สะใจ!!
นี่คือคำพูดที่อยากจะเอ่ยกระแทกใส่หน้าของเขา คนหน้าตายและร้ายกาจแบบนั้นจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลคิดว่าไม่มีเขาแล้วฉันจะอับจนหนทางอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!
“ทำหน้าอะไรแบบนั้น”
เสียงทุ้มแสนอ่อนโยนของคนที่เดินเคียงข้างมาด้วยกันเอ่ยขึ้นมาก่อนจะโน้มหน้าลงมาถามด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ เปล่าค่ะจันทร์เหมือนจะเจอคนรู้จักแล้ว คงไม่รบกวนพี่หมอต่อ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่พาจันทร์ขึ้นมาด้วย”
ฉันปล่อยมือออกจากแขนพี่หมออย่างแนบเนียนและถอยหลังออกมาอีกก้าว ก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแสนดีตรงหน้าเราบังเอิญเจอกันข้างล่างเลยอาสาพาขึ้นมาด้วยเขาคือ พี่หมอนาวา รุ่นพี่มหาลัยที่ได้รู้จักกันเพราะเขามาจีบตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแต่ฉันรู้สึกว่ายังไม่ใช่เลยขอลดความสัมพันธ์จากคนคุยมาเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง
“แน่ใจนะ ให้พี่เดินไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าทำเหมือนจันทร์เป็นเด็กสิคะ จันทร์โตแล้วนะ”
“สำหรับพี่ ยังไงเราก็ยังเด็ก”
ไม่ว่าเปล่ามือหนาก็ยื่นมาลูบผมของฉันด้วยความอ่อนโยน เพราะเขาดีแบบนี้ไงเลยคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรตลอดเวลาที่คุยกันบรรยากาศเหมือนพี่น้องมากกว่าคนรักหรือบางทีมันเป็นเพราะฉันเองที่ปิดกั้นหัวใจ
“พอแล้วค่ะ ผมยุ่งหมด”
“หึ ก็ได้งั้นแยกตรงนี้ถ้าจะกลับ”
“จันทร์เอารถมาค่ะ”
“โอเค ๆ แต่ทักบอกพี่ด้วยนะจะได้ไม่ห่วง”
“รับทราบค่ะ”
ฉันรีบยกมือขึ้นวันทยหัตถ์เหมือนกับทหาร ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังฝั่งซ้ายของโซนวีไอพี ที่จริงไม่รู้หรอกว่าคุณรัชพลอยู่ฝั่งไหนแต่รอบก่อนไปฝั่งขวาแล้วซวยรอบนี้เลยมาซ้ายแทน
เดินอยู่ไม่นานก็เห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเข้ากับกางเกงสีเทากำลังยกแก้วขึ้นมาจิบเพียงลำพัง
“เหมือนวันนี้จะโชคดีอยู่บ้าง”
ฉันกำสายกระเป๋าแน่นก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปทักทายคุณรัชพลเหมือนกับว่าตัวเองบังเอิญที่ได้เจอเขา
“เอ๋ คุณรัชพลใช่ไหมคะ”
เพราะไม่เคยพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวมาก่อนฉันเลยเอ่ยปากถามพลางทำสีหน้าไม่แน่ใจ ส่วนเจ้าตัวที่นั่งอยู่บนโซฟาก็วางแก้วลงก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“คุณคือ?”
“จันทร์นี่แย่จริง ๆ ลืมแนะนำตัวเลย จันทร์เจ้าจากแอตลาสกรุ๊ปค่ะเราไม่เคยเจอเป็นการส่วนตัวแต่จันทร์เคยขอนัดคุณ เพื่อคุยเรื่องโปรเจกต์ของสตรีมมิงที่คุณจะมาลงทุนในไทยค่ะ”
“อ๋อ ผมนึกออกแล้วคุณนี่เอง”
“ใช่ค่ะ จันทร์เอง”
“เชิญนั่งก่อนไหมครับ หรือมีนัดไหม?”
ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่าใบหน้าคมเข้ม แม้จะแปลกใจแต่ก็ผายมือเชิญให้สุภาพสตรีนั่งลงฝั่งตรงข้าม เพื่อพูดคุยกันตามมารยาทของสังคม
เข้าทาง!
ฉันเก็บสายตาเปล่งประกายของตัวเองอย่างมิดชิดก่อนจะทรุดกายลงนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามก่อน มือเอากระเป๋ามาวางทับหน้าตักอย่างแนบเนียน ก่อนจะฉีกยิ้มให้กับคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ อันที่จริงจันทร์ไม่ได้มีนัดหรอกแค่ออกมาดื่มคลายเครียดเท่านั้น ถ้าไม่รบกวนก็ขอนั่งด้วยเลยแล้วกันนะคะ”
เอาเถอะ มาขนาดนี้แล้วจะหน้าด้านต่ออีกเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรเพราะยังไงแผนการก็ต้องเดินต่อ คุณรัชพลดูแตกต่างจากรูปมากคนตรงหน้าสุขุม มีความเป็นผู้ใหญ่และสุภาพบุรุษมาก
“ยินดีมากครับ”
เราทั้งคู่พูดคุยกันอย่างออกรสส่วนมากก็พูดถึงการบริหารงาน ธุรกิจ แรงบันดาลใจ แน่นอนว่าคนมีความสามารถอย่างเขาฉันก็อยากเห็นทัศนคติด้านการทำงานของเขาด้วย
“ที่จริงหลังเรียนจบก็เข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัท แล้วก็อย่างที่เห็นคุณพ่อให้นั่งตำแหน่งระดับผู้บริหารเลย”
“ผมไม่แปลกใจเพราะได้ยินชื่อคุณมาบ้าง อายุยังน้อยแต่ความสามารถกลับไม่ธรรมดาเลย เวลาเจอผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนล้วนเอ่ยชมคุณทั้งนั้น”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“อย่าถ่อมตัวไปเลยครับ พอได้มาพูดคุยกับคุณแบบนี้แล้วจากตอนแรกที่เคืองเรื่องการนัดในวันนั้นทำให้ผมอยากลองเปลี่ยนคำตอบในใจใหม่”
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อคุณรัชพลเอ่ยถึงเรื่องการนัดพูดคุย นี่แทบจะลุกขึ้นกรี๊ดเลยนะฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมก่อนจะพยายามรวบรวมสติและฉีกยิ้มบางเบา ตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อนนี่แหละมีโอกาสต้องรีบคว้า
“แค่ให้โอกาสจันทร์ก็ดีใจมากแล้วค่ะ และขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้นด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรผมเข้าใจ”
คำตอบของเขาเหมือนเอาค้อนทุบหัวฉัน ทั้งที่ก่อนหน้าบอกว่าแอบเคืองก็แสดงว่าเคืองจริงถ้าวันนี้ฉันไม่เสนอหน้ามานั่งตรงนี้โอกาสที่จะได้พูดคุยกับเขาอีกคงเป็นศูนย์สินะ
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เข้าใจ”
บางทีฉันก็ควรไปเป็นนักแสดงนะ ตอแหลได้เนียนขนาดนี้ ดูจากสายตาที่เขามองด้วยความเอ็นดู เมื่อฉันทำสีหน้ารู้สึกผิด หลังจากนั้นฉันก็พูดคุยกับเขาเรื่องของสัญญา และการร่วมงานกัน แน่นอนว่าความโชคดีคือบริษัทแอตลาสเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ แม้หลังบ้านจะแห้งเหี่ยวมากแค่ไหนแต่หน้าบ้านต้องสวยหรูไว้ก่อนการร่วมโปรเจกต์ The Sun แพลตฟอร์มออนไลน์นี้นอกจากจะทำให้เราดันหนัง ละคร วาไรตี้ ลงบนแพลตฟอร์มใหม่แล้วยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับดารา นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ได้แสดงฝีมือออกสู่สายตาชาวโลกมากขึ้น เพราะได้ยินว่า The Sun ก็ได้ทำสัญญากับหลายประเทศมาก ตอนนี้ฉันแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ดันและพัฒนาแอตลาสออกสู่ตลาดสากล
“แอตลาสนี่น่าสนใจมากจริง โดยเฉพาะคุณ!”
หลังจากการพูดคุยจบรัชพลก็หัวเราะออกมาด้วยแววตาที่เปล่งประกายเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนนักธุรกิจ เขาชอบที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยวาจาได้อย่างฉะฉานและชาญฉลาด แน่นอนว่าคนเก่งและมีความสามารถใครก็อยากทำงานด้วย
“เรื่องโปรเจกต์ผมตะ!”
“ใครอนุญาตไม่ทราบ!”
ร่างบางตวัดสายตามองคนที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสูงผู้มาใหม่ เธอพลันชะงักไปทันทีก่อนจะทบทวนคำพูดของเขาเมื่อกี้ พลางคิดว่ามันคงจะไม่บังเอิญไปใช่ไหมว่าโปรเจกต์ The Sun จะเกี่ยวข้องกับเขา
“คุณซัน”
รัชพลเอ่ยทักทายอย่างแปลกใจก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเมื่อร่างสูงผู้มาใหม่ทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะอย่างจันทร์เจ้า รัชพลไม่รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันเลยคิดว่าที่ซันจ้องเธอเพราะมาทันได้ยินเรื่องการตกลงกัน
“คุณรัชพลเมื่อกี้จะเอ่ยอะไรเหรอคะ?”
จันทร์เจ้าละสายตาจากคนหน้านิ่งที่จ้องเธอไม่วางตาหันกลับมาพูดคุยกับคู่ค้าแทน เมื่อกี้ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนเขาจะตอบตกลงซึ่งเธอไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดเลยถามย้ำ
“เอ่อคือ”
รัชพลอึกอักเมื่อมีซันนั่งอยู่ในโต๊ะด้วยที่จริงเรื่องนี้เขามีอำนาจตัดสินใจและค่อยส่งรายงานให้อีกฝ่ายอีกที
“เรื่องโปรเจกต์ The Sun ผมคิดว่าจะตกลงทำสัญญากับทางแอตลาสครับ”
จันทร์เจ้าแทบนั่งไม่ติดที่เธอดีใจมากจนเผลอยิ้มกว้างออกมา ก่อนสายตาเจ้ากรรมจะเลื่อนมาประสานกันกับสายตาคมกริบของซันเข้า ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกสังหรณ์ใจก็ไม่รู้
นัยน์ตาคมกริบราวสัตว์ร้ายจับจ้องมองร่างบางไม่ว่างตาก่อนที่เขาจะมาที่นี่ลูกน้องมารายงานทุกอย่างให้ฟังแล้ว เหตุที่เธอถ่อสังขารมาก็คงไม่พ้นเรื่องโปรเจกต์ The Sun แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ผู้หญิงอย่างเธอสมหวังหรอก!
ร่างบางมองรอยยิ้มมุมปากของเขาด้วยความหวาด
ระแวง และกลัวว่าเขาคิดที่จะทำอะไรกระทบต่อเธอ
เพราะเขาแสดงออกว่าโกรธ เกลียดกันมากแค่ไหน
“แต่ผมไม่อนุมัติ”
เขาเอนตัวพิงโซฟายกแขนขึ้นกอดอกก่อนยกขาแกร่งไขว่ห้างด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่เธอหวาดกลัวออกมาแน่นอนว่าเขากำลังทำลายความพยายามทั้งหมดของเธอ
“ทำไม!”
ใบหน้าสวยจ้องมองเขาเขม็งอย่างไม่ยินยอม ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อย่างอดทนอดกลั้น
“นี่คุณรัชพลไม่ได้บอกเหรอว่าใครคือแหล่งเงินทุนในการสนับ-สนุนโปรเจกต์นี้ขึ้นมา และอำนาจการตัดสินใจจริง ๆ คือใคร”
ร่างสูงเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างบางโกรธจนตาแดงก่ำ ทรมานที่ทำอะไรไม่ได้และเจ็บปวดที่ทำได้แค่อดทน
“ยอมรับเถอะ ว่าเธอต่อกรกับฉันไม่ได้”
ซันเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชั่วขณะนั้น
เขาเห็นแววตาที่เคยเปล่งประกายสดใสหม่นหมองลง น้ำสีใสคลอที่กระบอกตาแดงก่ำแต่พยายามฝืนไม่ให้ไหลออกมา
เหอะ! สมควรที่จะต้องเจ็บปวด