บทที่ 10 ถูกเล่นงาน
เวลา 07.50 น.
น้ำค้างมานั่งเก้าอี้หน้าห้องของหมิงเผิง เพื่อรอสาลี่มาสอนงาน ซึ่งตอนนี้เธอได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับไปไหน เนื่องจากผู้เป็นเจ้านายนั่งจ้องเขม็งผ่านกระจกใสมาทางเธอตลอด สายตาคู่นั้นทำเอาน้ำค้างรู้สึกประหม่าจนต้องก้มหน้าต่ำลงเพื่อหลบสายตาของเขา
เป็นเวลาไม่ถึง 1 นาที เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ก็ได้เดินออกมาแล้วถามเธอออกมาว่า
“นี่สาลี่ไม่ได้สอนอะไรเธอเลยเหรอ”
“คะ? เอ่อคือยังไม่ได้สอนอะไรเลยค่ะ แต่ตอนนี้สามารถบอกได้นะคะ”
“งั้นเหรอ” เสียงทุ้มอันเย็นเยียบเปล่งออกมา ในขณะที่น้ำค้างกำลังนั่งเกร็ง มาทำงานวันแรกสาลี่ควรจะเธอบ้างว่า ก่อนเขาจะทำงานต้องดื่มกาแฟก่อนหนึ่งแก้ว จนป่านนี้สาลี่ยังไม่มาไม่รู้คิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้กล้าปล่อยเด็กฝึกงานมาให้อยู่กับเขาแบบนี้
“ค่ะ เชิญสั่งมาได้เลยค่ะ ฉันเรียนรู้ได้เร็ว ขอเพียงแค่บอกค่ะ”
“อืม ไปชงกาแฟให้ผมหน่อย”
หมิงเผิงพูดเสียงเรียบ แม้จะหงุดหงิด จนอยากจะต่อว่าคนตรงหน้า แต่ก็ได้แต่นิ่งเอาไว้ เพราะเธอพึ่งมาทำงานวันแรก จึงได้แต่สั่งให้เธอไปชงกาแฟ
“ได้ค่ะ”
น้ำค้างพยักหน้า พลางลุกขึ้นพรวด ดีที่ก่อนหน้าที่เธอได้สังเกตถึงสถานที่ชงกาแฟเอาไว้แล้ว ฉะนั้นจะไม่ถามให้มากความ เนื่องจากกลัวว่า เจ้านายคนนี้จะรำคาญ ทว่าเธอไม่รู้ว่าเขาทานกาแฟรสชาติแบบไหน ครั้นจะถามผู้ชายตรงหน้าก็เดินเข้าห้องไปเสียแล้ว
“เฮ้อ เดินไปไวจัง”
น้ำค้างบ่นอุบอิบ เดินคอตกไปยังห้องชงกาแฟ ยังดีหน่อยที่อยู่ที่บาร์เธอเคยใช้เครื่องชงกาแฟ ไม่งั้นตอนนี้คงงงเป็นไก่ตาแตกไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง
“ถ้าอย่างนั้น เอารสชาติที่เคยชงให้แขกในบาร์กินก็
แล้วกัน”
หญิงสาวไม่พูดเปล่า ไม่รอช้ารีบชงกาแฟไปให้หมิงเผิง เพราะตอนนี้ใกล้เวลาทำงานของเขาแล้ว หากช้าอีกคงจะโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรก เพราะดูจากลักษณะภายนอกของประธานหนุ่มแล้ว คงจะเป็นคนเด็ดขาด และเข้มงวดน่าดู
ไม่นาน คนตัวเล็กถือแก้วกาแฟมายังห้องทำงานส่วนตัวของ
หมิงเผิง ก่อนจะเข้าห้องของเขาเธอใช้หลังมือเคาะกระจกสองครั้งตามมารยาท เพื่อขออนุญาต เมื่อสังเกตเห็นดวงตาอันคมกริบตวัดมองมาที่เธอจากนั้นเขาพยักหน้าเบา ๆ น้ำค้างใช้มือเล็กผลักประตูเข้าไป ก่อนจะพูดว่า
“กาแฟได้แล้วค่ะ”
ส่วนชายหนุ่มที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ใช้สัญลักษณ์มือแทนการพูดให้เธอเอากาแฟไปวางไว้บนโต๊ะ
“นี่ค่ะ มีอะไรให้ทำอีกไหมคะ”
มือเล็กนำแก้วกาแฟวางไว้ทางด้านขวาเพื่อให้ผู้เป็นเจ้านายได้หยิบถนัดมือ ก่อนจะถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว แล้วถามเขาออกมา
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองใบหน้าหวานแวบหนึ่ง โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะใช้มือหนาหยิบแก้วกาแฟยกขึ้นมาจิบเพียงนิดเดียว ก่อนจะพูดน้ำเสียงที่เรียบนิ่งว่า
“ไปชงมาใหม่ แก้วนี้เอาไปทิ้งซะ”
น้ำค้างที่ได้ฟังยืนนิ่งไปชั่วขณะ รสชาติกาแฟที่เธอชงเป็นรสชาติที่ใคร ๆ เขาก็กินกัน
“ได้ค่ะ แต่คุณชอบรสชาติแบบไหนคะ ฉันจะได้...”
“นั่นเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องเรียนรู้ ไปชงกาแฟมาจนกว่าผมจะสั่งให้พอ ถ้าหากไม่รู้ว่าผมทานรสชาติยังไง ผมว่างานนี้คุณคงไม่เหมาะที่จะทำ”
เสียงทุ้มเอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เนื่องจากสาลี่ส่งข้อความมาว่า ขอลา 1 วัน ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ฉะนั้นวันนี้ เด็กใหม่ตรงหน้าคงจะอยู่กับเขาทั้งวัน ดังนั้น หมิงเผิงจะลองทดสอบเธอเสียหน่อยว่าจะทนงานได้สักเท่าไหร่ เริ่มต้นด้วยการชงกาแฟก็แล้วกัน
“ได้ค่ะ”
เสียงหวานพูด แล้วฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องชงกาแฟ ใบหน้าที่ยิ้มอยู่เมื่อครู่ค่อย ๆ เบะปากคว่ำเป็นรูปทัพพี ในใจนึกด่าเจ้านายตรงหน้าอยู่น้อย ๆ ทำไมเขาไม่บอกมาเลยว่าชอบทานแบบไหน ให้ไปชงใหม่จนกว่าจะพอใจ ไม่คิดว่าเปลืองทรัพยากรโลกงั้นเหรอ
5 นาทีผ่านไป
“กาแฟได้แล้วค่ะ”
เรียวปากสีหวานพูดก่อนจะวางแก้วกาแฟลงอย่างเบามือ
หมิงเผิงมองใบหน้าหวานนิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา แต่ก็จับแก้วกาแฟยกขึ้นมาจิบเล็กน้อย
“ไปชงมาใหม่”
ปึก !
เสียงแก้วกาแฟกระแทกลงที่โต๊ะมันดังจนคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ทว่าใบหน้าหวานยังเคลือบด้วยรอยยิ้มอยู่ เธอพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็หยิบแก้วกาแฟถ้วยนั้นกลับไป
จนเวลาผ่านไปราว ๆ 3 ชั่วโมง
“ถ้าแก้วที่ร้อย ไม่ถูกปากอีก ฉันต้องหันไปเปิดร้านกาแฟแล้วนะ”
น้ำค้างพึมพำอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของ
หมิงเผิงโดยที่ไม่เคาะประตูกระจกแล้ว
“กาแฟค่ะ แก้วที่หนึ่งร้อย”
เธอวางไว้ด้านขวามือของเขา ส่วนหมิงเผิงก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดม ก่อนจะชิมเพียงเล็กน้อย โดยมีคนตัวเล็กกำลังยืนตัวเกร็งอยู่ด้านข้าง เพราะกลัวว่าเขาจะให้กลับไปชงอีก
“อืม กลับไปที่โต๊ะ แล้วหาเอกสารโครงการของปีนี้ให้ผมทั้งหมดที”
“คะ แสดงว่าฉันจะไม่ต้องไปชงใหม่แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม แล้วก็จำรสชาตินี้ไว้ด้วย แม้กระทั่งอุณหภูมิก็ห้ามขาดห้ามเกิน”
“ค่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวรอเอกสารสักครู่นะคะ”
เสียงหวานพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง เธอไม่คิดว่าเจ้านายอย่างเขาจะกินกาแฟ 1 แคปซูล กับใส่น้ำ 750 กรัม อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส เธอจะจำสูตรกาแฟนี้ไว้ให้ขึ้นใจเลย
“ฟู่วว”
คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ คิดไม่ถึงว่ามาทำงานวันแรกก็โดนเล่นงานเข้าแล้ว ส่วนหมิงเผิงก็ได้แต่ปรายตามองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเธอจะมีความอดทนถึงขนาดนี้
อีกด้าน
ตึก ตึก !
ขาเพรียวยาวประหนึ่งนางแบบสมัครเล่นก้าวอย่างมาดมั่นออกมาจากลิฟต์ ภายนอกสีหน้าดูเรียบนิ่ง ดูไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“สวัสดีค่ะ คุณยี่หวา”
เสียงพนักงานตำแหน่งต่ำกว่าเธอกล่าวทักทายเธอก่อน ซึ่งขณะเดียวกันยี่หวาเองก็พยักหน้าตอบรับ ทว่าสายตาของเธอกลับไปสะดุดตารูปภาพสมัครงานของน้ำค้างเข้า
“เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งไป”
“คะ มีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ”
“เอกสารนั่นขอดูหน่อยสิ พนักงานใหม่เหรอ”
“ใช่ค่ะ พนักงานใหม่ คุณสาลี่ให้มาทำชื่อเข้าบริษัทตั้งแต่เมื่อวาน”
“ขอดูหน่อยสิ”
ยี่หวาพูด พร้อมกับหยิบกล้องโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายข้อมูลของเธอเอาไว้ หญิงสาวตงิดใจอยู่แล้วว่า ชื่อน้ำค้าง บางทีเธออาจจะเข้ามาเป็นมารหัวใจ และแล้วมันก็จริงอย่างที่คิด เพราะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เธอกรอกไว้ เหมือนกับหมิงเผิงทิ้งลงถังขยะไม่มีผิด
“แค่นี้แหละ ไปได้แล้ว”
หลังจากที่ยื่นเอกสารนั้นให้กับพนักงาน ใบหน้าที่ยิ้มอยู่เมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที และยี่หวาเองก็ไม่มีทางให้น้ำค้างอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข อีกอย่างไม่หมิงเผิงจะไม่มีทางตามหาน้ำค้างเจออย่างแน่นอน เพราะยี่หวาจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเขา