บทที่ 8 : พ่อหมอสายเปย์

2223 คำ
แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวเกิดความประหลาดใจยิ่งกว่า คือ รอยบาดบริเวณปลายนิ้วชี้ ได้หายไปราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งที่เลือดยังคงติดอยู่ตรงขอบคมกระเบื้อง “พ่อหมอทำได้ยังไงคะ?” เอ่ยถามชายที่อยู่ตรงหน้า โดยที่ไม่เห็นภาพซ้อนแล้ว “ข้าเป็นใคร?” เสียงเข้มถามกลับ ทว่าแววตา ยังคงตำหนิคนตัวเล็ก “พ่อหมอเป็นหมอผี” “ใช่ ฉะนั้นแผลแค่ปลายกริช ข้าช่วยรักษาได้อยู่แล้ว” “แต่นี่ไม่ใช่แค่รักษานะคะ” นอกเหนือจากเรื่องผีสาง น่าจะเป็นเรื่องนี้ที่เหลือเชื่อ “อย่าใส่ใจนัก รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะฟ้ามืด” พ่อหมอเร่งอย่างจริงจัง พร้อมกับจับมือบอบบาง พาคนตัวเล็กเดินเลี่ยง จุดที่มีเศษจานกระเบื้องแตก ก่อนจะปล่อยให้เดินไปหยิบเสื้อผ้า ที่ตากเอาไว้ แล้วขึ้นไปบนชั้นสอง ขวัญยอมทำตามคำสั่ง เพราะเรายังตกลงเรื่องการทำพิธีกรรมไม่ได้ ส่วนเธอยังคงยืนยันคำตอบเดิม ว่ายังไม่พร้อมที่จะใช้เวลาช่วงนี้ ทำพิธีเกี่ยวกับการผูกชะตาชีวิต แต่ถ้าเป็นหลังจากนี้สักสามเดือนเธอจะกลับมาทำพิธีตามที่เขาแนะนำ บรืนนน~ เสียงรถขับเข้ามาจอด ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกจากห้องนอน แล้วยืนดูบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งรถคันนั้น เป็นรถยนต์คันใหญ่ สีทูโทนขาวดำ หากประเมินด้วยสายตาราคาคงจะเอาเรื่องอยู่ เพราะรถสวยมาก และเจ้าของก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก 'พ่อหมออาคม' ปรี๊นนน! เสียงบีบแตรเร่ง เป็นสัญญาณให้รีบลงไปหา ร่างเล็กจึงสับขาเรียวลงจากบันไดบ้านแล้ววิ่งไปขึ้นรถคันใหญ่คันนั้น “ทำไมไม่มานั่งข้างหน้า?” ถามเสียงดุ เพราะเธอกระโดดขึ้นไปนั่งเบาะหลัง “ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญนั่งข้างหลังดีกว่า” เสียงหวานรีบปฏิเสธ เพราะรู้สึกเกรงใจเจ้าของรถ “ย้ายมานั่งข้างหน้าซะ ข้าไม่ใช่แท็กซี่” “อ่า…” “บอกให้ย้ายก็รีบย้าย อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง” ขวัญไม่ตอบ แต่ยอมลงจากรถ เพื่อย้ายไปนั่งข้างหน้า ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงต้องยอมขนาดนี้ แต่พอเป็นพ่อหมอออกคำสั่ง ร่างกายมันกลับยอมทำตามอย่างง่ายดาย “ข้าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ก่อนกลับจะแวะซื้อของสด เอ็งต้องช่วยข้าเลือกด้วยเพราะเอ็งเป็นคนทำ” “ขวัญขอกลับบ้านได้ไหมคะ?” “ข้าไม่ให้กลับ ชัดเจนพอไหม?” พอโดนสวนด้วยคำตอบนี่ การเงียบคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด “จะเลือกชุดแบบไหนก็ได้ แต่ช่วยไว้หน้าข้าด้วย” เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ ฝ่ายชายก็เริ่มกำกับ “ที่จริง แวะซื้อตลาดนัดน่าจะถูกกว่าบนห้างนะคะ” “ข้าดูที่คุณภาพของ เสื้อผ้าบนห้างมันเหมาะกับเอ็ง” “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า~ ไม่ทราบว่ากำลังตามหาเสื้อผ้าแนวไหนอยู่คะ?” ระหว่างที่ตกลงกัน