“เฟรชอยากทบทวนเนื้อหาใช่ไหม มาครับ ผมจะติวเนื้อหาที่เรียนวันนี้ให้” อัคคีพูดขึ้นทันทีเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มรู้สึกไม่ปกติ ควรจะเริ่มติวให้เฟรชเพื่อให้เธอกลับไปให้เร็วที่สุด
“รีบทำไม กินอะไรก่อนไหมเฟรชหิวมากเลยนะ” เฟรชไม่พูดเปล่ามือบางยกขึ้นลูบท้องตัวเองเพื่อบ่งบอกว่าหิว
“ดึกกว่านี้จะอันตรายนะครับและที่สำคัญอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้มันไม่ดีเลย”
สำหรับอัคคีมันไม่ดีจริงๆนั่นแหละ ยิ่งการแต่งตัวของเฟรชมันยิ่งทำให้จิตใจของอัคคีร้อนรุ่ม ถึงในสายตาของทุกคนตัวของอัคคีจะเป็นหนุ่มเนิร์ดแต่มันก็แค่ภาพลวงตา
ภาพลวงตาเอาไว้หลอกเหยื่ออย่างเฟรช
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยที่สำคัญเฟรชไม่ถือหรอกนะ”
เป็นจริงตามที่เฟรชพูดออกมา เธอไม่ถือเลยเพราะยังไงก็เป็นเพื่อนกัน การอยู่กับเพื่อนสองต่อสองหากจิตใจบริสุทธิ์ทั้งคู่ก็คงไม่มีอะไรแต่หากเป็นดั่งเธอตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดีเพราะคำเดียวนั่นคือไม่ถือ
“แต่ผมถือครับ ผมกลัวว่าเฟรชจะเสียหาย”
“อัคคีกินอะไรหรือยัง เฟรชยืมครัวได้ไหม” เฟรชเปลี่ยนเรื่องในทันทีเพราะเธอไม่ใช่คนที่จะมากลัวในเรื่องพวกนี้
อัคคีเป็นถึงเพื่อนในกลุ่มควรจะรู้บ้างว่าเธอเป็นยังไงกับการใช้ชีวิตในทุกๆวันนี้แต่ก็ไม่แปลกหากจะไม่รู้เพราะที่ผ่านมาอัคคีไม่เคยสนใจใครรวมถึงเฟรชด้วย
“ถ้าเฟรชหิวจะสั่งก็ได้ครับ”
“เฟรชทำอาหารเป็นนะ อัคคีไม่อยากชิมเฟรชหรอ”
“อะ…อะไรนะครับ”
ตอนนี้อัคคีแทบจะคิดดีกับคำพูดของเฟรชไม่ได้ หากเดาไม่ผิดเธอกำลังอ่อยหรอ มันจะใช่หรอ ? เพราะคนอย่างเฟรชคงไม่สนใจผู้ชายเนิร์ดๆแบบนี้
“หมายถึงไม่อยากชิมอาหารฝีมือเฟรชหรอ” เฟรชพูดออกมาอีกครั้งแต่ทว่าความจริงแล้วประโยคแรกที่พูดออกไปเธอตั้งใจ
ตั้งใจเชิญชวนให้เขามาชิมเธอ
ไม่ใช่ชิมอาหารแต่อย่างใด
“ห้องผมไม่มีของสดครับ” เพราะอัคคีไม่ใช่ผู้ชายทำอาหาร ส่วนมากแล้วเขามักจะซื้อกินเสียมากกว่า
“ข้างล่างมีซูเปอร์ อยากกินอะไรไหม”
“ทำแบบนี้ทำไมครับ”
แน่นอนว่าในตอนนี้อัคคีสงสัยไม่น้อย ปกติแล้วเฟรชไม่เคยมาห้องเขาสักครั้งหากไม่มีเพื่อนคนอื่นๆมาแต่ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ได้
อัคคีมั่นใจว่าคนอย่างเฟรชไม่ได้มาเพราะต้องการทบทวนเนื้อหาแต่มันมีเหตุผลบางอย่างมากกว่านี้
“ถือว่าตอบแทนที่เฟรชมาให้ติววันนี้แทนที่จะมาพร้อมหลุยส์กับมะเหมี่ยว”
“ตอบแทนผมโดยการรีบติวแล้วรีบกลับดีกว่าครับ”
หากอยู่นานกว่านี้ อัคคีไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะสามารถอดทนกับเฟรชได้หรือเปล่า ไม่ว่าหน้าตา การแต่งตัวรวมถึงคำพูดและท่าทางที่แสดงออกมา
หากไม่เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป อัคคีคิดว่าตอนนี้เฟรชคงกำลังอ่อยตัวเขาอยู่
“อัคคีดูเหมือนไม่อยากให้เฟรชอยู่”
“เพราะมันไม่เหมาะสมครับ”
“คิดมากทำไมล่ะ”
“เอาเป็นว่าผมไม่หิวครับ ส่วนเฟรชอยากทำอะไรกินจะไปซื้อของหรือจะอะไรก็ตามสบายครับ”
ในตอนนี้อัคคีไม่อยากยืดเยื้อ เขารอดูว่าเฟรชจะทำอะไรต่อไป หากการคิดเข้าข้างตัวเองเป็นความจริงมันก็เท่ากับว่าการหลอกเหยื่อว่าเป็นหนุ่มเนิร์ดคงสำเร็จ
เพราะเหยื่อที่ต้องการเดินเข้ามาหาแล้ว
“งั้นติวเลยก็ได้ ในเมื่ออัคคีไม่อยากให้เฟรชอยู่ เฟรชว่าเรารีบติวดีกว่า”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะเฟรช”
“เฟรชเข้าใจแต่ก็นั่นแหละ เริ่มตรงไหนดีล่ะ” เฟรชพูดขึ้นพร้อมหยิบ IPad ขึ้นมา มือเรียวเลื่อนหน้าจอเปิดชีทเรียนของวิชาที่เรียนไปในวันนี้
“ชุดเฟรชโป๊เกินไปสำหรับการติวหนังสือหรือเปล่า” อดไม่ได้ที่อัคคีจะถามออกไป จริงๆชุดมันโป๊มาก โป๊จนจังหวะการเต้นของหัวใจของอัคคีไม่เป็นปกติ
บอกเลยว่าหากตรงหน้าไม่ใช่เฟรชแต่เป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่รอดมีโอกาสได้ยืนอยู่แบบนี้ ในใจก็อยากทำแต่หากทำอะไรออกไปเหยื่อตัวนี้ก็อาจจะตกใจได้
ในตอนนี้อัคคียังไม่รู้เลยว่าเฟรชเข้าหาเพราะอะไร รอให้ทุกอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง ถึงตอนนี้อัคคีก็จะมีคำตอบว่าควรทำยังไงต่อดี
“อัคคีไม่ชอบหรอ เฟรชว่าชุดของเฟรชก็สวยพอตัวนะ” เฟรชพูดขึ้นพร้อมปัดผมของเธอให้ไปอยู่ด้านหลังพร้อมกับหมุนตัวไปมาให้อัคคีดูชุดของตัวเอง
วันนี้เธอแต่งตัวแบบง่ายๆธรรมดาๆเพราะไม่อยากให้มันเยอะเกินไป กลัวว่าอัคคีจะดูออกว่าเธอตั้งใจแต่งตัวมาอ่อย ถึงแม้ความจริงเธอจะตั้งใจก็เถอะ
“สวยก็สวยครับแต่ผมว่ามันโป๊เกินไป” อัคคียังคงยืนยันคำเดิม ชุดที่เฟรชใส่ในตอนนี้มันโป๊มากๆ อัคคีต้องใช้ความอดทนมากมายแค่ไหนกับการที่เห็นเฟรชใส่ชุดนี้
แค่ชุดนักศึกษาในแต่ละวัน ชุดในการไปเที่ยวคลับ ทุกชุดที่สวมใส่ในการใช้ชีวิตของเฟรชบอกได้คำเดียวเลยว่าโชว์หมดทุกสัดส่วน
แต่ไม่แปลกเพราะเฟรชเป็นคนสวย หุ่นดี มีทรวดทรงองค์เอวและมีก้นงอนที่ดูเหมือนจะนุ่มมากรวมถึงหน้าอกอวบที่เห็นกี่ครั้งกี่มีอัคคีก็แทบจะทนไม่ไหว
“ไม่โป๊หรอก ปกติเฟรชไม่ใส่อะไรเลยนะหากอยู่ห้อง”
คำพูดของเฟรชทำคิ้วหนากระตุก จากแค่คิดเข้าข้างตัวเองในตอนนี้มันเริ่มทำให้อัคคีคิดจริงแล้วว่าเฟรชตั้งใจเข้าหา
“เอาเสื้อผมคลุมหน่อยไหม ผมจะไปเอามาให้”
อัคคีไม่ได้กลัวว่าเฟรชจะหนาวแต่กลัวว่าตัวเองจะไม่ไหวเพราะเฟรชไม่ระวังตัวเลย ไม่ว่าจะก้มหรือทำอะไร ในตอนนี้อัคคีไม่แน่ใจแล้วว่าเธอลืมระวังตัวเองหรือเธอตั้งใจโชว์อะไรแบบนี้ให้เห็น
“ไม่เอาอะ เฟรชขี้ร้อนเป็นไปได้อยากถอดเสื้อจะแย่”
แทบไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว คำพูดของเฟรชสามารถยืนยันได้ทุกอย่าง เหยื่อที่อัคคีรอคอยมาถึงสามปีในวันนี้เหยื่อตัวนี้กำลังเดินเข้ามาหา
ถึงจะไม่ได้แสดงออกมากนักแต่ขาเรียวของเหยื่อตัวน้อยก็กำลังเดินเข้ามาและแน่นอนอัคคีเชื่อเลยว่าเหยื่อน้อยตัวนี้คงจะทำอะไรอีกหลายอย่างให้ตัวเขาหวั่นใจ
“เฟรชจะนั่งตรงนี้หรอ”
“เฟรชนั่งพื้น อัคคีนั่งบนโซฟาก็แล้วกันจะได้สอนเฟรชง่ายๆ” พูดจบเฟรชก็นั่งลงกับพื้น ส่วนอัคคีเขาไม่มั่นใจนักหรอกว่าเขาควรนั่งหรือเปล่า
หากเขานั่งบนโซฟามันก็เหมาะอยู่หรอกแต่มันอาจจะทำให้เขาเป็นบ้าเพราะเมื่อมองต่ำลงไปหาเฟรช สายตาเจ้ากรรมคงปะทะเข้ากับหน้าอกอวบ
“จะดีหรอครับ”
“ดีสิ !”
ในเมื่อเฟรชพูดแบบนี้อัคคีก็จะไม่ขัดอะไร ถึงมันจะทำให้ตัวเองเองแย่แต่เอายังไงก็เอากัน ค่อยหาทางช่วยตัวเองภายหลัง ในเมื่อเหยื่อตัวน้อยอยากเล่นสนุกก็คงต้องปล่อยให้เล่นอย่างเต็มที่
แน่นอนว่าอัคคีเริ่มทบทวนเนื้อหาบทเรียนของวันนี้ให้กับเฟรชในทันที เฟรชไม่ใช่คนหัวอ่อนแต่เพราะไม่ได้ใส่ใจกับการเรียนทำให้ไม่เข้าใจแต่เมื่อให้ลองทำโจทย์และฟังคำอธิบายจากอัคคีก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี
“พอเข้าใจใช่ไหมครับ”
“เข้าใจว่าแต่อัคคีอ้าขาหน่อยสิ เฟรชอยากพิงอะ”
“เดี๋ยวผมขยับออกก็ได้ครับ” เพราะหากให้อัคคีอ้าขาออกมันก็เหมือนว่าเฟรชกำลังนั่งอยู่ระหว่างขา
มันดีและคงจะดีมากแต่ตอนนี้อัคคีก็อดทนมากๆหากทำแบบนั้นมันคงไม่เป็นผลดีเลยสักนิด
“แบบนี้”
แต่ทว่าเหมือนอัคคีจะช้าไป มือเรียวจับขาของอัคคีและด้วยความตกใจ สองขาแกร่งอ้าออกเป็นช่องทางให้เฟรชได้กระทำตามที่ใจต้องการ
“เฟรช !”
“ทำไมดูตกใจ”
“จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เฟรชกับผม…”
❤️
ยัยเฟรชใจเย็นๆหน่อย
เล่นกันอะไรอยู่รู้ไหมน้อ ?