ควับ! ขวัญล้วงกระดาษสีขาวขนาดเอสี่ที่พับไว้ออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของตนทันที และหยิบปากกาที่อยู่ในรถยื่นไปตรงหน้าดีแลน “งั้นรบกวนช่วยเซ็นเอกสารการอนุญาตให้ด้วยค่ะ”
ควับ! ดีแลนดึงทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าไป และจรดปลายปากกาให้อย่างไม่ลังเล พรึ่บ! แต่เมื่อขวัญจะรับเอกสารกลับมาดีแลนกลับหลบ ยังไม่ให้ไปในทันที
“ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ต่อหน้าและลับหลังฉัน พึงจำไว้ว่าเธอคือใคร” ขวัญไม่ตอบ ใบหน้ามู่ทู่ แม้เธอจะปากเก่งออกไปแล้วเมื่อสักครู่ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะกล้าสู้หน้าสู้ตาท้าทายคุณฟงในระยะประชิดแบบนี้ตลอดรอดฝั่ง
พรึ่บ! ไม่มีคำตอบแต่มือเล็กก็สามารถดึงเอกสารของตนเข้ามาเก็บไว้ในกระเป๋าได้อย่างปลอดภัย และทันทีที่ถึงบ้านขวัญไม่สนใจฝาแฝดอีกเลย เธอรีบลงจากรถและวิ่งกลับห้องนอนของตนด้วยความลิงโลด
“ใจดีเสียเหลือเกินนะ” อีวานเปรยเบาๆกับน้องชายของตน
“ยังไงเรื่องชู้สาวขวัญไม่ทำแน่”
“เหมือนนายเองก็รู้ แบบนี้ใช่มั้ยถึงเร่งการเดินทางกลับฮ่องกงทันทีที่ขวัญสอบเสร็จ”
“เร่งแล้วก็ยังไม่ทันใจพี่อยู่ดี”
“ไม่ใช่ฉันโว้ย! คุณย่าสุดที่รักของนายต่างหาก” ดีแลนไม่ตอบอะไร แต่เดินกลับเข้าบ้านอย่างเชื่องช้าพร้อมกับอีวานที่ยังมีบทสนทนากับน้องชายกันต่อ “ขวัญยังเด็กอยู่มากไม่ประสีประสาเรื่องความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ แล้วแกก็ยังทำท่าทางแบบนี้อีก ชาติไหนฉันจะได้มีหลาน”
“ผมมีวิธีของผม เรื่องนี้พี่อย่ายุ่ง”
“ครับผมคุณน้องชาย แต่ก็ระวังไว้บ้างคำว่าช่องว่างระหว่างวัยนะ รู้จักมั้ย...เฮ้ยยยย ไม่รู้จะเยอะไปทำไม มัดไว้กับเตียงรวบหัวรวบหางให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวก็จบ”
“อย่ายุ่ง! และอย่าพูดเรื่องทำนองนี้อีกจะได้มั้ย!” ดีแลนพูดจบเดินเร็วขึ้น ทิ้งห่างอีวานบ่งบอกด้วยท่าทางอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการพูดคุยกับอีวานเรื่องนี้อีก ดีแลนไม่ได้บอกให้อีวานรู้ว่าคืนนั้นที่คุยกันเรื่องทำนองนี้ ขวัญแอบมาได้ยินทุกอย่าง จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมโนฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหน จนทำให้เป็นอุปสรรคต่อการอยู่ใกล้ชิดกันอย่างมาก เพราะไก่ตื่นจนเป็นลมล้มพับไปแล้ว
ในที่สุดวันที่ขวัญชนกต่อสู้ให้ได้มาก็มาถึง สำหรับขวัญวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ตัวเองจะได้อยู่กับเพื่อนๆสังสรรค์กันตามประสาในวัยของตน
