“ขอแซลมอนสเต๊กที่หนึ่งนะนิ่ม ทำอร่อยๆ ด้วย”
ปานชีวันมองนิ่มที่อยู่หน้าเตา
“ได้ค่ะผู้จัดการ”
รักศิกาญจน์มองปานชีวันรินไวน์ใส่แก้วแบบไม่แคร์อะไร รวมทั้งคนในครัวที่ไม่ได้แคร์ใครด้วย คุยกันเสียงดัง กินอาหารกันอย่างอิสรเสรี ใครอยากกินอะไรก็อ้อนนิ่ม สักพักก็ได้ตามใจ
เฮ้อ! คุณท่านจะรู้หรือเปล่าเนี่ย
บ่นในใจแล้วก็ออกจากครัวมาพร้อมน้ำในมือ ทั้งที่ไม่ได้อยากกินนัก แค่ยกมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น และไหนๆ ก็เดินสำรวจครัวแล้ว เลยขอสำรวจหลังบ้านไปด้วย ออกประตูข้างบ้านแล้วก็เดินลัดเลาะไปตามสนามเรื่อยๆ เสียงคนในครัวยังดังเข้าหูอยู่
“หือ”
รักศิกาญจน์นิ่วหน้าให้กับประตูรั้วด้านหลัง เป็นเหล็กดัดนำเข้าอย่างดี แต่ดันมีชามข้าวหมาวางอยู่ด้านนอก คงจะมีคนมาเทเศษอาหารไว้ให้
แม่เจ้า!!!
มันไม่ใช่เศษอาหารหรอก แต่เป็นมัสมั่นเนื้อ ปลาย่าง ทอดมัน จำได้ว่าตัวเองได้กินเป็นมื้อเที่ยงเมื่อวานนี้ เหลือระดับหมากินไม่หมดนี่ คงทำหม้อใหญ่มากๆ แหละ
หื๊อ
พอเดินไปถึงห้องแถว ซึ่งจัดไว้เป็นที่พักคนงาน ก็ยิ่งตกใจ เมื่อเห็นคอมเพรสเซอร์แอร์ดังกระหึ่ม แปลว่าในห้องต้องเปิดแอร์ไว้ เดินไปใกล้ๆ ก็เห็นว่ามีหลายห้องด้วย แถมมีห้องหนึ่งแง้มประตูไว้ทั้งที่ยังเปิดแอร์ มองป้ายชื่อ เป็นห้องนิ่มกับครอบครัว ในนั้นไม่มีใครอยู่เลย
แล้วจะเปิดแอร์ทิ้งไว้เพื่อ?
ส่ายหน้าด้วยความระอา กลัวจะอารมณ์เสียไปมากกว่านั้น เพราะเกลียดจริงๆ พวกไม่จงรักภักดีต่อนายจ้าง โดยเฉพาะนายจ้างที่แสนดีอย่างคุณท่าน เรียกว่าเลี้ยงกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเชียว เลยรีบเดินเพื่อจะกลับไปทำงานตามเดิม
“ที่ร้านจะเอาชุดมาให้กี่โมงเหรอจ๊ะน้องรัก” อาภัสสราเปิดประตูห้องนอนออกมา ก็เห็นพอดี
“บ่ายสามค่ะ เดี๋ยวน้องรักจะโทรเช็กอีกทีนะคะ คุณท่านจะไปไหนคะ” ปกติเวลานี้ คุณท่านจะงีบเอาแรงมากกว่า
“เมื่อกี้คุณท่านกำลังจะงีบ แต่มองลงไปเห็นน้องรักเดินอยู่ในสวน กับแถวบ้านพักคนงาน เลยจะออกมาถามหน่อยจ้ะ ว่าไปทำอะไรมา”
“อ๋อ คุณท่านโทรตามให้น้องรักไปหาในห้องก็ได้นี่คะ จะได้ไม่ต้องเดินออกมาให้เหนื่อยค่ะ คุณท่านยิ่งไม่สบายอยู่นะคะ”
ก็ห่วงแหละ แต่จริงๆ ก็ยังเห็นคุณท่านปกติดีทุกอย่าง หน้าตาสดใส ยิ้มง่าย กินได้ แม้ไม่มาก นั่นก็เพราะท่านควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเอง หรือบางทีท่านอาจจะเก็บอาการ ไม่อยากให้ใครสงสารก็ได้ ก็ท่านเป็นประเภทหญิงแกร่งนี่นา
“คุณท่านก็อยากเดินออกกำลังกายบ้างสิจ๊ะ เข้าไปคุยในออฟฟิศดีกว่า เสร็จแล้วคุณท่านถึงจะไปงีบ”
“ค่ะ”
รักศิกาญจน์เดินนำไปเปิดประตูห้องทำงาน ที่ตกแต่งหรูหราสมฐานะเจ้าของ ตัวเองเลยพลอยได้อานิสงส์มาใช้ทำงานด้วย เพราะคุณท่านจะมานั่งทำงานวันล่ะไม่กี่ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงเช้าๆ กับช่วงกลางคืน เวลาเลยไม่ค่อยตรงกัน โต๊ะก็คนละโต๊ะด้วย
“น้องรักชอบห้องนี้หรือเปล่าจ๊ะ”
อาภัสสรานั่งชุดรับแขกหรูหรา โดยมีเลขาส่วนตัวช่วยประคองอย่างห่วงใย
“ชอบมากค่ะ”
เพราะโปร่ง มีหน้าต่างหลายบาน มองเห็นวิวภายนอกแล้วสดใส กว้างขวาง อยู่แล้วไม่อึดอัด ข้าวของเครื่องใช้มีครบครัน จัดวางไว้ในตำแหน่งเหมาะสมลงตัว ราวกับมีสถาปนิกออกแบบให้
“คุณนิกนั่นล่ะจ้ะ ออกแบบแล้วก็จัดหาทุกอย่างให้คุณท่านเอง”
“มิน่าล่ะคะ ถึงได้สวยมากๆ เลย แล้วเฟอร์นิเจอร์ก็เข้ากับห้องมากๆ ทั้งที่เป็นของเก่าแท้ๆ”
“โต๊ะตัวนี้ได้มาจากอังกฤษ ตอนไปเที่ยวกับคุณชัคแล้วก็คุณปั่น อายุแค่เก้าขวบเองมั้ง ราคาเกือบล้านนะ คุณท่านยกมาให้น้องรักใช้ชั่วคราว แต่ดูๆ ไปแล้วก็เข้ากับห้องดี เปลี่ยนเป็นใช้ถาวรเลยดีกว่ามั้ย”
“ได้หมดค่ะ”
รักศิกาญจน์เห็นสีหน้าท่านหมองๆ ตอนเอ่ยถึงคุณผู้ชาย แปลว่าคงยังเจ็บกับชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวอยู่แน่ๆ และจนป่านนี้ก็ไม่เข้าใจว่าจะท่านจะเลิกกันทำไม แต่มันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ที่ตัวเองคงไม่เข้าใจหรอก
“กล้องสองอันนี้ พ่อกับลูกเห็นแล้วก็ชอบเหมือนกันเลย คุณท่านบอกว่าอย่าเพิ่งซื้อ ขี้เกียจแบก ก็ไม่ฟัง เลยต้องแบกไปเที่ยวไป ดูท่าจะรักมาก แต่ทำไมไม่เอาไปด้วยนะ”
รักศิกาญจน์หันไปหากล้องและเข็มทิศเดินเรือ เนื้อทองเหลืองเก่าแก่สองอันในตู้ไม้สักเก่าแก่ แล้วก็กลับมามองคุณท่าน เดาว่าคงไม่ได้อยากมาคุยเรื่องที่บอกไว้ น่าจะเหงาหรือคิดถึงคนในครอบครัวมากกว่า
อีคุมปั่นก็ไม่ค่อยจะมาหาแม่เลย จะมาทีต้องให้ไปลาก หรือไม่ก็ต้องให้มีเรื่องก่อน
คนอะไร ใจดำกับแม่ ไม่กลัวบาปหรือไงนะ
“มีแต่คนสงสัย ว่าทำไมครอบครัวคุณท่านถึงได้แตกอย่างนี้ ทั้งที่มีพร้อมทุกอย่าง บางครั้งคุณท่านก็ถามตัวเองเหมือนกัน ว่ามาถึงจุดที่ต้องอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“คนเดียวที่ไหนคะ คุณท่านมีสมุนเต็มบ้าน มีน้องรัก มีคุณแม่ด้วยค่ะ เรารักและเคารพคุณท่านมากนะคะ และจะไม่มีวันทิ้งคุณท่านไปไหนแน่ๆ ค่ะ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ มีน้องรักกลับมาอยู่ด้วย คุณท่านก็คลายเหงาได้บ้างเหมือนกัน แต่อย่ารีบแต่งงานหนีคุณท่านไปล่ะ”
“แหม วันก่อนโน๊น คุณท่านยังพูดถึง Plan B อยู่นี่เจ้าคะ ทีวันนี้มาบอกว่ากลัวเหงา สรุปว่า Plan B ที่ว่าไม่มีอยู่จริงใช่มั้ยค่ะคะ เอาไว้ขู่อีคุมปั่นเฉยๆ ใช่มั้ยล่ะคะ น้องรักรู้หรอกค่ะ”
เพราะอยากให้คุณท่านอารมณ์ดีขึ้นมา เลยยอมเสี่ยงแหย่ออกไป ผลที่ได้ก็คุ้มค่าเสี่ยง คือคุณท่านหัวเราะหึๆ
“รู้ใจคุณท่านจริงนะเรา”
“น้องรักแค่อยากให้คุณท่านยิ้มค่ะ อย่าว่าน้องนักนะคะ”
“ไม่ว่าหรอกจ้ะ แต่น้องรักยังไม่คิดเรื่องมีคู่ในช่วงนี้จริงๆ ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ยังค่ะ น้องรักต้องทำงาน เก็บเงิน และพร้อมกว่านี้มากๆ ถึงจะคิดเรื่องนี้ค่ะ”
“จริงเหรอจ๊ะ ไม่ใช่หลอกให้คนแก่ดีใจนะ”
“จริงๆ ค่ะ”
“แล้วน้องรักมีใครที่คบๆ คุยๆ อยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“ยังค่ะ”
“ถามจริงๆ โตเป็นสาวป่านนี้แล้วก็สวยออก จะไม่มีแฟนได้ยังไง คุณท่านไม่เชื่อหรอก ฝร่งฝรั่งที่อังกฤษไม่มีใครมาจีบเลยเหรอ”
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ น้องรักตั้งหน้าตั้งตาเรียน เพื่อให้ได้เกียรตินิยมทั้งตรีแล้วก็โท จะเอาเวลาที่ไหนมามีแฟนคะคุณท่าน”
“แล้วน้องรักชอบผู้ชายแบบไหนจ๊ะ”
“ก็...ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อาจจะผู้ชายใจดีๆ อบอุ่นๆ มีความเป็นผู้นำสูง ดูแลเราได้ เข้าใจเราดี ให้เกียรติเราแล้วก็รักเรามากๆ มั้งคะ”