Atlas Group
ฉันเอนกายพิงพนักเก้าอี้ในห้องทำงานชั้นผู้บริหารกวาดสายตามองผู้มาใหม่ทั้งสองหนึ่งคือผู้จัดการสาวคนดัง คุณแนนและหนึ่งคือดาราสาวตัวท็อปของวงการอย่างปันปัน ที่กำลังนั่งแคะเล็บอย่างไร้มารยาทอยู่ตรงหน้า
“คุณแนนกับคุณปันปันมีธุระอะไรสำคัญที่ขนาดลืมแจ้งขอนัดล่วงหน้า ก็ว่ามาเลยค่ะไม่ต้องอ้อมค้อมหรือเกรงใจ”
จะว่าจิกกัดก็ช่างเถอะในเมื่อมาไม่แจ้งแบบนี้ฉันไม่ด่าตรง ๆ ว่าไร้มารยาทก็ดีก็แค่ไหนแล้ว
“พอดีแนนกับปันปันจะมาลาค่ะ อย่างที่คุณจันทร์ทราบว่าเราได้ขอยกเลิกสัญญากันเรียบร้อยแล้ว แนนอยากให้จบกันด้วยดีเพราะยังไงแอตลาสก็ถือว่าเคยเป็นบ้านของแนนกับปันปันมาก่อน”
ผู้จัดการสาวคนดังเอ่ยออกมาด้วยเสียงนุ่มนวลเพราะคุณแนนโน้มน้าวและจูงใจคนเก่งเลยทำให้เป็นผู้จัดการตัวท็อปไม่ว่าจะดีลงานให้ดาราคนไหนก็ผ่านหมด แต่ขอโทษที่ใช้กับฉันไม่ได้!
“ที่จริงเราก็เหมือนผิดใจกันไปแล้วนะคะ เพราะอยู่ดี ๆ ทางคุณก็ฉีกสัญญาโดยไม่แจ้งให้ทราบไหนจะออกไปพูดกับสื่อแบบนั้นอีกไม่คิดเลยว่าคนที่บอกว่าแอตลาสเป็นบ้านจะทำอะไรปุบปับรวดเร็วได้ขนาดนี้” ฉันยิ้มเย็นให้กับคุณแนนที่ทำสีหน้าตกใจ
“ช่วยไม่ได้ใครบอกแอตลาสทำงานดักดานไม่ยอมดันดาราไปโกอินเตอร์เหมือนค่ายอื่นกันล่ะ”
น้ำเสียงติดเหวี่ยงของสาวสวยสุดเซ็กซี่อย่างปันปันเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ฉันตวัดสายตามองเขม็งทันทีเพราะยังพูดคุยกับคุณแนนไม่จบ ที่บอกว่าไม่สนใจรั้งดาราสาวคนนี้ไว้นอกเหนือจากฝีมือการแสดงแล้วก็นิสัยของหลอนนี่แหละ
“ค่ายอื่นที่ว่า คือค่ายไหนเหรอคะ ใช่เคมิสไหม?”
เพียงเอ่ยชื่อค่ายคู่แข่งขึ้นมาปันปันก็หน้าซีดทันทีแน่สิเพราะฉันรู้ว่าเธอแอบไปตกลงกับค่ายนี้มาแล้วแต่ทำทีว่าฉีกสัญญากับค่ายของฉันเพราะเอาเปรียบ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแม่นี่ตอแหลขนาดไหน
“ไม่ใช่!!”
“งั้นเหรอคะ”
ฉันหรี่ตามองคนที่กำลังลนลานก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากให้กับคุณแนนที่เหมือนจะพยายามแก้สถานการณ์ตรงหน้า เพราะปันปันนั้นโกหกไม่เนียนเอาซะเลย
“เอ่อคุณจันทร์ แนนว่าวันนี้คงต้องลากันจริง ๆ จัง ๆ แล้วค่ะไว้มีโอกาสหน้าแนนจะหาเด็กปั้นมาใหม่นะคะ”
คุณแนนยิ้มแห้งรีบฉุดแขนปันปันให้ลุกขึ้นก่อนจะส่งสายตาให้ดาราสาวคนดังยกมือไหว้ล่ำลาจันทร์เจ้า แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าแต่ก็นั่งในตำแหน่งผู้บริหารการเสียมารยาทคงไม่ดี ต่างกับดาราสาวคนสวยที่ไม่อยากจะทำเลยสักนิด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณที่ยังนึกถึงแอตลาสนะคะแต่ในอนาคตทางเราคงไม่อยากได้เด็กปั้นจากคุณแนนหรอกเพราะกลัวปั้นจนดังแล้วเทค่ายเพื่อย้ายไปเกาะที่ใหม่แบบใครบางคนทำ”
“มากไปแล้วนะ!!!”
“คุณปันปันเป็นอะไรคะ”
เห็นคนขี้วีนถลาจะเข้ามาใกล้แต่มีโต๊ะทำงานขวางกั้นฉันเลยยกยิ้มให้กับท่าทางของเธอ แค่พูดยียวนนิดหน่อยยังแทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่ขืนไปอยู่ค่ายอื่นมีหวังไม่รอดแน่ ๆ
“คิดว่าเป็นลูกเจ้าของค่ายแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ”
“แล้วเป็นแค่อดีตดาราในสังกัด คิดจะทำอะไรก็ได้เหรอคะ?”
“อีจะ!!”
