บทที่ 6 เจ็บปวด

1652 คำ
สะใจ!! นี่คือคำพูดที่อยากจะเอ่ยกระแทกใส่หน้าของเขา คนหน้าตายและร้ายกาจแบบนั้นจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลคิดว่าไม่มีเขาแล้วฉันจะอับจนหนทางอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง! “ทำหน้าอะไรแบบนั้น” เสียงทุ้มแสนอ่อนโยนของคนที่เดินเคียงข้างมาด้วยกันเอ่ยขึ้นมาก่อนจะโน้มหน้าลงมาถามด้วยความเป็นห่วง “เอ่อ เปล่าค่ะจันทร์เหมือนจะเจอคนรู้จักแล้ว คงไม่รบกวนพี่หมอต่อ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่พาจันทร์ขึ้นมาด้วย” ฉันปล่อยมือออกจากแขนพี่หมออย่างแนบเนียนและถอยหลังออกมาอีกก้าว ก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแสนดีตรงหน้าเราบังเอิญเจอกันข้างล่างเลยอาสาพาขึ้นมาด้วยเขาคือ พี่หมอนาวา รุ่นพี่มหาลัยที่ได้รู้จักกันเพราะเขามาจีบตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแต่ฉันรู้สึกว่ายังไม่ใช่เลยขอลดความสัมพันธ์จากคนคุยมาเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง “แน่ใจนะ ให้พี่เดินไปส่งไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ อย่าทำเหมือนจันทร์เป็นเด็กสิคะ จันทร์โตแล้วนะ” “สำหรับพี่ ยังไงเราก็ยังเด็ก” ไม่ว่าเปล่ามือหนาก็ยื่นมาลูบผมของฉันด้วยความอ่อนโยน เพราะเขาดีแบบนี้ไงเลยคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรตลอดเวลาที่คุยกันบรรยากาศเหมือนพี่น้องมากกว่าคนรักหรือบางทีมันเป็นเพราะฉันเองที่ปิดกั้นหัวใจ “พอแล้วค่ะ ผมยุ่งหมด” “หึ ก็ได้งั้นแยกตรงนี้ถ้าจะกลับ” “จันทร์เอารถมาค่ะ” “โอเค ๆ แต่ทักบอกพี่ด้วยนะจะได้ไม่ห่วง” “รับทราบค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นวันทยหัตถ์เหมือนกับทหาร ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังฝั่งซ้ายของโซนวีไอพี ที่จริงไม่รู้หรอกว่าคุณรัชพลอยู่ฝั่งไหนแต่รอบก่อนไปฝั่งขวาแล้วซวยรอบนี้เลยมาซ้ายแทน เดินอยู่ไม่นานก็เห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเข้ากับกางเกงสีเทากำลังยกแก้วขึ้นมาจิบเพียงลำพัง “เหมือนวันนี้จะโชคดีอยู่บ้าง” ฉันกำสายกระเป๋าแน่นก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปทักทายคุณรัชพลเหมือนกับว่าตัวเองบังเอิญที่ได้เจอเขา “เอ๋ คุณรัชพลใช่ไหมคะ” เพราะไม่เคยพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวมาก่อนฉันเลยเอ่ยปากถามพลางทำสีหน้าไม่แน่ใจ ส่วนเจ้าตัวที่นั่งอยู่บนโซฟาก็วางแก้วลงก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “คุณคือ?” “จันทร์นี่แย่จริง ๆ ลืมแนะนำตัวเลย จันทร์เจ้าจากแอตลาสกรุ๊ปค่ะเราไม่เคยเจอเป็นการส่วนตัวแต่จันทร์เคยขอนัดคุณ เพื่อคุยเรื่องโปรเจกต์ของสตรีมมิงที่คุณจะมาลงทุนในไทยค่ะ” “อ๋อ ผมนึกออกแล้วคุณนี่เอง” “ใช่ค่ะ จันทร์เอง” “เชิญนั่งก่อนไหมครับ หรือมีนัดไหม?” ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่าใบหน้าคมเข้ม แม้จะแปลกใจแต่ก็ผายมือเชิญให้สุภาพสตรีนั่งลงฝั่งตรงข้าม เพื่อพูดคุยกันตามมารยาทของสังคม เข้าทาง! ฉันเก็บสายตาเปล่งประกายของตัวเองอย่างมิดชิดก่อนจะทรุดกายลงนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามก่อน มือเอากระเป๋ามาวางทับหน้าตักอย่างแนบเนียน ก่อนจะฉีกยิ้มให้กับคนตรงหน้าอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ อันที่จริงจันทร์ไม่ได้มีนัดหรอกแค่ออกมาดื่มคลายเครียดเท่านั้น ถ้าไม่รบกวนก็ขอนั่งด้วยเลยแล้วกันนะคะ” เอาเถอะ มาขนาดนี้แล้วจะหน้าด้านต่ออีกเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรเพราะยังไงแผนการก็ต้องเดินต่อ คุณรัชพลดูแตกต่างจากรูปมากคนตรงหน้าสุขุม มีความเป็นผู้ใหญ่และสุภาพบุรุษมาก “ยินดีมากครับ” เราทั้งคู่พูดคุยกันอย่างออกรสส่วนมากก็พูดถึงการบริหารงาน ธุรกิจ แรงบันดาลใจ แน่นอนว่าคนมีความสามารถอย่างเขาฉันก็อยากเห็นทัศนคติด้านการทำงานของเขาด้วย “ที่จริงหลังเรียนจบก็เข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัท แล้วก็อย่างที่เห็นคุณพ่อให้นั่งตำแหน่งระดับผู้บริหารเลย” “ผมไม่แปลกใจเพราะได้ยินชื่อคุณมาบ้าง อายุยังน้อยแต่ความสามารถกลับไม่ธรรมดาเลย เวลาเจอผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนล้วนเอ่ยชมคุณทั้งนั้น” “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” “อย่าถ่อมตัวไปเลยครับ พอได้มาพูดคุยกับคุณแบบนี้แล้วจากตอนแรกที่เคืองเรื่องการนัดในวันนั้นทำให้ผมอยากลองเปลี่ยนคำตอบในใจใหม่” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อคุณรัชพลเอ่ยถึงเรื่องการนัดพูดคุย นี่แทบจะลุกขึ้นกรี๊ดเลยนะฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมก่อนจะพยายามรวบรวมสติและฉีกยิ้มบางเบา ตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อนนี่แหละมีโอกาสต้องรีบคว้า “แค่ให้โอกาสจันทร์ก็ดีใจมากแล้วค่ะ และขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้นด้วยนะคะ” “ไม่เป็นไรผมเข้าใจ” คำตอบของเขาเหมือนเอาค้อนทุบหัวฉัน ทั้งที่ก่อนหน้าบอกว่าแอบเคืองก็แสดงว่าเคืองจริงถ้าวันนี้ฉันไม่เสนอหน้ามานั่งตรงนี้โอกาสที่จะได้พูดคุยกับเขาอีกคงเป็นศูนย์สินะ “ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เข้าใจ” บางทีฉันก็ควรไปเป็นนักแสดงนะ ตอแหลได้เนียนขนาดนี้ ดูจากสายตาที่เขามองด้วยความเอ็นดู เมื่อฉันทำสีหน้ารู้สึกผิด หลังจากนั้นฉันก็พูดคุยกับเขาเรื่องของสัญญา และการร่วมงานกัน แน่นอนว่าความโชคดีคือบริษัทแอตลาสเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ แม้หลังบ้านจะแห้งเหี่ยวมากแค่ไหนแต่หน้าบ้านต้องสวยหรูไว้ก่อนการร่วมโปรเจกต์ The Sun แพลตฟอร์มออนไลน์นี้นอกจากจะทำให้เราดันหนัง ละคร วาไรตี้ ลงบนแพลตฟอร์มใหม่แล้วยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับดารา นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ได้แสดงฝีมือออกสู่สายตาชาวโลกมากขึ้น เพราะได้ยินว่า The Sun ก็ได้ทำสัญญากับหลายประเทศมาก ตอนนี้ฉันแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ดันและพัฒนาแอตลาสออกสู่ตลาดสากล “แอตลาสนี่น่าสนใจมากจริง โดยเฉพาะคุณ!” หลังจากการพูดคุยจบรัชพลก็หัวเราะออกมาด้วยแววตาที่เปล่งประกายเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนนักธุรกิจ เขาชอบที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยวาจาได้อย่างฉะฉานและชาญฉลาด แน่นอนว่าคนเก่งและมีความสามารถใครก็อยากทำงานด้วย “เรื่องโปรเจกต์ผมตะ!” “ใครอนุญาตไม่ทราบ!” ร่างบางตวัดสายตามองคนที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสูงผู้มาใหม่ เธอพลันชะงักไปทันทีก่อนจะทบทวนคำพูดของเขาเมื่อกี้ พลางคิดว่ามันคงจะไม่บังเอิญไปใช่ไหมว่าโปรเจกต์ The Sun จะเกี่ยวข้องกับเขา “คุณซัน” รัชพลเอ่ยทักทายอย่างแปลกใจก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเมื่อร่างสูงผู้มาใหม่ทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะอย่างจันทร์เจ้า รัชพลไม่รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันเลยคิดว่าที่ซันจ้องเธอเพราะมาทันได้ยินเรื่องการตกลงกัน “คุณรัชพลเมื่อกี้จะเอ่ยอะไรเหรอคะ?” จันทร์เจ้าละสายตาจากคนหน้านิ่งที่จ้องเธอไม่วางตาหันกลับมาพูดคุยกับคู่ค้าแทน เมื่อกี้ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนเขาจะตอบตกลงซึ่งเธอไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดเลยถามย้ำ “เอ่อคือ” รัชพลอึกอักเมื่อมีซันนั่งอยู่ในโต๊ะด้วยที่จริงเรื่องนี้เขามีอำนาจตัดสินใจและค่อยส่งรายงานให้อีกฝ่ายอีกที “เรื่องโปรเจกต์ The Sun ผมคิดว่าจะตกลงทำสัญญากับทางแอตลาสครับ” จันทร์เจ้าแทบนั่งไม่ติดที่เธอดีใจมากจนเผลอยิ้มกว้างออกมา ก่อนสายตาเจ้ากรรมจะเลื่อนมาประสานกันกับสายตาคมกริบของซันเข้า ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกสังหรณ์ใจก็ไม่รู้ นัยน์ตาคมกริบราวสัตว์ร้ายจับจ้องมองร่างบางไม่ว่างตาก่อนที่เขาจะมาที่นี่ลูกน้องมารายงานทุกอย่างให้ฟังแล้ว เหตุที่เธอถ่อสังขารมาก็คงไม่พ้นเรื่องโปรเจกต์ The Sun แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ผู้หญิงอย่างเธอสมหวังหรอก! ร่างบางมองรอยยิ้มมุมปากของเขาด้วยความหวาด ระแวง และกลัวว่าเขาคิดที่จะทำอะไรกระทบต่อเธอ เพราะเขาแสดงออกว่าโกรธ เกลียดกันมากแค่ไหน “แต่ผมไม่อนุมัติ” เขาเอนตัวพิงโซฟายกแขนขึ้นกอดอกก่อนยกขาแกร่งไขว่ห้างด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่เธอหวาดกลัวออกมาแน่นอนว่าเขากำลังทำลายความพยายามทั้งหมดของเธอ “ทำไม!” ใบหน้าสวยจ้องมองเขาเขม็งอย่างไม่ยินยอม ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อย่างอดทนอดกลั้น “นี่คุณรัชพลไม่ได้บอกเหรอว่าใครคือแหล่งเงินทุนในการสนับ-สนุนโปรเจกต์นี้ขึ้นมา และอำนาจการตัดสินใจจริง ๆ คือใคร” ร่างสูงเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างบางโกรธจนตาแดงก่ำ ทรมานที่ทำอะไรไม่ได้และเจ็บปวดที่ทำได้แค่อดทน “ยอมรับเถอะ ว่าเธอต่อกรกับฉันไม่ได้” ซันเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชั่วขณะนั้น เขาเห็นแววตาที่เคยเปล่งประกายสดใสหม่นหมองลง น้ำสีใสคลอที่กระบอกตาแดงก่ำแต่พยายามฝืนไม่ให้ไหลออกมา เหอะ! สมควรที่จะต้องเจ็บปวด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม