ม้าของท่านแม่ทัพเข้ามาถึงภายในสกุลโจว โดยมีทหารสกุลโจวนั่งคุกเข่าอยู่สองข้างทางที่ภายในสกุลโจว ก่อนที่ทหารทั้งหมดจะยกกระถางต้นไม้ออกไปเสีย ทหารเปิดประตูไม้ขนาดใหญ่ออกมา แล้วภายในนั้นก็นำทางไปสู่จวนขนาดใหญ่อีกจวนหนึ่ง ที่ม่านหรงและพ่อแม่ของนางมิรู้เลย
นางมักจะได้ยินคนสนทนากันในฟากนั้นแต่ทว่านางที่เพิ่งมาใหม่นั้น ก็ยังมิกล้าไปรบกวนชนชั้นสูงที่อยู่ที่จวนฝั่งข้างเคียง มิคิดว่าจวนนั้นคือกองทัพของสกุลโจวและมันคือหุบเขาทั้งหมดนี้ จวนที่พวกนางคิดว่ามันผุพัง
ที่แท้มันก็คือจวนเก่าที่สกุลโจวนั้นมิได้ใช้งานมันมานานแล้ว
ม่านหรงถูกกอดรัดแน่นเข้าไปอีก และม้าก็เดินไปภายในจวนขนาดใหญ่ ที่มีทางเดินหินสวยงามตระการตา ภายในจวนตกแต่งอย่างหรูหราและมีสาวใช้เดินไปมากันขวักไขว่ ม่านหรงตัวสั่นไหวขึ้นมาก่อนที่ท่านแม่ทัพนั้นจะหัวเราะและกระซิบเสียงแหบพร่าลงมาในที่สุด
“ที่แท้ป้ายหยกประจำการของข้านั้น ก็อยู่ในมือของโขมยตัวน้อยๆนั่นเอง ดีเสียจริงที่มิได้ตกไปอยู่ในมือของพวกกบฎ มิเช่นนั้นห้าม้าแยกร่างนั้นคงมิพอ หึ หึ หึ ”
ร่างบางกายสั่นระริก แต่ทว่าบุรุษนั้นกอดรัดนางจนแน่นและจุมพิตแก้มนุ่มของนางลงไป
“ข้าโป้ปดต่อราชสำนักเพื่อเอาตัวรอดออกไปว่า หยกประจำการของข้านั้นได้อยู่กับสตรีแล้ว หากว่ามันโผล่ออกมาในกลุ่มทหารกบฎ ข้าก็จะคล้ายหลุดพ้นจากคำครหาทั้งปวงได้ แต่ทว่ามันก็มิโผล่ออกมา นั่นช่างโชคดีนัก ”
ม่านหรงทำหน้าจะร่ำไห้ขึ้นมา บุรุษหัวเราะ หึ หึ แล้วรัดนางแน่นมากขึ้นไปอีก
“เพราะการโป้ปดออกไปทำให้ข้านั้นมิอาจมีภรรยาได้ เช่นนั้นโทษทัณฑ์ของเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก ภายในสามวันข้างหน้าเจ้าจะต้องแต่งงานกับข้า มิเช่นนั้นแล้วสกุลโจวทั้งหมดนั้นก็ต้องตายเพราะหลอกลวงเบื้องสูงแล้ว”
“ฮึ่ก ข้าน้อยมิได้ตั้งใจ ยามนั้นมิรู้ความจึงหวังเก็บมันเอาไว้ ยามนี้เติบโตแล้วก็เพียงหวังใช้ทั้งชีวิตตอบแทนบุญคุณท่าน แต่มิคิดว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพลำบากเช่นนี้เลย ม่านหรงมิได้ความ ม่านหรงผิดไปแล้ว ขอท่านแม่ทัพอภัยด้วย ”
“หึ หึ หึ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องแต่งงานกับข้า ”
“เจ้าค่ะ ให้ทำสิ่งใดเพื่อท่านม่านหรงนั้นยินยอมได้ทั้งนั้น ”
“อรืม นั่นดียิ่ง พอแต่งเจ้าเข้ามา ราชสำนักจะต้องแต่งอนุรองและอนุสามเข้ามาแน่ ต่อไปคงจะวุ่นวายแล้ว แต่เจ้าก็อย่าได้เปิดเผยความลับออกไปเล่า ข้านั้นมิอยากแต่งงานกับพวกนางจึงหนีไปที่ชายแดน แล้วโป้ปดว่าต้องรอคอยให้ข้านั้นแต่งภรรยาเอกขึ้นมาเสียก่อน พวกนางรอข้ามาถึงห้าปี ต่อไปหากมิแต่งพวกนางเป็นอนุรองและอนุถัดๆไป ข้านั้นจะต้องถูกบิดาของพวกนางหาเรื่องให้อีกแน่ ”
