คฤหาสน์ชวัลกร
ภายในห้องใต้ดินของคฤหาสน์หรูถูกมือหนาผลักเข้าไปด้วยความเคยชิน ขาแกร่งก้าวไปตามทางเดินก่อนจะหยุดลงตรงโต๊ะยาวขนาดใหญ่เหมือนในห้องประชุม
เขาปรายตามองบุคคลที่นั่งยกขาไขว่ห้างด้วยท่าทีสบายในมือถือแก้วเหล้าหมุนไปมา ดูไม่ยี่หระต่อทุกสิ่งทำเขาแอบฉุนอยู่เล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อชั่วโมงก่อนติณณ์โทรตามเขากลับมาที่บ้านอย่างกะทันหันทั้งที่เขากำลังทำธุระอยู่
“มึงหลอกกูมาทำไม”
“นั่งลงก่อนสิ” ติณณ์เหลือบมองเขาก่อนจะมองไปยังที่นั่งข้างกับเก้าอี้ประธานเป็นเชิงให้เขานั่งลง
“ตอบมา”
เขาเอ่ยเสียงเย็นเพราะท่าทีของติณณ์มันทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนหลอกมา ตอนแรกก็นึกว่าจะมีอะไรสำคัญแต่พอมาถึงแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
“โมโหอะไรนักหนาผู้หญิงหาใหม่ก็ได้ กูก็แค่เรียกมึงมากินเหล้าเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง”
ติณณ์วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะก่อนจะยกยิ้มเหมือนรู้ทันเพราะมันกวนตีนอย่างนี้ไงเขาเลยประสาทจะกินทุกครั้ง แม้เราทั้งคู่จะอายุเท่ากันเป็นเพื่อนกันที่สำคัญเรายังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกใช้ชีวิตด้วยกันมาราวกับฝาแฝดมันทำให้เขารู้ไส้รู้พุงมันดีเหมือนที่มันรู้ใจเขานั่นแหละ
“หยุดตอแหลหน้าตาย แล้วพูดเรื่องสำคัญมา”
นัยน์ตาคมกริบจ้องมองติณณ์อย่างไม่ลดละ ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะยอมเอ่ยเรื่องงานออกมา เพราะเห็นว่าเขาเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว
“ก็ไม่มีอะไรมาก”
“….”
“ช่วยเข้าไปดูธุรกิจใหม่ให้หน่อย”
“งานไหนอีก แล้วทำไมมึงไม่ไป”
“เพราะกูไม่ว่าง”
เขาเลิกคิ้วมองเป็นเชิงคำถาม ช่วงนี้แทบจะไม่มีงานอะไรให้ว่าที่ผู้นำตระกูลอย่างมันทำแล้ว ทำไมบอกไม่ว่าง! คนที่ควรพูดคำนี้มันน่าจะเป็นเขามากกว่าที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำขจัดเสี้ยมหนามให้ตระกูลจนแทบไม่มีเวลาพัก
แต่พอจะพักก็โดนมันจี้ตามตูดแบบนี้ไง!!!
“ไปดูตัว” ติณณ์ตอบสั้น ๆ ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะหินหายากยิ่งทำเอาเขาแปลกใจมากกว่าเดิม
“มึงเนี่ยนะจะดูตัว”
“เออ”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
คนที่ดูสุภาพและตอแหลเก่งอย่างติณณ์ไม่มีทางโดนบังคับดูตัวแน่นอนมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับเรื่องงาน
“กูเดินทางคืนนี้ อาจจะต้องฝากงานให้มึงดูนานหน่อย ราย-ละเอียดงานกูให้ลูกน้องส่งให้ลูกน้องมึงแล้ว”
“…..”