“พอแล้วปันปัน”
ผู้จัดการสาวปรายตาดุใส่ปันปันที่เตรียมจะวีนและเหวี่ยงใส่ลูกเจ้าของค่าย แน่นอนว่าไม่เป็นผลดีมาก ๆ เลยออกปากห้ามปรามก่อนจะมีปัญหาไปมากกว่านี้
“งั้นแนนขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษแทนปันปันด้วยที่เสียมารยาท”
“ค่ะ โชคดีนะคะคุณแนน”
ฉันยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะปรายตาไปทางประตูเป็นเชิงไล่ทั้งคู่ออกไป แม้คุณแนนจะดูพูดดีแต่สำหรับฉันเธอก็เหมือนคนทรยศทั้งที่อยู่กับเรามานานได้เงินไปตั้งเท่าไหร่ ถ้าอยากแยกย้ายก็แค่บอกกล่าวกันดี ๆ แต่ไม่ทำ นอกจากมาฉีกสัญญาและพาเด็กในสังกัดไปออกสื่อ
แนนเก็บสายตาไม่พอใจก่อนจะลากแขนปันปันออกจากห้องไปโดยเร็วเพราะเริ่มจะเก็บสีหน้าไม่อยู่แล้ว หลังจากโดนจันทร์เจ้าพูดจากระทบกระเทียบอยู่หลายครั้ง
เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้วร่างบางก็หันกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ เธอดูตารางงานของคุณรัชพลเพื่อจะนัดเจรจาใหม่แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่พอใจที่รอบก่อนเธอช้า ทั้งที่พยายามจะอธิบายถึงสาเหตุแล้วแต่ทางนั้นไม่ยอมท่าเดียว
“แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปงัดกับคู่แข่งดีนะ”
เธอพึมพำกับตัวเองพลางไล่สายตาดูข้อมูลที่เลขาอย่างคุณศรีส่งมาให้ดูเป็นธุรกิจในเครือของ RP Group แม้จะอายุสามสิบกว่าแต่ก็ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากทีเดียว
“เอ๋ เตกีลาผับอย่างนั้นเหรอ”
ดวงตากลมโตไล่สายตาอ่านรายงานสถานที่ ที่คุณรัชพลไปบ่อย ๆ เธอไม่แน่ใจว่าเขาไปทำไมหรือบางทีอาจจะไปเที่ยวก็ได้เพียงแต่ว่าพอนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาของใครบางคนเธอก็ไม่อยากจะไปที่นั่นอีกแล้วเพราะกลัวว่าจะเจอเขา
“แล้วทำไมต้องไปที่นั่นบ่อย ๆ ด้วย”
มันมีบางอย่างแปลกมากเพราะจากประวัติไม่ค่อยเที่ยวแต่ช่วงหลังมานี้ที่มีข่าวว่าจะเปิดสตรีมมิ่งในไทย และต้องการทำข้อตกลงกับสื่อบันเทิงในไทยคุณรัชพลก็ไปที่ผับนี้บ่อย ๆ ขนาดนัดเธอรอบก่อนก็ยังเป็นผับนี้
“หรือคืนนี้จะลองไปดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่อยากเจอคนประสาท แต่วันนั้นอาจจะซวยจริง ๆ งั้นลองไปอีกละกัน”
เมื่อคิดทบทวนแล้วเธอก็ได้ข้อสรุปว่าควรจะลองเสี่ยงไปอีกครั้งเพราะงานนี้ต้องทุ่มสุดตัว ถ้าตกลงกับคุณรัชพลได้จะเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเลยล่ะ
อีกด้าน
ร่างสูงเดินเข้ามายืนตรงหน้ากระจกภายในห้องน้ำสุดหรูที่ตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติกระจกใสมองออกไปเป็นบรรดาต้นไม้หลากหลายพันธุ์ราวกับอยู่ทามกลางป่าเขา มือหนาปลดกระดุมเสื้อออกสามเม็ดก่อนจะกระชากเสื้อออกในคราวเดียวเมื่อรู้สึกไม่ทันใจ
เรือนร่างกำยำที่สมบูรณ์แบบจนใครต่อใครไม่สามารถปฏิเสธได้ นัยน์ตาคมกริบแสนเย็นชาจ้องมองตัวเองผ่านกระจกก่อนจะเหลือบมองรอยสักรูปควันบุหรี่ตรงต้นคอ
พอเลื่อนสายตาลงต่ำอีกเล็กน้อยอารมณ์สงบราวน้ำแข็งขั้วโลกก็เกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้งยิ่งนึกถึงใบหน้าของใครบางคนยิ่งทำให้ไฟในใจเขาลุกโชน
รอยสักรูปผู้หญิงถือดาบคือเครื่องย้ำเตือนถึงความรู้สึกในตอนนั้น เขาเป็นคนชอบเอาชนะแต่ผู้หญิงคนนั้นเธอกลับดื้อดึง อยู่นอกเหนือการควบคุม ทำให้เขาหมดความอดทนอยู่ร่ำไปและคนอย่างซันต้องพ่ายแพ้ให้กับจันทร์เจ้า!!
มันทำให้เขาเกลียดเธอเข้ากระดูก เกลียดจนอยากขยี้ให้จมดิน!
เพล้ง!
ความอึดอัดที่กดทับมานานถูกปล่อยออกไปพร้อมแรงกระแทกของหมัดลงบนกระจกจนเลือดอาบย้อมมือหนา นัยน์ตาคมกริบจ้องมองกระจกตรงหน้าที่แตกละเอียดด้วยแววตาเรียบนิ่งเขาสัญญาเลยว่าถ้าเจอเธออีกแค่ครั้งเดียว เขาเอาเธอตาย!