ค่ำคืนนี้ขวัญอยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อนน่ารักสมวัยสมราคาซึ่งเธอไม่รู้หรอกว่าชุดที่สวมอยู่มันราคาเท่าไหร่ แต่เธอได้รับเป็นของขวัญเมื่อวานนี้จากคุณฟง ที่ตั้งแต่วันนั้นเธอไม่ค่อยเจอะเจอเขาเหมือนทุกๆวันมาโดยตลอด ซึ่งเธอเองก็แปลกใจกับตัวเองอีกครั้งกับเรื่องนี้ แต่ก็นะ! เธอก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่เอ่ยถามออกไปเช่นกันว่าเขาหายไปไหน ซึ่งจริงๆเธอก็รู้ว่าเขาอยู่บ้านนั้นแหละ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลยแม้แต่มื้อเช้าที่เขาไม่เคยบกพร่องมันเลย
“วันนี้ขวัญน่ารักจัง” ฮิ้ววววว และเสียงร้องเชียร์ของเพื่อนๆก็ดังขึ้น เปลี่ยนความสนใจของขวัญมาที่เมฆทันที ขวัญยิ้มและเงยหน้ามองชายหนุ่มในวันนี้ เมฆ หรือ เมฆา เพื่อนคนแรกที่เธอเข้ามาโรงเรียนแห่งนี้ สามปีที่เป็นเพื่อนที่ดีกันมา
“วันนี้เมฆก็ดูแปลกตาแต่เป็นความแปลกที่ดีนะ”
“พรุ่งนี้ขวัญเดินทางกี่โมง”
“เที่ยง”
“แล้วเจอกันนะ” ขวัญรู้สึกไม่สบายเมื่อรู้ว่าเมฆเลือกเรียนต่อที่ฮ่องกง เหตุผลก็ไม่ต้องเดาให้ปวดจิต
“เมฆแน่ใจแล้วเหรอ”
“ขวัญไม่อยากให้เราไปเหรอ” เจอคำถามแบบนี้เธอควรจะตอบยังไงละ เธอชอบเมฆมากๆ ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือความรู้สึกอีกอย่างที่มีต่อคุณฟงที่มันส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อเมฆ โดยที่ขวัญก็อธิบายไม่ถูก
“ขวัญกลัวว่าที่บ้านเมฆจะโกรธเมฆนะ”
“ไม่หรอก พ่อเราไม่ว่าหรอก ชีวิตเราเรามีสิทธิ์เลือกและเราก็เลือกแล้ว”
ฮาฮาฮา “พูดแบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” เมฆส่ายหน้าไปมา ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเดินออกมาจากหอประชุมที่จัดงานมายังสนามฟุตบอลของโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้สึกตัวรอบข้างก็เงียบสงัด เฮ้! “นี่เราสองคนเดินมาถึงที่นี่ได้ไง”
เมฆยิ้มน้อยๆ และพาขวัญนั่งลงที่อัฒจรรย์ไม้ข้างสนาม ทั้งสองนั่งเคียงข้างคุยถึงเรื่องราวช่วงเวลาตลอดสามปีที่เคยเกิดขึ้นเท่าที่จำได้ในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ และเสียงหัวเราะขบขันก็ดังขึ้นทำลายความเงียบยามดึกสงัดให้ครึกครื้น
“ให้ฉันเข้าไปเป็นก้างมั้ย”
“แค่ไปบอกว่าได้เวลาต้องกลับแล้วก็พอ”
“แบบนั้นไม่สนุกนะ” และอีวานก็เงียบลง พวกเขาพึ่งมาถึงไม่นาน ซึ่งไม่คิดว่าจะมาเจอภาพความสนิทสนมที่ไม่นอกกรอบของขวัญ แต่ก็นะแค่นั่งคุยกันแต่มันสองต่อสองเจ้าน้องชายก็ไม่พอใจ และช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดีแลนได้แปลงร่างเป็นจอมมารไปแล้ว แน่นอนว่าขวัญชนกไม่รู้สักนิด ถ้ารู้ก็คงไม่ได้มานั่งหัวเราะเฮฮาแบบนี้แน่
ดีแลนคิ้วขมวดเมื่อขวัญไม่ได้เดินตามพี่ชายของตนมาทันที และดวงตาคมเข้มก็ค่อยๆหลี่ลงแม้จ้องมองจากที่ไกลๆ เขาก็เห็นว่าขวัญยื่นแขนซ้ายให้เมฆสวมบางอย่างให้และเธอก็โบกมือลาเมฆก่อนที่จะเดินตามหลังอีวานมา
“ขวัญเมื่อไหร่จะเลิกท้าทายความอดทนของฉันเสียที” ดีแลนที่คราวนี้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเปรยออกมาเพียงลำพัง ดวงตาไร้ซึ่งเยื่อใยมิตรภาพ ซึ่งดีแล้วที่ขวัญไม่เห็น
“คุณฟง”
“อืม” ขวัญทักทายและอดแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าคุณฟงจะมาด้วย
อีวานนั่งเบาะหน้าเคียงข้างดีแลน ส่วนขวัญนั่งเบาะหลังตรงกับคนขับ และบรรยากาศเงียบสงัดภายในรถก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ปัง! และเสียงประตูรถฝั่งคนขับถูกผลักปิดอย่างแรงเมื่อรถจอดเทียบหน้าประตูบ้าน ดีแลนไม่พูดไม่จาเดินหายเข้าไปในบ้านในทันที
“พรุ่งนี้ขวัญยังต้องเดินทางหรือเปล่า”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าเขาโกรธ” อีวานเลิกคิ้วมองขวัญ
“รู้ตั้งแต่คำว่า อืม” ปกติคุณฟงจะไม่ขานตอบรับเธอด้วยเสียงในคอแบบนี้ เขาจะเอ่ยเรียกชื่อเธอตลอด ‘ขวัญ’
“แล้วจะทำไงต่อ”
“ก็ปล่อยไป” อีวานเลิกคิ้วอีกครั้ง
“ไปนอนเถอะ” ขวัญกล่าวราตรีสวัสดิ์กับอีวานและเดินจากไป
สิ่งที่ขวัญไม่รู้เลยก็คือดีแลนไม่ได้พักที่บ้านเหมือนอย่างในกรุงเทพ แต่สถานที่เธอยืนอยู่ตอนนี้มันคือห้องสุดหรูชั้นสูงสุดของตึกสูงย่านเซนทรัลของฮ่องกง
“ชั้นนี้เป็นของดีแลน ชั้นรองลงมาของพี่สามีน้องสะใภ้เอง” ขวัญหันหลังกลับไปมองลิฟท์ เมื่อกี้เธอเดินออกมาจากลิฟท์ก็พบเจอกับความหรูหราตรงหน้า ประตูบ้านก็คือประตูลิฟท์
“ที่นี่...เอ่อ หมายถึงว่าขวัญอยู่ที่นี่หรือคะ”
“ไม่ผิดจากที่พูดเลย แต่ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีบ้าน แค่ว่าอยู่ที่นี่สะดวกกว่าก็เท่านั้น ไว้อะไรๆเรียบร้อยแล้วจะพาไปที่บ้านรับรองว่าสบายและสวยกว่าที่นี่เสียอีก” พูดจบอีวานก็กล่าวลา เพราะเหมือนเขามีที่ที่ต้องไปต่อหรือเขาไม่อยากอยู่เป็นก้างก็ไม่รู้
เมื่ออีวานไปแล้วขวัญก็เก้ๆกังๆ เพราะคุณฟงคนดีไม่พูดอะไรเลย เขาเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นขึ้นมาดื่มและเหมือนว่าเขามีอะไรต้องทำมากมายในทันที ซึ่งลิสต์พวกนั้นกลับไม่มีเธอเลย ทำไงละ?
ขวัญง้อที่ไ่หน เธอเดินลากกระเป๋าใบน้อยของตัวเองและหมุนรอบตัวเอง เธอเดินเปิดประตูอื่นๆของห้อง ห้องทำงานของคุณฟง ห้องครัว ห้องน้ำ และในที่สุดขวัญก็เจอห้องนอนห้องเดียวเท่านั้นเพราะมันเป็นประตูสุดท้าย
“ห้องนอนมีห้องเดียว” เสียงดังฟังชัด ไม่ต้องมีพิธีรีตอง
“อืม” เสียงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