ลางสังหรณ์ของภัยจะมาเยือน

1430 คำ
คีตะกลับถึงบ้านอาบน้ำเรียบร้อยก็มากระโจนตัวลงโซฟาเบดห้องนั่งเล่น เขาหยิบขวดน้ำหวานขึ้นมาดื่มก็ทำให้นึกถึงใบหน้าของใครคนหนึ่ง "น้ำหวาน" เสียงแว่วผ่านหูเขา "น้องน้ำหวานน่ารักดีนะ" เขานึกถึงน้ำหวานคนที่เป็นทีมงานในกองถ่ายละคร "ไปหาน้ำหวาน" เสียงนั้นกระซิบที่ข้างหู "น้ำหวานอยู่ไหนนะ พรุ่งนี้หาโอกาสคุยด้วยดีกว่า" เสียงที่ลอยมาโน้มน้าวให้เขาเกิดความคิดถึงสาวน้อยคนนั้น คีตะไม่เคยทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดแต่ครั้งนี้ กลับรู้สึกร้อนรุ่มอยากเจอแต่หน้าเธอคนนี้เป็นพิเศษ ....................... "น้ำมนต์เป็นไงบ้างจ๊ะ ทำงานกับซุปตาร์ของพี่" แพรวพราวโทรหามนต์ชญาถามไถ่ "อยากรู้เรื่องคนหรือเรื่องผีก่อนดีคะพี่แพรว" "ห๊ะ! เจอผีอีกแล้วหรือ" แพรวพราวยังทำใจไม่ได้กับการเจอผี "ใช่ค่ะ คราวนี้ตัวใหม่ ปกติคุณคีตะเขามีศัตรูที่ไหนบ้างหรือเปล่าคะ" "มีอะไรหรือจ๊ะ ทำไมถึงถามแบบนี้" "น้ำมนต์คิดว่ามันต้องมีคนส่งวิญญาณพวกนี้มาค่ะ" "ถ้าคนหมั่นไส้มันก็มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดานะแต่ถึงขั้นเกลียดแล้วอยากเล่นงานเขาพี่เองก็นึกไม่ออกว่าจะมีได้ อย่างมากก็พวกเกรียนคีย์บอร์ด โรคจิตมากกว่า" "เป็นไปได้ไหมที่ตาคีย์อาจจะเผลอไปลบหลู่อะไรเข้าแล้วมันตามมา" แพรวพราวรู้นิสัยที่คนอย่างคีตะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอาจจะมีปากพล่อยไปบ้าง "ก็อาจเป็นได้ค่ะ แต่เซ้นส์น้ำมนต์บอกว่ามันมีคนส่งมาโดยตรง" "แล้วเราจะรู้ได้ยังไงจ๊ะ" "นั่นแหล่ะค่ะที่น้ำมนต์คิดไม่ตก แต่ปล่อยๆไปก็ดีนะคะน้ำมนต์เริ่มจะหมั่นไส้เต็มทีทั้งขี้เก๊กทั้งปากร้าย" "โอ๊ะ! ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวงานหายจ้ะ" แพรวพราวไม่ตกหล่นเรื่องผลประโยชน์ "คอยดูนะถ้าปากเสียกับน้ำมนต์มากๆน้ำมนต์จะส่งผีไปหักคอ" "ฮะๆๆ งั้นเรื่องคนพี่คงไม่ต้องถามแล้วมั้งจ๊ะว่าทำงานด้วยกันเป็นยังไงบ้าง" แพรวพราวหัวเราะแห้งๆ .................. "อีชบา เอ็งไปเรียกมันให้ตามเอ็งออกไปให้ได้ แล้วกลับมารายงานข้าด้วยว่าไอ้อีหน้าไหนมันมีของดีช่วยมันเอาไว้" ชายชุดดำสั่งวิญญาณนังชบาด้วยจิตในท่านั่งสมาธิและสองมือพนม วิญญาณชบากลับมารายงานเรื่องราวและเมื่อได้รับคำสั่งใหม่วิญญาณก็กลายเป็นควันสีดำค่อยจางหายไป ............... "เพล้ง!" เสียงจานหลุดออกจากมือแล้วร่วงหล่นจนแตก "น้ำมนต์" ทันทีที่จานหล่นแตกสิ่งแรกที่บุญล้อมนึกถึงคือลูกสาวคนเดียวของเขา