พนักงานสาวก็เดินเข้ามาหา มือใหญ่จึงดันแผ่นหลังคนตัวเล็กแล้วบอกกับพนักงาน “ไม่โป๊ สมวัย และไม่หวานจนเกินไป” “ระ รับทราบค่ะ” ถึงพนักงานจะแอบงง แต่ก็รีบตอบรับ “เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ” ขวัญเริ่มเกร็ง เพราะไม่เคยเข้าร้านเสื้อผ้าหรูๆ ดูจากการแต่งตัวของเธอ รวมกันทั้งชุดยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ แต่พอเห็นราคาป้ายในร้านนี้ มีแต่หลักพัก หลักหมื่น แค่เสื้อตัวตัวเดียวก็ปาไปสี่พันกว่าแล้ว แพงจนอยากจะวิ่งออกจากร้าน “คุณลูกค้าชอบกางเกงมากกว่ากระโปรงใช่ไหมคะ?” “คะ?” เพิ่งจะละสายตาจากป้ายราคา จึงขานรับแบบเหวอๆ “อ้อค่ะ ชอบใส่กางเกงมากกว่า” “เรื่องโทนสีละคะ คุณลูกค้าชอบสีเรียบๆ หรือสีสัน?” “สี…” หันไปมองป้ายราคา ชุดที่อยู่ใกล้กับพนักงาน ซึ่งสียีนจะถูกกว่าสีเรียบๆ ไม่รู้ทำไม แต่ถ้าเป็นกางเกงเอี๊ยมก็น่าจะดี “ตัวนี้ถูกที่สุดในร้านแล้วเหรอคะ?” ขวัญเอ่ยถามอย่างไม่อายคนรอบข้าง “ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้พวกกางเกงเอี๊ยมไม่อยู่ในกระแส ถ้าให้แนะนำ เลือกเป็นกางเกงขายาวผ้าลินินดีกว่าไหมคะ สวมใส่สบายเข้าทรง ตามแฟชั่นในตอนนี้ วัยรุ่นใส่กันเยอะนะคะ” “อ้อ ไม่ดีกว่าค่ะ” ขวัญรีบปฏิเสธ เพราะเหลือบไปเห็นป้ายราคากางเกงที่พนักงานกำลังแนะนำ 'เกือบหมื่น!’ ตัดภาพมาที่กางเกงเอี๊ยมแค่พันปลายๆ ถึงจะแพงมากสำหรับเธอ แต่ก็ถูกที่สุดในร้านนี้แล้ว ส่วนช่วงบนขอเป็นเสื้อยืดไม่มีดีเทล ราคาจะได้ถูก “แต่คุณลูกค้าหุ่นดี มีทรวดทรงองค์เอวชัดเจนมากเลยนะคะ ลองสวมใส่ดูก่อน อาจจะเปลี่ยนใจมาชอบสไตล์นี้ก็ได้ค่ะ” พนักงานสาวยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทว่าคนฟังกลับยืนคำนวณราคาอยู่ในหัว แล้วคิดว่ามันแพงเหลือเกิน “มัวแต่คิด แล้วเมื่อไหร่จะเลือกได้?” จู่ๆ ก็มีเสียงขัดจากคนตัวสูง ที่เดินตามมาซ้อนหลัง “อ่า…(คิดหนัก) ขอเป็นกางเกงเอี๊ยม กับเสื้อตัวนั้น” พูดพลางชี้นิ้วเลือกเสื้อผ้าที่คิดเอาไว้ ว่าราคาไม่แรง “ได้ค่ะ” พนักงานสาวหยิบให้ตามความต้องการ ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้เข้าไปลองชุด ซึ่งชุดที่เลือก มีแค่เพียงกางเกงเอี๊ยมสียีนกับเสื้อยืดสีขาว พอได้ลองก็คิดว่ามันแปลก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยแต่งตัวแนวนี้ จึงไม่ชินตากับภาพที่เห็นในกระจกเงาสะท้อน ถึงจะดูน่ารักสมวัย แต่ถ้าให้เธอใส่กับกางเกงขาวยาวธรรมดา น่าจะเหมาะสมกว่านี้ “ว้าว~ คุณลูกค้าเหมาะกับชุดนี้ดีนะคะ” ไม่แน่ใจว่าเป็นคำชมหรือคำเหน็บแนม เพราะเธอดันไปเลือกชุดที่ถูกที่สุดในร้าน แต่ถามว่าสนใจไหม คงตอบว่าไม่ ถ้าไม่ติดว่าถูกกำกับให้เลือก คงเดินออกจากร้านนี้ไปแล้ว “แม่จ๋าแต่งตัวน่ารักจังเลย~” “โอ๊ะ…” เสียงเด็กคนเดิม ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทอีกแล้ว “ขอให้พ่อจ๋า ซื้อชุดใหม่ให้เพชรกล้าด้วยได้ไหมจ๊ะ~” “อ่า…” อยากตอบ ทว่าพนักงานยังคงไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า มันชัดเจนแล้วว่าโดนเหยียด แต่ก่อนที่จะเดินกลับไปเปลี่ยนชุด พนักงานคนนั้นก็ดันหงายหลัง ล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นอย่างไม่มีสาเหตุว่าใครเป็นคนผลัก “คริคริคริ~ อย่าลืมชุดใหม่ของเพชรกล้านะจ๊ะ” เสียงเด็กหัวเราะคึกคัก ตามด้วยการย้ำคำขอเดิม “หึ~” ที่หลุดขำไม่ได้เป็นเพราะความสะใจ แต่รู้สึกเอ็นดูในความน่ารัก ขี้แกล้ง แม้จะไม่เคยเห็นรูปลักษณ์อื่น นอกจากรูปปั้นกุมารทอง แต่เดาว่าคงเป็นเด็กผู้ชาย ที่แสบสันเอาเรื่อง “ไหนเสื้อผ้าที่เลือก?” เสียงเข้มเค้นถาม เมื่อเห็นว่าไม่ได้หยิบชุดนั้นมาด้วย “หลวมไปนิดค่ะ ขวัญว่าเราไปเลือกร้านอื่นกันดีกว่า” “แน่ใจว่าหลวม ไม่ใช่ข้ออ้าง” เธอยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ ก่อนจะเดินนำออกไปจากร้าน ซึ่งคนตัวใหญ่ก็ยอมเดินตาม ทว่ากลับมีสายตาหลายคู่ จ้องมองมาที่คนด้านหลัง และส่วนใหญ่จะเป็นสายตาของผู้หญิง เพราะพ่อหมอหน้าตาดี แต่งตัวสมาร์ท แถมยังสูงมาก นั่นทำให้คนตัวเล็กชะลอฝีเท้า เพื่อให้ฝ่ายชายขึ้นมาขนานข้าง ซึ่งมันเป็นการกระทำที่แสดงออกโดยอัตโนมัติ ทำให้ใบหน้าหล่อคม กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วยอมแนบชิดกับเธอ แต่เมื่อพ้นจากสายตาของสาวๆ ขวัญก็เร่งฝีเท้านำไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก แน่นอนว่าราคายังคงแอบแรง แต่มีชุดหนึ่งที่สะดุดตา เป็นชุดเซตของเด็กผู้ชาย ที่มีเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวด้านใน ทับด้วยเสื้อกั๊กลายตารางสีครีม ส่วนกางเกงขาสั้นก็เป็นลายสีเดียวกันกับสีเสื้อกั๊ก แถมยังมีโบว์ติดอยู่ที่คอเสื้อของหุ่นโชว์ เป็นชุดน่ารัก และมีความเรียบร้อย สะอาดตา “พ่อหมอคิดว่าเพชรกล้าจะใส่ชุดนี้ได้ไหมคะ?” ขวัญถามความคิดเห็น จากคนที่เห็นรูปลักษณ์จริง “ได้” เสียงทุ้มตอบกลับ พลางเดินมาสัมผัสเนื้อผ้าที่หุ่นโชว์ “ลูกชอบ” “คะ?” “เอาชุดนี้” พ่อหมอหันไปพูดกับพนักงานชาย พร้อมกับส่งเครดิตการ์ดสีทองอร่าม ก่อนจะจับแขนเรียวเล็ก พาไปเลือกชุดเด็กเพิ่มอีกห้าชุด ล้วนแต่เป็นชุดของเด็กผู้ชายสไตล์ลูกคุณทั้งนั้น ส่วนชุดของเธอ พ่อหมอเป็นคนเลือก เพื่อตัดปัญหาเรื่องราคา ที่เธอชอบคิดเล็กคิดน้อยจนไม่กล้าซื้อ ซึ่งสไตล์ที่ได้มา ถือว่าเหมาะสมและไม่ดูแปลกตาจนเกินไป เพราะเธอแต่งตัวเหมือนกับพ่อหมอเป๊ะ! ใส่กางเกงยีนขายาว เสื้อเชิ้ตสีดำ ตบท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบ ที่เพิ่งจะสอยมาจากอีกร้านหนึ่ง ถ้าไม่บอกว่าเพิ่งซื้อ นึกว่าเป็นชุดคู่รักที่จัดเซตคู่กัน “แต่งแบบนี้ก็เซ็กซี่ดี” พ่อหมอพูดพลางใช้มือใหญ่ ขยับคอเสื้อให้คนตัวเล็ก “แต่ถึงจะเซ็กซี่ยังไง ทุกส่วนในร่างกายของเอ็งล้วนเป็นของข้าเพียงคนเดียว” พูดเสียงกดต่ำ ให้ได้ยินแค่สองคน ก่อนจะสอดมือเข้ามานวดท้ายทอยเบาๆ จนเกิดความรู้สึกวูบไหว และทุกครั้งที่ถูกนวดบริเวณนี้ จะหนีไม่พ้นอาการใจสั่น เหมือนถูกครอบงำด้วยมนต์เสน่ห์ แม้ว่าพ่อหมอจะไม่ได้ทำสิ่งนั้นใส่เธอ แต่ความรู้สึกข้างในจิตใจ กลับร้อนรุ่มแปลกๆ “ของส่วนตัว เอ็งต้องเป็นคนเลือกเอง” “ค่ะ” ตอบรับทั้งที่ยังรู้สึกลอยๆ ก่อนจะเดินเข้าไป ซึ่งร้านนี้เป็นร้านชุดชั้นในสำหรับผู้หญิง พ่อหมอเข้ามาช่วยเลือกไม่ได้ ทว่าแอบยัดเครดิตการ์ดใส่มือ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที ก็ได้ชั้นในทั้งส่วนบนและส่วนล่าง มาอย่างละสิบตัว แน่นอนว่าเธอไม่ได้ต้องการซื้อเยอะ แต่ดันมีคนคอยกำกับพนักงานอยู่หน้าร้าน ให้ช่วยเลือกที่เหมาะสมให้ มิหนำซ้ำ ยังติดลายลูกไม้มาตั้งหลายตัว “อ่า~ ที่แท้ก็ชอบแนวเซ็กซี่สินะ ถึงได้ไม่คัดค้าน” หญิงสาวแอบพูดพึมพำ พลางหรี่ตามองคนหน้าร้าน ที่กำลังยืนเซ็นชื่อ หลังจากที่เธอยื่นเครดิตการ์ดให้พนักงานแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายในวันนี้ พูดได้คำเดียวว่าอ่วม ถ้าให้นั่งคิดจริงจังน่าจะเสียไปเกินแสน แต่ดูจากสีหน้าคนจ่ายแล้ว เรื่องเงินน่าจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่ถ้าเป็นเธอคงไม่มีวันจ่าย เพราะชีวิตเธอ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาท เลือดตาแทบกระเด็น ขืนเอามาจ่ายสุรุ่ยสุร่ายมีหวังได้อดตายกันพอดี บรืนนน~ ภาพตัดกลับมาที่บนรถ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม ซึ่งใช้เวลาในการเลือกซื้อของค่อนข้างนาน แต่ได้ไปแวะซื้อของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเสื้อผ้า รวมไปถึงของสด ผลไม้ที่ซุปเปอร์ด้านล่าง ทำให้ใช้เวลาไปพอสมควร กว่าจะซื้อเสร็จ “ไอ้ปราบมันป่วยนะ” จู่ๆ พ่อหมอก็พูดขึ้นมา ขณะที่กำลังขับไปตามทาง “ป่วย? ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “เมื่อวาน หลังจากกลับไป” “…..” เงียบ เพราะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี “ที่นี้เอ็งเข้าใจที่ข้าเตือนรึยัง?” “ขวัญยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขวัญเข้าใจในความหวังดีของพ่อหมอนะคะ” เธอพูดตามสิ่งที่คิด เพราะยังไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง แต่ในเรื่องความเชื่อ เธอคิดว่าเธอเชื่อเกือบเต็มร้อย โดยเฉพาะเรื่อง ‘คาถาอาคม’ “ถ้าเอ็งเข้าใจ พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกัน” “คะ?” ดวงหน้าอ่อนเยาว์ ถึงกับหันขวับไปมองฝ่ายชาย “จดเสร็จ ข้าจะพากลับมาทำพิธีตามที่เคยบอกไป” “อ่า…” “ส่วนค่าเทอมของน้องๆ เอ็ง เดี๋ยวข้าจัดการให้” “ไม่เอาค่ะ” “ต้องเอา ห้ามปฏิเสธว่าที่ผัว” คนตัวเล็กถึงกับนั่งอึ้ง ไม่คิดว่าพ่อหมอจะพูดแบบนี้ “คืนนี้เอ็งนอนให้พอ เพราะในคืนพิธีเอ็งจะไม่ได้นอน” “ทำไมถึงไม่ได้นอนเหรอคะ?” “เดี๋ยวก็รู้เอง” พ่อหมอทิ้งท้ายด้วยประโยค ที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกค้างคาใจ และนอกเหนือจากความรู้สึกนี้ ยังมีอาการใจสั่นรัว สาบาน! ว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องเซ็กซ์ แต่ภาพเปลือยเมื่อเช้าดันแล่นเข้ามาในหัว จากที่แค่ใจสั่น ตอนนี้หน้ามืด เหมือนจะวูบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม