเรื่องบ้านเสร็จยัง พี่ส่งเอกสารให้ลุงดลไปหมดแล้ว"
"เรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว"
"อ้อ แล้วสรุปใครเข้าไปอยู่?"
"พี่กริช คือว่า..."
กริชล่ะสายตาจากหน้าจอมือถือเมื่อเห็นว่าน้องชายของเขาดูเหมือนจะมีเรื่องราวที่จะสารภาพ จะไม่ให้กริชรู้ใจเกรทได้อย่างไรก็อยู่ด้วยกันมานาน กริชรู้นิสัยน้องชายดีว่าอาการแบบนี้มันมีเรื่องที่จะสารภาพชัดๆ
"ว่า..."
กริชถามย้ำเมื่อเห็นเกรทยังทำหน้าอึดอัดเสมือนว่าอธิบายไม่ถูก ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆเกรทไม่รู้จะเริ่มเอ่ยจากตรงไหนก่อนดี
"หืม?"
กริชขึ้นเสียงย้ำเพื่อกดดันอีกครั้ง
"ผมมีลูกแล้ว!" เกรทกลั้นหายใจหลับตาโพล่งออกมาอย่างตัดสินใจ
ตุ๊บ! โทรศัพท์ในมือของกริชหลุดร่วงหล่นลงบนพื้นเบื้องล่างทันที
"อะไรนะ!!!?"
เกรทหันไปมองตามเสียงตกใจตรงประตูห้อง OMG!มาครบองค์ ทั้งเด็จพ่อเด็จแม่ ลุงดล ไหนว่าจะมากันพรุ่งนี้ฉิบหายล่ะกู! ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะหยุดหมุนชั่วขณะเมื่อทุกๆคนอยู่ในอาการตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเกรทเอง อยากจะเป็นลมหมดสติไปอีกรอบเพื่อหลีกหนีกับวิบากกรรมตรงหน้า ลูกรักเด็กดีเป็นความภูมิใจของพ่อแม่และเป็นหน้าเป็นตาของวงตระกูลมาตลอดถึงคราวอวสานแล้ว ณ บัดนาว