ม่านหรงชะงักดวงตาโตขึ้นมา ที่ท่านแม่ทัพนั้นทำเรื่องราวมากมายให้นางนั้นคล้ายยืนอยู่ที่ริมผา ถึงคราที่จะต้องจวนตัวนางก็ต้องร่วมกระโดดลงไปในหุบเหวแล้ว อีกทั้งนางยังกลายเป็นตัวขัดวาสนาของสตรีชนชั้นสูง ต่อไปนางหรือจะได้ตายดี ม่านหรงคิดว่าหากนางแปลงกายเป็นจิ้งจอกเก้าชีวิตได้ หากหูของนางมิขาด หางของของนางก็ต้องแหว่งไปบ้างแล้วจริงๆ
ท่านแม่ทัพหยุดม้าลงที่หน้าเรือนขนาดใหญ่ ที่มีชายชราเดินถือถาดน้ำออกมารอรับ ร่างกายแกร่งลงไปจากม้าก่อนตัวนางและอุ้มนางลอยลงมา ก่อนที่จะหันมาสั่งนางในทันที
“เปลื้องผ้าให้ข้าเสีย สกุลโจวถือเคล็ดเรื่องต้องชำระกายก่อนเข้าเรือนเมื่อกลับมาจากสนามรบ หัวจรดเท้าของข้าจะมิติดสิ่งใดมาจากสนามรบกลับเข้าเรือน ”
เอ่ยจบเช่นนั้น ม่านหรงก็อับอายจนหน้าแดง นางค่อยๆถอดเกราะอ่อนของท่านแม่ทัพออกไปทีล่ะชิ้น ส่งไปให้ชายชราที่ถือถาดทองรอคอยอยู่ ก่อนที่จะถึงเสื้อตัวนอก และกางเกงตัวนอกที่ถอดยากอยู่มิน้อย จนกระทั่งท่านแม่ทัพนั้นสวมใส่เสื้อตัวในแล้ว นางก็หน้าแดงขึ้นมาก่อนจะค่อยถอดเสื้อผืนบางออกไปให้ จนเห็นร่างกายแกร่งที่มีแต่บาดแผลไปทั่ว นางจึงตั้งสติได้ ค่อยๆกลั้นลมหายใจขึ้นมา แล้วกระตุกสายรัดเอวของบุรุษลงไปแล้วหลับตาก้มลงช่วยถอดกางเกงตัวนี้ออกไปให้พ้นๆ
“ชำระกายให้ข้า ราดน้ำอุ่นจากเส้นผมจรดลงไปที่ฝ่าเท้า ”
บุรุษสั่งการนางขึ้นมา ร่างบางหันไปตักน้ำแล้วก็ต้องลืมดวงตาขึ้นมามองบุรุษที่กายสูงกว่าตัวนาง แล้วไต่ถามคนขึ้นมา ทั้งที่ดวงตานั้นมิอยากจะมองลงไปที่ด้านล่างอีกเลย
“ข้าตัวเตี้ยเจ้าค่ะ เช่นนั้นจะทำเช่นใดกันหรือเจ้าคะ ท่านเป็นแม่ทัพจะก้มหัวให้ผู้ใดได้อย่างไรกัน ”
“หึ ก็เพราะเป็นเช่นนี้ ข้าจึงใช้เจ้าอย่างไรเล่า เจ้าจะเป็นภรรยาข้า เหตุใดข้าจึงลดกายลงมามิได้กัน“
เอ่ยจบเท่านั้น บุรุษลดกายลงมานั่งยองเสีย อะไรที่มิควรเห็นนางก็เห็น ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ มือสั่นไหวไปหมด นางเร่งราดน้ำล้างลงไปลวกๆ ก่อนจะรับผืนผ้ามาเช็ดกายให้ท่านแม่ทัพ บุรุษที่เปียกน้ำดึงนางกอดเข้าไปในอกแกร่งแล้วอุ้มนางลอยขึ้นมา
”อร้า ท่านแม่ทัพ “
“เตรียมน้ำร้อนเสีย ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว ”
”ข้าน้อยตระเตรียมอาหารและน้ำร้อน รอคอยท่านแม่ทัพอย่างครบถ้วนแล้วขอรับ “
”อรืม ดี “
เอ่ยจบเช่นนั้น คนก็อุ้มนางเข้าไปภายในเรือนที่กว้างใหญ่ จนถึงห้องขนาดใหญ่ที่มีผืนผ้าสีแดงประดับประดาไว้ บุรุษก็อุ้มนางเดินเข้าไปแล้ววางนางลงยืนที่พื้น ก่อนจะเดินไปลงอ่างอาบน้ำแล้วเอ่ยดุนางขึ้นมา
”ยังมิรีบมาสระผมให้ข้าอีก ข้าหนาวกายแล้ว “
ร่างบางตื่นตกใจเร่งไปนั่งบนเก้าอี้ไม้แล้วมัดชายเสื้อขึ้นไป เร่งนำผงหอมสระลงไปที่เส้นผมนุ่มแล้วค่อยๆสระผมให้ท่านแม่ทัพเบาๆ คนครางขึ้นมาคราหนึ่งและสั่งนางขึ้นมา
”นวดให้ดี ข้านั้นมิได้อาบน้ำดีๆมานานแล้ว “
”เจ้าค่ะ ข้าจะตั้งใจให้ดีเจ้าค่ะ “
”หึ หึ ได้ยินว่า ในครานั้นเจ้าคว้าป้ายหยกประการออกไปหรือ ข้าคิดว่าทำหล่นไปที่ใดในหมู่บ้านนั้น จึงส่งคนออกไปค้นหาไปทุกปี “
”ข้ายังเด็กมาก ยามนั้นมองเห็นป้ายสีสวยงามจึงจับคว้าจับมันเอาไว้ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังกำป้ายหยกเอาไว้ในมือจนแน่น ต่อมาจึงเก็บซ่อนไว้ที่ใต้เตียง และเมื่อย้ายถิ่นเปลี่ยนตำบลออกไปจึงเก็บซ่อนไว้อยู่ในอกเสื้อเจ้าค่ะ มีคราหนึ่งเผลอทำมันตกลงมา บุรุษมากมายก็มาพยายามค้นหามันกันทั้งสิ้น ข้าจึงนำหินแม่น้ำมาถักร้อยลอกเลียนแบบแล้วหลบซ่อนมันเอาไว้ตามร่างกายเจ้าค่ะ “
”หึ หึ มีผู้ค้นหามันซินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
ท่านแม่ทัพหัวเราะดังขึ้นมาแล้วดึงมือของนางมาจุมพิต ก่อนจะทำท่ายั่วยวนขึ้นมา
”เพราะเจ้าขโมยป้ายหยกออกไป ข้าจึงแต่งภรรยาเข้ามามิได้ อีกทั้งยังไปเที่ยวหอคณิกาก็มิได้ เช่นนั้นในยามนี้ย่อมเกิดความราคะ เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร จะช่วยข้าได้อย่างไร หืม “
”ข้ามิรู้เจ้าค่ะ ข้ามิเคยผ่านบุรุษใด “
“มิเคยเลยเช่นนั้นหรือ ”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามนางขึ้นมาและทำสายตาหวานเชื่อมขึ้นมาอย่างหน้าทน ม่านหรงหลุบดวงตาลงไปและส่ายหัวไปมาน้อยๆ บุรุษแลบลิ้นออกมาไล้เลียนิ้วมือของนาง ร่างบางพยายามขืนดึงเอาไว้ และร้องออกมาในที่สุด
“อย่าเจ้าค่ะ อรื้อ อรื้อ ท่านแม่ทัพ ”
บุรุษดูดนิ้วมือของนางแล้วคายออกมาช้าๆ ก่อนจะสั่งนางขึ้นมา
“นำผ้าเช็ดตัวมาเช็ดกายให้ข้า แล้วเจ้าจงชำระกายเสียให้ดี ข้าจะตรวจดูร่างกายเจ้าว่าในกายนั้นมีอาวุธใดติดกายไว้บ้างหรือไม่”
ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาอีกครั้ง นางขยับไปนำผ้ามาเช็ดกายของท่านแม่ทัพ ก่อนที่จะถูกจับมือลงไปแตะที่แก่นกายที่ทั้งนิ่มทั้งร้อนและคล้ายมันเป็นเนื้อห่มก้อนหินที่ภายในคล้ายกับว่ามีกระดูกอยู่ภายใน แม่ทัพโจวทำหน้าตากรุ้มกริ่มดึงมือของนางต่ำลงไป
“เช็ดที่นี่ให้ข้าด้วย มิเช่นนั้น ข้าจะป่วยไข้ได้ ”