“เงียบทำไม งานก็ผับใหม่แถวคอนโดมึงนั่นแหละ”
“เออ”
เขากระแทกเสียงรับเมื่อได้ยินว่ามันถึงขั้นส่งงานก่อนจะบอกเขาอีก มัดมือชกกันแบบนี้เลย!! เขาเดินไปคว้าแก้วเหล้าของติณณ์บนโต๊ะขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมด
“แดกแก้วเดียวกัน แอบจูบปากกูทางอ้อม”
“สัด! แค่คิดก็ขยะแขยง”
เขาเบะปากอย่างรังเกียจแต่ติณณ์เอาแต่หัวเราะชอบใจที่ได้ยียวนกวนประสาทเขา ยิ่งเห็นมันมีความสุขยิ่งหมั่นไส้ขอภาวนาให้คนอย่างมันโดนจับแต่งงานไปให้จบ ๆ ให้อยู่ใต้อาณัติของเมียตลอดไปจะได้ไม่ต้องมาทำลายความสุขของเขาอีก!!
“อะไร จะไปแล้วเหรอ”
เมื่อพูดธุระจบเขาเลยตัดสินใจหันหลังเดินออกจากห้องไม่วายโดนคนกวนประสาทตะโกนไล่หลังตามมา
“จะอยู่ทำเหี้ยอะไร กูไม่ได้ว่างไปดูตัวแบบมึง”
“งั้นมึงไปดูตัวแทนกูสิ” มันเอ่ยยิ้ม ๆ
“หึ ไม่ใช่ว่ามึงอยากไปอยู่แล้วเหรอ”
ติณณ์นิ่งไปสักพักทำให้เขาได้แต่เหยียดยิ้มใส่ก่อนจะหันหลังเดินออกจากชั้นใต้ดินเพราะจะรีบไปสะสางงานและพักผ่อนวันนี้ทั้งวันเหนื่อยฉิบหายแค่จะแวะนวดยังโดนโทรตามอย่างกับเป็นเมียเขา
ร่างสูงเดินออกมาจากคฤหาสน์ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ระหว่างนั้นก็เงยหน้ามองห้องนอนชั้นบนซึ่งเป็นห้องของน้องสาวสุดที่รัก ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือที่เข็มกำลังเดินไปยังเลขสองซึ่งเป็นเวลาช่วงตีสอง เช้ามืดแบบนี้ทำไมเด็กวัยกำลังโตอย่างน้องสาวเขาไม่ยอมปิดไฟนอนสักที
“คุณซันจะออกไปเลยไหมครับ ผมให้คนเตรียมรถไว้แล้ว” ชายร่างสูงเกือบเท่าเขาในชุดสูทสีดำ เรือนผมสีขาวสว่างหน้าตาผสมผสานระหว่างเอเชียและยุโรปเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้เขาละสายตาจากบานหน้าต่างห้องน้องสาวสุดที่รักอย่าง ซินเซีย
“ทำไมซินเซียยังไม่นอนอีก ดึกป่านนี้มัวทำอะไรอยู่”
คำถามที่ไร้คำตอบทำให้ชายหนุ่มผมสีขาวลูกครึ่งไทยอิตาลีอย่าง เวกัส ปาตติสโร ถึงกับอยากจะกุมขมับเพราะไม่รู้จะตอบคำถามเจ้านายยังไงถึงจะถูกใจ ถ้าตอบตามความจริงว่าคุณหนูซินเซียอาจจะคุยโทรศัพท์กับแฟนก็กลัวจะโดนด่า
“วัยมหาลัยแบบคุณหนูต้องทำรายงานแน่นอนครับยิ่งดึกสมองยิ่งแล่น เหมือนอย่างคุณซันที่ชอบออกไปทำงานดึก ๆ”
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมเข้มแบบอิตาเลียนแท้เอ่ยแทนเพื่อนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ เขามีชื่อว่า ฟาบิโอ ซิโมเน่ เป็นลูกน้องอีกคนของซัน
“อือ งั้นก็เดินทางเลย คืนนี้คงต้องไปพักคอนโดแทน”
เขาเอ่ยก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งยังเบาะหลัง ก่อนลูกน้องคนสนิทจะปิดประตูและขึ้นนั่งประจำที่ โดยปกติบรรดาทายาทของตระกูลจะต้องมีลูกน้องคอยตามประกบอยู่แล้วเพราะตระกูลชวัลกรได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจอสังหาฯรายใหญ่แต่ใครจะรู้ว่ามันก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น แท้จริงแล้วต้นตระกูลมาจากแผ่นดินใหญ่หรือจีน ซึ่งมีทั้งหมดสี่ตระกูลใหญ่ภายหลังโดนรัฐบาลกวาดล้างมาเฟีย จึงได้อพยพย้ายถิ่นฐานออกมาโดยตอนแรกไปอยู่อเมริกามีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่กันก่อนที่ช่วงหลังตระกูลหวงหลงหรือชวัลกรจะย้ายถิ่นหลักมาอยู่ฮ่องกงและไทยตามลำดับ
เตกีลา ผับ
เรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีชมพูอ่อนสั้นเหนือเข่า กำกระเป๋าสะพายในมือไว้แน่น แม้ใบหน้าจะมีความวิตกกังวลแต่ไม่อาจลดทอนความสวยลงไปได้เลย ใบหน้าเรียวได้รูปคิ้วเรียงตัวสวย ดวงตากลมโตน่าค้นหา จมูกเล็กเชิดรั้นและริมฝีปากอวบอิ่มทำให้เธอสวยและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
“ได้จองโต๊ะไว้ไหมครับ”
ฉันเดินเข้ามาถึงบันไดเพื่อขึ้นไปยังโซนวีไอพีแต่โดนการ์ดร่างสูงของร้านขวางทางไว้ก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงเข้ม พร้อมกับกวาดสายตามองจนทั่ว
ไร้มารยาท!!!
“ฉันมีนัดกับคุณรัชพล!”
“เชิญครับ เดี๋ยวผมนำไป”
“ฉันเดินไปเองได้”
เอ่ยเสียงกระแทกทำให้การ์ดคนนั้นหลีกทางให้ฉันเดินขึ้นไป บอกตามตรงว่าไม่ชอบการบริการแบบนี้เลยเข้าใจนะว่าเข้มงวดแต่ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และสายตาของเขามันทำให้คิดว่าเขากำลังดูถูกฉันอยู่
เมื่อเดินขึ้นมาถึงฉันถึงกับต้องนิ่งและกวาดตามองจนทั่วและตัดสินใจเดินไปฝั่งซ้ายเพราะดูเหมือนจะมีผู้คนมากกว่าอีกฝั่ง ผับแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลทองนอกจากจะมีขนาดใหญ่แล้วยังตกแต่งได้หรูหรามาก ถึงแม้ว่าจะฉันเคยเที่ยวผับในต่างประเทศมาบ้างแต่ต้องยอมรับว่าที่นี่ทำถึงและเงินหนามาก
หมับ!!
เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีมือของใครบางคนมากระชากแขนของฉันเข้าไปใกล้และพยายามจะโอบกอด จึงรีบสะบัดตัวออกอย่างแรงแต่ข้อมือกลับโดนเขาบีบไว้แน่นจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ทำบ้าอะไร ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
ดวงตากลมโตตวัดสายตามองเขม็งริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างอดกลั้น เสียงตวาดของเธอดังมากจนคิดว่าผู้คนบริเวณนี้ต้องได้ยินแต่ทุกคนกลับทำเฉยไม่มีใครคิดยื่นมือเข้ามาช่วยเลย ส่วนคนตรงหน้าที่กำข้อมือฉันไว้ก็ยืนยิ้มตาฉ่ำเยิ้มท่าทางเมาจนเพี้ยนไปแล้ว
“คนสวย อย่ามาเล่นบทสาวน้อยสิเธอคือคนที่ลูกน้องฉันเรียกมาเอ็นใช่ไหมสวยกว่าในรูปอีก”
คำพูดคำจาฉะฉานทำให้ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองเขาอย่างไม่พอใจและพร้อมจะถอดส้นสูงฟาดหน้ามันซะ! ถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรมหยาบคายแบบนี้เพราะปกติฉันจะไม่ชอบใช้กำลังอะไรเล็กน้อยเลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
“ไม่ใช่เด็กเอ็นและปล่อยมือด้วย!” ฉันเอ่ยเสียงแข็ง
“ไม่เอาน่าคนสวย พี่ยินดีจ่าย” ถึงจะบอกว่าเล็กน้อยไม่สนใจแต่ฉันกลับเป็นคนที่มีความอดทนต่อคนพูดไม่รู้เรื่องต่ำเช่นกัน
“หยุด ก็บอกว่าไม่ใช่ไงรีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ปล่อย มามะมาให้พี่กอด”
“กรี๊ด ถอยออกไปนะ ช่วยด้วย”
คนตรงหน้าเตรียมกระชากเข้ามากอดทำให้ฉันอาศัยจังหวะนั้นก้มตัวลงเพื่อจะถอดรองเท้าส้นสูงแต่ไอ้บ้าดันไวกว่ารีบโถมตัวเข้าใส่พร้อมผลักฉันลงไปกระแทกโซฟาจนเจ็บไปหมด ซวย!
ฉันได้แต่ภาวนาในใจขอให้ใครสักคนเข้ามาช่วย เพราะเพียงเสี้ยววินาทีตอนนี้ที่ผู้ชายตรงหน้ากำลังยกยิ้มตาเยิ้มและกำลังจะโน้มตัวลงมาทาบทับ มันทำให้ความหวาดกลัวเกาะกุมที่จิตใจจนแทบอยากหลั่งน้ำตาด้วยความโกรธเพราะสู้แรงมันไม่ไหวทั้งที่จุดประสงค์การมาที่นี่คือพูดคุยเรื่องสำคัญแต่ทำไมโชคถึงเล่นตลกให้ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
ผลัวะ!!
เสียงของแข็งกระแทกกันทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นว่าคนเมาที่กำลังจะลวนลามฉันอย่างอุกอาจโดนกระชากออกอย่างแรงก่อนจะล้มลงกับพื้น สีหน้าของมันดูเจ็บปวดและโกรธมากแต่ไม่ทันได้ทำอะไรผู้ชายคนที่กระชากไอ้ขี้เมาก็ยกเท้ากระทืบซ้ำ
“อัก กะกลัวแล้ว”
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างมองภาพสยดสยองตรงหน้าด้วยแววตาสั่นไหว ไม่คิดว่าผู้ชายร่างสูงในชุดสีดำจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ฉันไม่เห็นใบหน้าเขานอกจากแผ่นหลังกว้างที่กำลังขยับไปตามแรง เท้าของเขายกขึ้นกระทืบชายขี้เมาซ้ำ ๆ จนชายคนนั้นกระอักเลือดออกมา
“ควรห้าม หรือไม่ห้ามดีนะ”
ร่างบางพึมพำกับตัวเองผู้คนในชั้นวีไอพีต่างนิ่งสงบไม่มีใครมีท่าทีตื่นตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเลย เธอเลยไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไงดีเพราะเขาก็ถือว่าเป็นคนมาช่วย แต่ไอ้ขี้เมานั่นถ้าขืนปล่อยไว้จะไม่ตายใช่ไหม ?
“เอ่อ พอแล้วค่ะเขาน่าจะเจ็บสาหัสแล้ว”
ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าในการเอ่ยออกไปทำให้คนที่กำลังกระทืบชายขี้เมาอยู่ชะงัก เขาค่อย ๆ ยืดแผ่นหลังให้ตั้งตรง ท่าทางและกลิ่นอายของเขามันพานทำให้เธอแอบคิดว่ามันช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด ยิ่งเมื่อเขาหันกลับมาเผชิญหน้ากันหัวใจที่เฉยชามานานพลันเต้นแรง เสี้ยวหน้าคมหล่อเหลาดูดุดันหันมาจนกระทั่งเราทั้งคู่ประสานสายตากันและนั่นทำให้เธอเบิกตากว้างเพราะรู้ดีว่าเขาคือใคร
‘เฮียซัน’
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีเมื่อเขาเอาแต่นิ่ง แววตาคมกริบเฉี่ยวขึ้นดูดุดันและแฝงแววเกลียดชังจนปิดไม่มิด
ส่วนเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรมันอึดอัดจนหาเสียงตัวเองไม่เจอ แต่ในที่สุดก็สลัดความรู้สึกมากมายทิ้งและเอ่ยออกไป
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย”
เขายกยิ้มมุมปากแต่แววตากลับเย็นเยียบจนน่าขนลุกผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ยังดูอันตรายและรับมือยากเหมือนเดิมสินะ
“เก็บคำขอบคุณจอมปลอมของเธอไว้เถอะ เพราะฉันไม่ได้ช่วยเฉย ๆ นะแต่จะช่วยซ้ำเติมต่างหาก!”
ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเมื่อร่างบางตวัดสายมองอย่างไม่พอใจ แต่แล้วไงเขาไม่สนใจอยู่ดีโดยเฉพาะกับผู้หญิงจอมหลอกลวงอย่างเธอ
เธอทำสีหน้าสับสนปนไม่เข้าใจ ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจกับท่าทางใสซื่อนั้นมาก เพราะมันทำให้รู้สึกนึกย้อนกลับไปช่วงหลายปีก่อนยิ่งเห็นยิ่งเกลียด!
“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที จะบอกอะไรให้นะฉันไม่ได้มาช่วยเธอแค่บังเอิญผ่านมาแล้วเห็นภาพอุจาดตาเลยต้องจัดการสักหน่อย”
“เฮียซัน!” ร่างบางเอ่ยเสียงแข็ง
“อย่ามาเรียกฉันเหมือนสนิท แล้วทีหลังถ้าจะทำอะไรกับใครก็ช่วยเลือกสถานที่ด้วยไม่ใช่คิดจะ ‘เอา’ ที่ไหนก็เอาเหมือนตัวอะไรนะ…อ๋อ ตัวเหี้ย”
ร่างบางหน้าชาไปทั้งแถบเมื่ออดีตรุ่นพี่หนุ่มที่รู้จักเอ่ยแบบนี้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องปากร้ายกับเธอขนาดนี้ด้วยแน่นอนว่าเขาช่วย เธอก็จะขอบคุณแต่การที่เขามาด่าและดูถูกแบบนี้จันทร์เจ้าคนนี้ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ขอบคุณนะคะที่กล้าสอนจันทร์ แต่ทีหลังไม่ต้อง…ถ้าคิดว่ามันอุจาดตามากก็แค่จัดการตัวเองแล้วเดินผ่านไป ส่วนเรื่องเอาเรี่ยเอาราดเนี่ยดูเหมือนว่าคุณควรจะเก็บคำพูดไว้สั่งสอนตัวเองดีกว่านะคะ!”
ร่างสูงขบกรามแน่นไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อร่างบางก็รีบเดินออกไปทันทีโดยที่ไม่หันมามองเขาแม้แต่เสี้ยวเดียวเหมือนกับว่าเขาไม่ควรค่าให้เธอใส่ใจ!!
แผ่นหลังบอบบางเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายลับสายตาไป มันทำให้ความรู้สึกที่เคยเป็นเมื่อหลายปีก่อนย้อนกลับมาเล่นงานอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“โผล่หน้ามาให้เห็นทำไม!”