บุญล้อมเดินไปที่หน้าหิ้งพระจุดธูปไหว้พระแล้วนั่งทำสมาธิสักครู่ก็ลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "ตื๊ดดดด" บุญล้อมไม่รอช้าโทรหาลูกสาวทันที "จ้าพ่อ" มนต์ชญารับสายอย่างไวเมื่อได้ยินเสียง "เป็นไงบ้างลูกไม่ค่อยได้โทรหาพ่อเลย" "แหมพ่อล้อมก็มีสปายสายสืบคอยรายงานแล้วตั้งสองตัวโทรทำไมให้เปลืองเงิน" เธอหมายถึงสองรักยมตัวจ้อย "พ่อรู้สึกสังหรณ์ใจ เลยต้องโทรมาดูมาลูกพ่อยังสบายดีไหม" น้ำเสียงบุญล้อมฟังดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไร "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพ่อ น้ำมนต์สบายดีมีงานทำได้เงินดีด้วยนะ" "ยังไงก็ระวังตัวด้วย ไม่ใช่แค่คน ระวังทุกๆอย่าง" บุญล้อมพูดเป็นนัยๆ "พ่อล้อมมีอะไรจะเตือนน้ำมนต์หรือเปล่าจ๊ะ" มนต์ชญาเริ่มเอะใจน "สร้อยพระเอ็งยังใส่อยู่หรือเปล่าคาถายังท่องได้ไหม แล้วมีดหมอด้วย" บุญล้อมร่ายที่ละรายการ "ทุกอย่างอยู่กับน้ำมนต์ครบจ้ะรวมถึงสติสัมปชัญญะของน้ำมนต์ก็อยู่ครบ" เธอกระเซ้า "อย่าทำเป็นเล่นไปเชียว คับขันเมื่อไรจงมีสติให้จริง" บุญล้อมสั่งเป็นมั่นเหมาะเหมือนคาดการณ์แล้วว่าอาจจะมีเหตุเกิดขึ้น "เออ พ่อ พูดถึงเรื่องนี้น้ำมนต์มีเรื่องแปลกจะเล่าให้พ่อฟัง" "เรื่องอะไรว่ามา" "คนที่น้ำมนต์ทำงานด้วยกับเขา เขามีอาการแปลกบ่อยๆเหมือนมีบางอย่างตามรังควาญเขาอยู่ น้ำมนต์ช่วยไล่ไปหลายทีแต่ก็ยังมาไม่จบสิ้น แถมเจ้าตัวกลับไม่เชื่อเรื่องนี้อีก" "เอ็งช่วยเท่าที่ช่วยได้พอ อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เอ็งยังเด็ก หากสิ่งเหล่านี้มาจากคนมีวิชชาเอ็งจะซวยเอา" "ซวยยังไงพ่อ" "ก็ถ้ามันมาจากการที่มีคนส่งมา พวกนี้มันนกรู้ว่าใครเข้ามาขวางทางมัน มันก็จะเล่นงานเอ็งแทนน่ะสิ เอ็งทำได้แค่ป้องกันตัวแต่เอ็งยังกระดูกเบอร์เล็กนักที่จะไปต่อกรกับใครเขา" "ไม่ต้องห่วงนะพ่อ น้ำมนต์เอาตัวรอดได้" "สวดมนต์ทุกวันนะลูก" คำสั่งอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมา "จ้าพ่อล้อม" หลังจากวางสายบุญล้อมเธอก็นึกขึ้นได้ว่าแพรวพราวสั่งไว้เรื่องงานที่ต้องบอกกับคีตะ "ฮัลโหล คุณคีตะ พรุ่งนี้กองถ่ายขอคิวด่วนมานะคะพี่แพรวสลับคิวกับอีกงานให้แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่กองละครเรื่องเพื่อรักนะคะ" มนต์ชญาโทรรายงานคีตะถึงการเปลี่ยนแปลงงาน "อืม เข้าใจแล้ว" เขาตอบรับเสียงเหนื่อยหน่ายซึ่งไม่รู้ว่าเหนื่อยงานหรือว่าเหนื่อยที่จะคุยกับมนต์ชญา เขาโยนมือถือลงบนเตียงเมื่อกดวางสาย "กองละครเพื่อรักหรือ งั้นแปลว่าก็ได้เจอกับน้ำหวานน่ะสิ" คีตะเปลี่ยนอารมณ์ยิ้มเล็กยิ้มน้อยขึ้นมา ............................ เมื่อถึงกองถ่ายละครเรื่องที่ล็อคคิวด่วนตีตะเอาไว้ สิ่งแรกที่คีตะทำเมื่อมาถึงคือการชะเง้อหาใครบางคน "ชะเง้อหาใครคะ คอยาวเป็นยีราฟแล้วค่ะ" มนต์ชญากัดเขาเมื่อพบหน้า "ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอคนอยากเจอดันไม่เห็นคนที่เห็นดันไม่อยากเจอ" คีตะตอกกลับ "ชิ ไม่อยากเจองั้นหรือถ้าไม่ใช่เพื่อเงินคนอย่างมนต์ชญาไม่ง้อหรอก หล่อตายละ" "น้ำหวาน" คีตะร้องเรียกเมื่อน้ำหวานเดินถือของผ่าน "อ้าวพี่คีย์วันนี้มีถ่ายด้วยหรือคะ" น้ำหวานทำอินโนเซ้นส์ "ครับ พี่อยากเจอน้ำหวานพอดีเลย" "อยากเจอน้ำหวานหรือคะ ล้อเล่นหรือเปล่า คนดังอย่างคีตะอยากเจอน้ำหวาน" เธอยิ้มเล่ห์มารยา "หมั่นไส้ ที่แท้ก็จ้องจะงาบเด็กในกอง" มนต์ชญาค้อนใส่ทั้งคู่แต่ไม่มีใคสนใจเธอเพราะหยอดคำหวานใส่กันอยู่ "น้ำหวานจะว่าอะไรไหมครับถ้าพี่จะขอไลน์น้ำหวานเอาไว้" "อุ๊ยด้วยความยินดีค่ะ" "ทำอะไรกันน่ะคีย์" แพรวพราวผู้ทันเกมส์เสมอเดินมายืนจังก้าหน้าคนทั้งคู่ "พี่คีย์เขาขอไลน์น้ำหวานค่ะ" เธอลอยหน้าลอยตาตอบ "เอาไลน์พี่ไปแทนแล้วกันนะจ๊ะน้ำหวาน" แพรวพราวทำท่าจะคว้ามือถือของน้ำหวานมา "ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหวานขอตัวก่อนนะคะพี่คีย์" เธอหันมาส่งสายตาเย้ายวน ถึงน้ำหวานจะเป็นแค่ทีมงานในกองแต่หน้าตาเธอก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่เป็นพริตตี้ได้ไม่ยาก ทีมงานด้วยกันเองก็คิดจะจีบเธออยู่หลายคนเช่นกัน "คีย์ อย่าเพิ่งหาเรื่องสร้างข่าวนะ จะพาลชวดงานเอา" แพรวพราวบอกเสียงจริงจัง "ครับ" คีตะตอบไปอย่างงั้นแต่สายตาไม่เกรงแพรวแพรวสักเท่าไรเหมือนโดนขัดใจ "น้ำมนต์เวลาพี่ไม่อยู่ด้วย คอยดูคีย์ให้พี่หน่อย คีย์ไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่ใช่คนจีบใครเรี่ยราด ออกจะไว้ตัวด้วยซ้ำนี่อะไรจะจีบเด็กในกอง" แพรวพราวหันมาพูดกับมนต์ชญาที่หน้าหงิกหน้างอ "เขาคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศมั้งคะพี่แพรว" มนต์ชญาประชด "เพ้อเจ้อคีย์ไม่ใช่คนแบบนั้น อ้าวแล้วนีทำหน้าหงิกทำไมล่ะ หึงเขาหรือ" แพรวพราวแกล้งว่า "หึงอะไรกันล่ะพี่แพรว หมั่นไส้สิไม่ว่า แต่ที่พี่แพรวพูดก็น่าสังเกตุนะคะ ยัยน้ำหวานนี่แหล่ะที่น้ำมนต์สัมผัสได้ว่าไม่ปกติ" ..................

อ่านด้วยแอป

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม