“เขาเลิกยิงกันแล้วใช่ไหม?”
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ฉันได้แต่ซุกตัวอยู่ในรถออกไปก็รังแต่จะเป็นภาระและไม่ใช่นางเอกเทพทรูด้วยใครจะไปอยากตายกับไอ้คนประสาทนั่นกัน
เมื่อทุกอย่างสงบลงเลยเงยหน้าขึ้นมองทุกอย่างผ่านกระจกแต่แสงไฟจากหน้ารถคันหลังทำให้ฉันหรี่ตาลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูและก้าวลงจากรถ
บรรยากาศวังเวง ควันโขมงและกลิ่นคาวเลือดทำให้ฉันรู้มวนท้องขึ้นมาทันที เมื่อสายตาปรับกับความมืดได้แล้วจึงกวาดสายตามองทั่วทั้งบริเวณ ตามพื้นมีร่างของคนชุดดำไม่รู้ว่าฝ่ายไหนสภาพแต่ละคนดูไม่ได้เลย
ฉันพยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัวไว้จนลึกสุดของหัวใจ พยายามเดินตรงไปที่พวกเขายืนอยู่กันแต่ขากับก้าวไม่ออกก่อนจะก้มหน้ามองตรงพื้นถึงเห็นว่ามีของเหลวหนืดสีแดงก่ำไหลออกมาจากหัวของชายชุดดำคนหนึ่ง
อึก!
ความรู้สึกตีรัวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเศษชิ้นส่วนบางอย่างอาการปั่นป่วนผสมผสานกันจนดันขึ้นมาถึงคอหอยปะทะกลิ่นคาวเลือดทำให้ฉันไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป
“อ้วกกก”
หมดกันภาพลักษณ์ที่สั่งสมมา เมื่อฉันอ้วกออกไปบรรดาคนที่กำลังมุงอยู่อีกที่พลันพร้อมใจกันหันหน้ามามองที่ฉันกันหมดรวมถึงเขาด้วย
เขามีสีหน้าแปลกใจก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นเธอโก่งคออ้วกจนหมดไส้หมดพุง ซันหันไปสั่งการลูกน้องก่อนจะเดินเข้ามาหาร่างบางที่ทรุดกายลงกับพื้น เพราะรู้สึกวิงเวียนศีรษะและขาอ่อนแรงจากอาการกดดัน
“สภาพแย่ยิ่งกว่าหมา”
ร่างบางตวัดสายตามองเขาอย่างขุ่นเคือง ที่เธออยู่ในสภาพนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาหรอกเหรอ คนปกติที่ไหนจะเคยเจอเหตุการณ์ไล่ล่ายิงปะทะกันแบบนี้
“แล้วมันเพราะใครกันล่ะ!”
“หึ ต่อไปเธอต้องเจอมากกว่านี้อีก ทำตัวให้ชินไว้”
เขาไม่สนใจว่าเธอจะหวาดกลัวหรือรู้สึกอะไร ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระชากแขนร่างบางให้ลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะจับเธอยัดเข้าไปนั่งในรถยนต์คันที่ฟาบิโอขับมา
“โอ๊ย บอกดี ๆ ก็ได้ไหม”
“ทำไมต้องพูดดี ทำดี เธอเป็นหนี้ฉันอยู่จำไว้!”
“แล้วไง แต่ฉันก็กำลังจะใช้หนี้ไง”
“ผ่านงานให้ได้ก่อนเถอะ”
ซันเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะแทรกตัวลงมานั่งเบียด ทำให้จันทร์เจ้าเบะปากก่อนจะขยับไปนั่งเบาะอีกฝั่งอย่างไม่พอใจ เมื่อเวกัสและฟาบิโอจัดการอะไรเรียบร้อยก็เข้ามานั่งข้างหน้า ก่อนจะสตาร์ตรถออกจากบริเวณนี้ปล่อยให้ลูกน้องที่เหลือเก็บกวาดหลักฐาน
การเดินทางกลับมายังคอนโดหรูหราของซันนั้นไม่นานแต่เพราะร่างบางนั้นค่อนข้างเครียด กดดัน และเหนื่อยมาทั้งวันเธอเลยเผลอหลับไปตลอดทางจนถึงคอนโดก็ยังไม่ตื่น
“เธอหลับ”
เมื่อรถเคลื่อนมาถึงชั้นของซัน มือซ้ายอย่างฟาบิโอเลยเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นร่างบางนอนหลับตาพริ้มเอนศีรษะพิงขอบประตู ฟาบิโอสงสารเธอเล็กน้อยที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
เวกัสมองเจ้านายผ่านกระจกก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่โดนคนเย็นชาปรายตามองอย่างไม่พอใจเขาเลยหุบยิ้ม บรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้งเพราะไม่รู้จะเอายังไงกับเธอดีถ้าจะปลุกก็ยังต้องเกรงใจเจ้านาย แต่ถ้าจะอุ้มลงก็กลัวโดนว่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาเจ้านายอีก สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากัน
“เอารถไปเก็บ”
ร่างสูงเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบก่อนจะคว้าร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนและอุ้มพาดบ่าเหมือนอุ้มตุ๊กตาเดินเข้าไปในคอนโดด้วยใบหน้าเรียบเฉย เมื่อเจ้านายจากไปแล้วเวกัสก็หันไปยิ้มให้ฟาบิโออย่างรู้กัน เพราะเมื่อกี้เอาแต่หลุบตาต่ำไม่กล้ามองการกระทำของผู้เป็นนาย
“ไม่รอดว่ะ” เวกัสเอ่ยออกมาพลางมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังอุ้มร่างบางพาดบ่าเดินเข้าคอนโด
“ใคร ? หมายถึงเธอคนนั้นเหรอ” ฟาบิโอผู้เรียบเฉยเลิกคิ้วถาม
“กูหมายถึงนายมึงนะ ไม่รอด”
“นายมึงก็คนเดียวกับนายกู”
“เออ ก็นั่นแหละไอ้ห่า!”
ชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีผมสีขาวสว่างทำหน้าไม่สบอารมณ์คุยกับเพื่อนทีไรปวดหัวทุกที ก่อนจะออกรถเพื่อกลับไปยังที่พักไม่ไกลจากคอนโดของเจ้านายมาก เพราะซันเป็นคนชอบความเป็นส่วนตัวและเรื่องมาก ดังนั้นแค่ดูแลความปลอดภัยอย่าไปจู้จี้ให้โดนด่าเยอะ นั่นคือคติประจำใจของพวกเขา
19.00 น. ของอีกวัน
อื้อออ~
ร่างบางครางในลำคอก่อนจะพลิกตัวหนีอะไรบางอย่างก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าที่นอนแข็งผิดปกติ ดวงตากลมโตมีเสน่ห์มองทุกอย่างผ่านความมืด เธอกำลังประมวลเหตุการณ์แต่แล้วลมหายใจร้อนและน้ำเหนียวหนืดกลับหยดลงบนหน้าเธอ
“หือ?”
เธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะใช้มือแตะบริเวณที่มีน้ำประหลาดหยดใส่ สักพักหยดที่สองก็ตามมาเธอจึงเงยหน้ามองข้างบน พลันรูม่านตาก็ขยายเบิกกว้างเมื่อตรงเหนือหัวของเธอคือดวงตาลักษณะเหมือนอัลมอนด์สีน้ำตาลกำลังจ้องมองมาเขี้ยวแหลมคมและน้ำเหนียวหนืดที่หยดใส่หน้าของเธอก็คือน้ำลายของมัน
โฮกกกกก!
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
เมื่อมันอ้าปากกว้างเหมือนจะงับ ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ร่างบางจึงรีบลุกขึ้นถอยหลังและชักเท้าหนีจากวิถีคมเขี้ยวของเจ้าหมาสีดำตรงหน้า แต่เพราะสายพันธุ์ที่ดุดันจึงเตรียมกระโดดเข้าใส่ หัวใจของเธอเต้นแรง เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามกรอบหน้าเรียวสวย ดวงตากลมกวาดมองหาสิ่งของที่พอจะป้องกันได้แต่ไม่ทันแล้วเมื่อเจ้าหมาตัวยักษ์กระโดดเข้ามากอีกครั้ง
โฮกกก!!
ร่างบางหลับตาปี๋อยู่สักพักเพราะคิดว่าต้องโดนตะปบแต่จนรอดแล้วจนรอดทุกอย่างก็ยังปกตินอกจากเสียงของโซ่ดังขึ้นสองสามทีผสานกับเสียงเจ้าหมายักษ์ร้องลั่น
“เอ๋ มีโซ่หรอกเหรอเนี่ย”
ที่มันไม่สามารถกระโดดขย้ำเธอได้เพราะมีโซ่ยาวรั้งไว้พอดีเห็นอย่างนี้แล้ว เธอเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เอีย!”
ไฟภายในห้องส่องสว่างขึ้นมาก่อนจะปรากฏร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำเหมือนอย่างเคย ใบหน้าหล่อเหลาติดเย็นชาเดินเข้ามาในห้อง ทำให้เจ้าหมายักษ์ส่ายก้นไปมาท่าทางน่ารักต่างจากเมื่อกี้ลิบลับเลย
“นอนกินบ้านกินเมือง”
เขาย่อตัวลงลูบหัวเจ้าหมายักษ์ก่อนจะเอ่ยปากพูดจาเหมือนเหน็บแนมเธอ แต่สายตายังคงมองที่สัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ฉันเบะปากอย่างไม่พอใจพลางมองทั่วทั้งบริเวณว่าตรงที่ตัวเองตื่นมาก็คือห้องนั่งเล่นและนอนบนพื้นพรมในห้อง ถึงว่าตื่นมาแล้วรู้สึกปวดตัวไปหมด คอนโดออกจะกว้างแต่ให้ฉันนอนพื้น!
“บ่นมาก”
“เธอว่ายังไงนะ!”
“บอกว่าคุณขี้บ่นเหมือนตาแก่เลย”
เห็นเขามุมปากกระตุกฉันก็เริ่มอารมณ์ดีเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กะว่าจะเดินหนีแต่ยังไม่ทันจะได้หนีออกไปไหนก็โดนมือหนากระชากเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาแล้ว
“อ๊ะ!”
มือหนาโอบเอวของฉันเข้ามาแนบชิดกายแกร่งของเขาฉันพยายามใช้มือดันอกแกร่งออกแต่โดนมือหนาจับยึดไว้แน่นก่อนจะโน้มหน้าลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายร้อน
“ไหนลองพูดแบบเมื่อกี้อีกครั้งสิ”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้ฉันสั่นสะท้านขึ้นมา ยิ่งสบตากับเขายิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกไล่ต้อนให้ลงไปติดกับดักและเพราะนิสัยชอบเอาชนะของตัวเอง ฉันก็มองเขม็งและตอบออกไป
“คุณ-ขี้-บ่น-เหมือน-ตา-แก่-เลยอื้อ!!!”
ฉันเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนฉกวูบลงมางับกลีบปากของฉันอย่างแรงจนต้องดิ้นหนี แต่มือของเขาเหนียวแน่นยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกอีก
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในโพรงปาก ทำให้ฉันนิ่วหน้าเพราะรู้สึกแสบบริเวณริมฝีปาก แต่คนเอาแต่ใจใช้มืออีกข้างที่โอบเอวเลื่อนขึ้นมากดท้ายทอยฉันไว้ไม่ให้ขยับใบหน้าหนีจนกว่าเขาจะพอใจและผละตัวออก
“เลว”
ฉันโกรธจนอยากจะฟาดหน้าเขาสักทีแต่ทำได้แค่ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจและสบถด่าเขา แต่คนร้ายกาจทำเพียงยกยิ้มร้ายแต่นัยน์ตาเย็นชาจนน่าขนลุก
“ก็เลวไง”
“ไหนบอกเกลียดจันทร์แล้วมาจูบทำไมไม่ขยะแขยงแล้วเหรอ?”ฉันเหยียดยิ้มส่งคืนให้เขาและเอ่ยอย่างท้าทาย
“เกลียด ขยะแขยง เลยจูบสั่งสอน”
“ตรรกะอะไร” เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
“เพราะอยากขยี้เธอให้แหลกคามือ ส่วนตอนนี้เธอก็เริ่มทำตามข้อตกลง”
“คุณหมายถึง”
พอเอ่ยถึงข้อตกลงฉันก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอทันที เขายกมือขึ้นมาลูบริมฝีปากอวบอิ่มและบดคลึงมันเบา ๆ ก่อนจะดึงฉันเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
“ถึงเวลาที่เธอต้องชดใช้แล้วเพราะฉันตอบตกลงร่วมโปรเจกต์”
“หา จริงเหรอคะ” ไม่คิดเลยว่าจะเร็วได้ขนาดนี้
“ใช่ เพราะนับจากนี้เธอกำลังจะเป็นหนี้ฉันโดยสมบูรณ์แบบ”
“เดี๋ยว! แล้วระยะเวลาล่ะ” เพราะเร่งรีบมากเกินไปจนเมื่อวานลืมพูดคุยเรื่องระยะเวลา
“โปรเจกต์นี้มันค่อนข้างมีมูลค่าที่สูง”
“แล้ว?” ฉันเอ่ยเสียงแข็งเพราะท่าทางเขาดูเหมือนต้องการขูดรีดกันมากซะเหลือเกิน
“จนกว่าฉันจะหายสะใจก็แล้วกัน”
“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ”
“ตอนไหนที่เธอเจ็บปวด ตอนนั้นเธอจะเป็นอิสระเอง”
“!!!”
เราทั้งคู่ประสานสายตาอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้นภาพบางอย่างก็ซ้อนทับเข้ามา มันคือช่วงเวลาที่เราต่างก็เรียนมหาลัยกันอยู่ แววตาของเขาเย็นชาก็จริงแต่ไม่ได้แฝงแววรังเกียจกันแบบนี้อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็เป็นพระอาทิตย์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ดวงจันทร์ในยามค่ำคืน
“ไปเตรียมตัวได้แล้ว คืนนี้เธอต้องเริ่มงาน!”
เขาเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับเจ้าหมายักษ์โดยไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ด้วยความสงสัยฉันเลยเอ่ยปากถามเพื่อจะได้รับมือถูก
“แล้วปกติแค่เต้นเฉย ๆ ใช่ไหม”
“หืม?”
“ก็ถามไว้ไงคะ ว่าแค่เต้น-เปลือยอก เฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นหรอกใช่ไหม?” กลัวว่ามันจะมากกว่าข้อตกลงเลยต้องถามต่อแต่เห็นเขายกยิ้มแปลก ๆ ฉันก็เริ่มขนลุกแล้วนะ
“อะไรที่มากกว่านั้น อย่างเช่นนอนด้วยกันอย่างนี้เหรอ?”
ไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังขยับเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางไม่ปกติเหมือนกำลังแกล้งให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว แต่เชื่อเถอะว่าเขาคิดผิด!
“ใช่ค่ะ เราต้องทำแบบนั้นกันไหม?”
ฉันเผลอยกยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนหน้านิ่งชะงักไปสักพักก่อนจะถอยหลัง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดูดุดันขึ้นก่อนจะเหยียดยิ้มราวกับว่าฉันน่ารังเกียจเสียเต็มประดา
“ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ แต่พอดีว่าเป็นเธอ ฉันรังเกียจ!”
เมื่อเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งไว้เพียงคำพูดแสนเจ็บแสบจนใบหน้าของฉันชาหนึบ ทำได้เพียงยืนนิ่งและกลืนก้อนสะอึกลงไปรวมถึงหัวใจของตัวเองด้วย