วันนี้มนต์ชญาและกำปั่นยังคงพากันไปทำงานซึ่งวันนี้น้ำมนต์มีของติดไม้ติดมือมาด้วย
"เดี๋ยวขอแวะตรงศาลพระภูมิหน่อยนะ" เธอชี้มือไปที่ศาลหน้าอาคารที่ทำงานให้กำปั่นดูว่าให้เดินเลี้ยวไป
"สวัสดีค่ะท่านพระภูมิ" เธอยกมือไหว้ศาลพระภูมิและวางพวงมาลัยแขวนไว้ที่ศาล
"สวัสดีค่ะ คุณตาคุณยาย หนูเอาขนมมาฝากค่ะ หนูมาทำงานที่นี่ค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" เธอไหว้ที่ศาลตายาย วางพวงมาลัยและนำขนมกับน้ำแดงวางไว้ที่หน้าศาล
เช่นกัน
ท่านพระภูมิที่อยู่ในชุดไทยเหมือนรุกขเทวดาในหนัง และสองตายายที่อยู่ในชุดขาวทั้งคู่ยืนยิ้มและพยักหน้าเป็นการตอบรับ
"น้ำมนต์ ฉันขอได้ไหม แกไหว้เฉยๆแต่ไม่ต้องคุยกันได้ไหมวะ" กำปั่นเองรู้ดีว่ามนต์ชญาสามารถมองเห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้แต่เขาก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้เสียทีในการที่
เธอพูดกับใครที่เขามองไม่เห็นด้วย
"สวัสดีจ้ะ ท่านพระภูมิ สวัสดีจ้ะตาจ๋า ยายจ๋า วันนี้หนูขออนุญาตเข้าไปนะจ๊ะ" สองรักยมยกมือไหว้เสียงแจ๋วแต่ท่าทางแอบอยู่ข้างหลังของมนต์ชญา เพราะเมื่อวานนี้มนต์ชญา
ลืมมาไหว้เพื่อขออนุญาต ท่านเจ้าที่เลยไม่ให้เข้าไปแต่สองรักยมก็อาศัยแอบเกาะแพรวพราวเข้ามาแทน
มนต์ชญาไหว้เสร็จก็เดินกันเข้าไป โดยเจ้าสองรักยมค่อยๆย่องตามเธอไปหลีกเลี่ยงการสบตากับท่านเจ้าที่ กำปั่นเองก็พาลมองซ้ายมองขวาระแวงหลังตามไปด้วย
"สวัสดีค่ะพี่แพรว สวัสดีค่ะพี่ๆ" มนต์ชญาและกำปั่นทักทายแพรวพราวและทีมงานคนอื่นๆ
"สวัสดีจ้ะมาพอดีเลย วันนี้เธอสองคนเดี๋ยวมาช่วยคอยดูแแลคีตะเขาด้วยนะ วันนี้จะมีแฟนคลับมีตติ้งประชาสัมพันธ์งานคอนเสิร์ต น่าจะวุ่นวายหน่อยเพราะคนทยอยกันมา
เยอะน่าดู คอยช่วยทีมงานกันคนไม่ให้เข้ามาถึงตัวคีตะมากเกินไปนะ ให้เขาอยู่ในโซนที่ทางเราจัดเอาไว้ให้ แล้วก็ช่วยกันเก็บของขวัญที่บรรดาแฟนคลับให้คีตะมา"
แพรวพราวบอกงานด่วนเช้าวันนี้
"ได้ค่ะ"
"ได้ครับ"
"ได้จ้ะ" สองรักยมน้อยขอตอบกับเขาด้วย
"หือ? ที่นี่มีใครเอาลูกมาด้วยหรือเสียงเด็กที่ไหน" แพรวพราวได้ยินเสียง
"ชู้วววว"มนต์ชญาทำท่าจุ๊ปาก แล้วเอามืออุดปากเจ้ารักยมเอาไว้
เมื่อถึงเวลาที่คีตะต้องออกมาพบ บรรดาแฟนคลับก็แห่หลั่งไหลกันมาอย่างคับคั่ง
"พี่คีตะ กรี๊ดๆๆๆ"
"คีตะ คีตะ"
"พี่คีย์"
"ทางนี้ทางนี้คีตะ"
เสียงสาวๆพากันร้องเรียกเซ็งแซ่ผลัดกันเรียกทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงของเขา มนต์ชญากับกำปั่นก็ตื่นตาตื่นใจไปด้วยไม่เคยเห็นฝูงชนที่ไหนมากมายขนาดนี้
"สมกับที่เป็นคนดังแฮะ น่าตื่นเต้นดีเนอะ" มนต์ชญาหันไปกระดี๊กระด๊ากับเพื่อนรัก
"สุดยอด ฉันอยากดังแบบเขามั่งจัง ดูสิทั้งของกิน ของแพงๆคนแห่ซื้อมาให้ผู้ชายคนนี้คนเดียว"กำปั่นทึ่งในความดังของคีตะ
เพื่อนรักสองคนเดินไปอยู่ในจุดที่แพรวพราวได้บอกเอาไว้พร้อมทั้งยืนรับของจากมือคีตะที่คอยส่งให้ไปเก็บด้วย
"ตุบ" เสียงกล่องของขวัญหล่นเพราะมนต์ชญารับพลาด
"ระวังหน่อยสิของแพงนะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้พี่คีย์นะ" แฟนคลับสาวคนหนึ่งหันมาโวยวายใส่มนต์ชญา
"ขอโทษๆค่ะ" มนต์ชญาหน้าเสียขอโทษและรีบเก็บกล่องขึ้นมาปัดฝุ่นและรีบเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ ระหว่างที่เธอกับกำปั่นกำลังช่วยกันรับของและเอามาวางกองที่โต๊ะนั้น เธอก็
รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างจากของขวัญกองนี้ แต่ยังไม่รู้ว่ามาจากชิ้นไหน
"หึ! ทำไมมีความรู้สึกแปลกๆเหมือน...ไอวิญญาณ" มนต์ชญาสงสัยแต่ด้วยความวุ่นวายในงานที่กำลังยุ่งอยู่จึงได้แต่คิดและปล่อยไปก่อน
"คีตะ!" นอกจากความรู้สึกแปลกๆเธอเริ่มเห็นเงาสีเทาอยู่รอบๆตัวเขา
เธอเห็นเพียงครู่เดียวแล้วมันก็ผ่านไป
"นี่ฉันทั้งตาฝาดหูฝาดเลยหรือนี่" ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะเจอะเจออะไรในที่มีคนมากมายและโดยเฉพาะในเมืองกรุงเช่นนี้ เธอจึงเริ่มสับสนว่าเหนื่อยจนคิดไปเองหรือเปล่า
............................................................................................
"ทำไมพี่รู้สึกขนลุกแปลกๆนะ" แพรวพราวเดินบ่นตลอดงานว่าเธอรู้สึกแปลกๆ
"ไม่สบายหรือเปล่าคะพี่" มนต์ชญาถามผู้จัดการสาวของซุปตาร์
"ไม่นะ พี่แค่รู้สึกขนลุก เอ เค้กกล่องนี้น่ากินแฮะ แฟนคลับคีย์นี่เข้าใจซื้อมา" แพรวพราวยกกล่องเค้กขึ้นมาดูซึ่งด้านหน้าเป็นพลาสติกใสมองเห็นหน้าเค้กที่มีข้อความหวานๆให้คีตะ
"ระวังหน่อยค่ะ เค้กกล่องนี้ให้พี่คีย์คนเดียวนะคะ คนอื่นห้ามทาน" แฟนคลับสาวคนหนึ่งวัยยี่สิบกว่าๆสวมแว่นดำและหน้ากากอนามัยปิดปากพูดขึ้นเมื่อเห็นแพรวพราวมาแตะต้องของที่เธอตั้งใจมอบให้กับซุปตาร์ในดวงใจ แสดงความเป็นเจ้าของผู้ให้เค้กกล่องนี้
"จ้า ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะพี่ดูแลให้อย่างดีไม่มีใครกินแน่นอน" แพรวพราวจำต้องหันไปพูดเพื่อให้แฟนคลับสาวสบายใจ
"อย่าลืมนะคะ ให้พี่คีย์กินได้แค่คนเดียว" เธอยังย้ำก่อนรีบเดินลิ่วหายไป
"พวกแฟนคลับนี่บางทีก็มีแปลกๆเยอะ อย่างนี้เป็นต้น เธอต้องทำใจหน่อยนะจ้ะ" แพรวพราวหันไปพูดพร้อมยักไหล่สองข้างให้มนต์ชญา แต่นั่นน่าจะหมายถึงตัวเธอเองด้วยที่ต้องทำใจ
......................................................