ฉายา ‘แบล็กกัน’ อันลือลั่น ทำให้แก๊งอาชญากรรมทั้งหลายต่างให้การยอมรับนับถือ ขณะเดียวกันก็เกิดความยำเกรงจนกลายเป็นความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
แบล็กกันคือใคร ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน รู้เพียงแค่ว่า เมื่อใดที่แบล็กกันคิดจะลงมือกับใคร ต่อให้ป้องกันดีแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีใครรู้ว่าแบล็กกันเป็นใครก็ตาม แต่ในทางลับก็ยังเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเพชรกล้า ประธานบริษัทพีพีโฮมแคร์อยู่ไม่น้อย
เพราะฉะนั้น เหล่าแก๊งอาชญากรรมทั้งหลายจึงได้นึกหวั่นใจว่า เมื่อภรรยาของเพชรกล้าถูกลอบสังหาร ก็น่าจะมีการตามล้างตามเช็ดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน มีกระแสการเรียกตัวมือปืนระดับพระกาฬกลับมาทำหน้าที่คุ้มกันเหล่าหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมทั้งหลาย
ณ แก๊งหนึ่งในจำนวนหลายแก๊ง...
แก๊งนี้ชื่อ กะโหลกดำ!
ลักษณะที่มองจากด้านนอกเป็นเพียงโกดังเก็บของสภาพไม่สู้ดีเท่าไรนัก แต่เมื่อผ่านเข้ามาข้างใน กลับพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ แต่ละคน พกปืนไม่น้อยกว่าสองกระบอก
กะโหลกดำ อาชีพที่สร้างเงินสำหรับพวกมันก็คือ การติดตามทวงหนี้ และยังรวมถึงการเก็บค่าคุ้มครอง หัวหน้าแก๊ง เป็นชายหนุ่มที่
หัวหน้าแก๊งยังเป็นหนุ่ม อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ แต่ต้องเรียกว่าเป็นตัวจี๊ด เพราะเคยติดคุกเด็กมาตั้งแต่อายุสิบสี่ปีเท่านั้น เป็นคดีร้ายแรงด้วย คือฆ่าคน
การที่มีคนให้การยอมรับนับถือได้ขนาดนี้ ย่อมแปลว่าฝีมือฉกาจฉกรรจ์ รวมถึงเคยมีประวัติอาชญกรรมมาอย่างโชกโชน
รูปร่างผอมสูง ดวงตาเรียวเล็กทรงอำนาจ
“พี่กลัวไอ้แบล็กกันหรือเปล่าครับ” สมุนถามขึ้น
“กูแค่ไม่ประมาท” เด่น ราชัน หัวหน้าแก๊งกะโหลกดำวัยยังไม่ครบยี่สิบตอบน้ำเสียงราบเรียบ “เพราะชื่อนี้เลื่องลือมานานแล้ว ตั้งแต่กูยังอยู่ในคุก”
“ครับ พวกเราต่างเคยได้ยินเหมือนกัน”
“มันฆ่าคนจริง โหด ทำงานเร็วด้วย ตำรวจไม่เคยจับตัวมันได้แม้แต่ครั้งเดียว”
“พวกเราคงไม่เกี่ยวมั้งครับพี่”
“ก็ไม่แน่”
“อีกอย่างนะพี่ ก็แค่เมียของไอ้นักธุรกิจใหญ่เพชรกล้า ภราดร”
“วงในรู้กันว่าไอ้นี่มันอาจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแบล็กกัน”
“พี่จึงต้องเรียกมือพระกาฬมาเตรียมเอาไว้”
“ใช่ ยอมเสียเงินสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน”
“ขอบคุณครับพี่ที่ยังนึกถึงพวกเรา”
“กูอยู่ได้มาหลายปี เพราะความไม่ประมาท” ไอ้เด่น ราชันพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกับจะภาคภูมิใจตัวเองอยู่ไม่น้อย เหล่าสมุนส่วนใหญ่อายุมากกว่า ก็ต้องให้การยอมรับว่าวิธีคิดของชายหนุ่มผู้นี้เหนือกว่าพวกมันเป็นไหน ๆ “เอาละ ต่อจากนี้ไป พวกเรายังคงทำงานเหมือนเดิม ใครมีภารกิจอะไรก็ทำตามแผน”
“ครับลูกพี่”
**//**
ร่างสูงหยุดอยู่เบื้องหน้ารูปภาพที่แขวนอยู่บนผนังของบ้าน เพชรกล้า ภราดร ซ่อนดวงตาที่ยังแดงก่ำด้วยบอบช้ำไม่หายไปง่าย ๆ จากอาการหม่นเศร้า
เหตุการณ์แห่งความสุขกลับมาฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในหัวของเขา
เวลานี้เหลือเพียงความเงียบงัน มันเงียบเสียจนกระทั่งได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ
มันหมดเวลาเสียใจแล้วละ นับจากนี้เป็นต้นไป คือการเริ่มต้นควานหาเจ้าของปิ่นปักผมสัญลักษณ์ข้อความ sunshine lady
ไม่ว่ามันจะอยู่นรกขุมไหนก็ตาม เขาจะต้องตามไปลากคอมันมาสับเป็นชิ้น ๆให้สาสมกับความแค้น
“นายครับ”
เสียงเรียกดังขึ้นอย่างเกรงใจ จากเบื้องหลังของเพชรกล้า
“ว่า...”
“นายจะให้ผมรับหน้าที่แทนในบริษัททุกอย่างจริง ๆ หรือครับ”
“ฉันบอกแกไปแล้ว”
“เอ่อ...”
เพชรกล้าหมุนร่างมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มรุ่นน้อง แต่เป็นคนที่ติดตาม ทำงานรับใช้เขาตลอดมา จนได้รับความไว้วางใจ
เขาชื่อ อาร์ม ภาคิน
เส้นทางชีวิตของอาร์ม ภาคิน มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ด้วยความซื่อสัตย์ของเขา จนกลายเป็นที่มาของโอกาสครั้งสำคัญ
“แกเป็นคนดี มีความรู้ และมีความซื่อสัตย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ฉันจึงเชื่อว่าพีพีโฮมแคร์จะยังคงเจริญก้าวหน้าต่อไปด้วยฝีมือการบริหารของแก”
“แต่นาย...”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปทำหน้าที่ของฉัน แกไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น”
“นาย ได้โปรดอนุญาตให้ผมกราบเท้านายสักครั้ง”
อาร์ม ภาคินหลุดปากออกมา ก่อนจะทรุดร่างคุกเข่าลงต่อหน้าของเพชรกล้าแล้วก้มกราบแทบเท้าของผู้เป็นนาย เพชรกล้านิ่งงัน สุดท้ายก็หมุนร่างก้าวออกไปจากห้องโถงนั้น
เสียงคำรามของบิ๊กไบค์ส่วนตัวของเพชรกล้าคำรามกระหึ่ม ทะยานออกไปจากอาณาจักรพีพีโฮมแคร์ และอาจจะเป็นการจากไปชั่วชีวิตก็เป็นได้
อาร์ม ภาคินถอนใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คราวนี้จะเป็นทั้งโอกาส และเป็นทั้งภาระครั้งสำคัญในชีวิตของตัวเอง
ความตายของดาริน พงศ์นาวิน ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ เพราะตลอดระยะเวลาที่อาร์มทำงานรับใช้เพชรกล้า เขาได้เห็นความรักความห่วงใยที่เพชรกล้ามีต่อดาริน
พวกเขารักกันชนิดที่ว่าสามารถตายแทนกันได้
เมื่อดารินถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยที่ยังจับมือใครดมไม่ได้ เพชรกล้าจึงต้องออกโรงเพื่อล้างแค้นด้วยตัวเอง ไม่อยากจะคิดว่านับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร
“ขอให้เจ้านายปลอดภัยด้วยเถอะ เจ้าประคู้ณ” อาร์ม ภาคินยกมือท่วมหัว แล้วก็ให้รู้สึกราวกับว่าหัวไหล่ของเขาหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้ว่าอาร์มจะคุ้นเคยกับที่นี่ ชนิดที่ว่ารู้ทุกอย่าง แต่ก็เป็นเพียงในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ไม่ใช่ในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุดถึงขั้นเป็นประธานบริษัทอย่างขณะนี้