ผู้เป็นพ่อไม่อยากให้เสียเวลา รีบเอ่ยบอกตรงประเด็นไม่ต้องอ้อมค้อม โดยไม่ลืมเล่นละครบทโศกทำตาแดงๆ ขณะเอ่ยบอกด้วย
“พิมพอจะรู้ใช่ไหมลูกว่าสภาพการเงินของครอบครัวเขากำลังย่ำแย่ พ่อไม่ได้ทำงานแล้ว เรามีรายได้แค่เพียงเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาในบ้าน แต่ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าแสน สองแสน”
“ก็ให้คุณลีน่างดไปช้อบปิ้ง งดไปเที่ยวยุโรป งดไปกินข้าวนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายก็ลดลงเองค่ะ” พิมพ์มาดาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแขวะบิดาอีกครั้ง
ได้ยินลูกสาวพูดกับบิดาเช่นนั้น อรลดาต้องขึงตามอง พร้อมกับเค้นเสียงดุเบาๆ “พิม ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนั้นล่ะลูก”
“พิม พูดเรื่องจริงค่ะคุณแม่ ค่าใช้จ่ายที่คุณพ่อบอกว่ามากโข เกิดจากคุณลีน่าใช้เงินเปลืองราวกับว่าตัวเองผลิตแบงค์ได้”
พิมพ์มาดาไม่มีเกรงกลัวกับการเอ่ยพูดแทงใจดำบิดา ทำเอาปกรณ์ต้องนิ่งเงียบไปหลายนาทีกว่าจะเอ่ยพูดออกมาได้
“อย่าต่อว่าพี่ลีน่าเลยลูก ตอนนี้พี่ลีน่าก็กำลังช่วยพ่อประหยัดทุกวิธีทางเท่าที่จะทำได้” ปกรณ์ปกป้องลูกสาวคนโตอย่างเต็มที่
‘ลูกสาวคนโปรด แตะต้องไม่ได้เลยใช่ไหมคะ’
พิมพ์มาดากัดเม้มริมฝีปาก ต่อว่าอยู่ในใจไม่อยากเอ่ยพูดออกมา เพราะรู้ว่าคำประชดประชันของเธอจะทำให้มารดาไม่สบายใจ
“คุณพ่อจะให้พิมกับคุณแม่ช่วยยังไงคะ”
“เมื่อห้าปีก่อน พ่อทำธุรกิจผิดพลาด ขาดทุนไปหลายสิบล้าน พ่อเลยไปกู้ยืมเงินพ่อเลี้ยงตรินมาต่อยอดทำธุรกิจ พ่อเลี้ยงไม่คิดดอกเบี้ย แต่พ่อต้องเอาโฉนดที่ดินผืนนี้ไปค้ำประกัน และตอนนี้พ่อเลี้ยงตรินก็ทวงเงินของเขาแล้ว แต่...แต่พ่อไม่มีเงินไปคืนให้เขาแม้แต่บาทเดียว...”
ในตอนท้าย ปกรณ์เอ่ยบอกเสียงขาดห้วงติดสั่นเทา แถมดวงตายังแดงก่ำ ยิ่งเป็นการเพิ่มความสงสารให้กับอรลดาผู้เป็นภรรยา
แต่กับพิมพ์มาดา หญิงสาวได้แต่เบือนหน้าหนี อีกทั้งยังพอเดาได้ว่า คนที่ต้องรับภาระคลี่คลายสถานการณ์นี้คงไม่พ้นเธอเป็นแน่ เพียงแค่ไม่รู้ว่าบิดาจะให้ช่วยอย่างไรก็เท่านั้นเอง
“คุณพี่ เป็นหนี้พ่อเลี้ยงตรินเท่าไรคะ” อรลดาเอ่ยถาม หลังจากนิ่งเงียบฟังมานาน
“ยี่สิบล้าน”
ปกรณ์เอ่ยตอบสั้นๆ ทว่าทำเอาอรลดาหน้าซีดร้องถามเสียงหลงด้วยความตกใจ
“คุณพระ! ทำไมถึงได้มากมายถึงเพียงนี้คะ”
“ลดาก็รู้ว่าพี่ทำธุรกิจขาดทุนถึงสามครั้งสามคราด้วยกัน พี่ไปยืมเงินพ่อเลี้ยงตรินหลายครั้ง กระทั่งจำนวนหนี้เพิ่มขึ้นมามาก และตอนนี้พ่อเลี้ยงตรินก็ต้องการเงินของเขากลับคืนแล้ว”
“คุณพี่บอกว่าไม่มีเงินใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงตริน แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะ”
อรลดาเป็นเดือดเป็นร้อนกับความทุกข์ของสามี แม้สามีไม่เคยดูดำดูดีนางเลย แต่เมื่อตกเป็นของปกรณ์แล้ว นางกลับรักสามีคนนี้มาก
ปกรณ์ถอนหายใจยาว ตีหน้าเศร้าสร้อย ขณะเอ่ยพูดต่อว่า “ถ้าเราไม่มีเงินไปใช้หนี้พ่อเลี้ยงตรินภายในเจ็ดวัน พ่อเลี้ยงตรินจะยึดบ้านของเรา นั่นก็หมายความว่าพวกเราจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป”
“คุณพระช่วย”
อรลดายกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจอีกหน สีหน้าเป็นกังวลแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ในขณะที่พิมพ์มาดากลับนั่งนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ให้บิดาเห็น
“เราพอจะมีวิธีแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นไหมคะ คุณพี่”
“มีสิ ลดา แต่ขึ้นอยู่กับพิม ว่าจะช่วยพ่อหรือเปล่า”
ปกรณ์หันไปมองลูกสาว ที่นั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่ออกความเห็น ไม่เอ่ยถามแม้แต่คำเดียว
“ยังไงคะ คุณพี่จะให้ลูกช่วยยังไงคะ” อรลดาเอ่ยถามต่อสีหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล
ปกรณ์ตีหน้าเศร้า เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาว่า “พ่อเลี้ยงตรินจะยกหนี้ให้พวกเราทั้งหมด หากพิมยอมแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยง”
“พิมไม่แต่ง!”
พิมพ์มาดาปฏิเสธทันควัน ดวงตากลมโตจ้องมองบิดาเขม็ง ทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียใจ ที่บิดามาหาเธอเพียงเพื่อให้เธอช่วยทำหน้าที่ล้างหนี้ให้กับครอบครัว
“พิม...ทำไมปฏิเสธแบบนั้นล่ะลูก ทำไมไม่ช่วยคุณพ่อ” อรลดาตำหนิลูกสาว
“ในเมื่อเงินที่ยืมมา คุณลีน่าเป็นคนเอาเงินไปใช้ซะส่วนมาก แล้วทำไมไม่ให้คุณลีน่าไปแต่งงานล้างหนี้ล่ะคะ ทำไมต้องเป็นพิม”
พิมพ์มาดาเอ่ยถามแทงใจดำ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอลีน่าใช้เงินมือเติบมากเพียงใด และคนที่ไม่มีงานทำอย่างอลีน่าจะเอาจากไหนมาถลุงเล่น ถ้าไม่ใช่ขอจากพ่อแม่
คราวนี้ผู้เป็นพ่อถึงกับหน้าซีด นิ่งเงียบกับคำพูดแทงใจดำที่ลูกสาวคนเล็กต่อว่ามา แต่กระนั้นก็ยังโกหกลูกสาวกับภรรยาต่อ
“พอพ่อเลี้ยงตรินต้องการให้ลูกสาวของพ่อแต่งงานกับลูกชายของเขา พ่อส่งรูปของลีน่ากับพิมไปให้ทางโน้นเลือก และลูกชายของพ่อเลี้ยงตรินก็เลือกพิม พ่อถึงต้องมาขอร้องให้พิมช่วยเหลือครอบครัวของเรายังไงล่ะลูก”
“ฮึ! ดีจังเลยนะคะ ที่หวยมาออกที่พิม” พิมพ์มาดาประชด ก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง “ยังไงพิมก็ไม่แต่งงานล้างหนี้”
ปกรณ์ตีหน้าเศร้า พร้อมกับถอนหายใจยาว พลางลุกขึ้นยืน โดยไม่ลืมบอกเสียงแผ่วเบาว่า
“พ่อไม่บังคับพิมหรอกลูก ถ้าหนูไม่อยากแต่งงานก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะไปบอกกับพ่อเลี้ยงตริน และพรุ่งนี้พ่อจะลองให้เพื่อนๆ ของพ่อช่วยหาบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่พวกเราพอจะอาศัยอยู่ร่วมกันได้ หลังจากต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้แล้ว”
เล่นละครฉากใหญ่ไปแล้ว ปกรณ์ก็ทำคอตก เดินลากเท้าราวกับหนักอึ้ง ออกจากบ้าน แต่ไม่ทันเดินพ้นจากบ้านพักหลังเล็ก อรลดาก็เอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
“คุณพี่คะ อย่าเพิ่งไปค่ะ”
อรลดาเดินเร็วๆ ไปจับมือสามีมากุมไว้ พลางเอ่ยบอกให้ปกรณ์คลี่ยิ้มออกมาได้
“เราไม่ต้องย้ายไปที่ไหนทั้งนั้น เดี๋ยวลดาจะพูดกับลูกเองค่ะ คุณพี่สบายใจได้นะคะว่าเราจะไม่เสียบ้านหลังนี้ไปแน่นอน”
“ลดา พี่ขอบคุณมาก”
ปกรณ์สวมกอดร่างเล็กของภรรยานอกสมรสไว้แน่น หายใจคล่องคอ มั่นใจว่ายังไงๆ พิมพ์มาดาก็ต้องทำตามคำสั่งของมารดา
“พี่กลับก่อนนะลดา เผื่อลดาอยากจะมีเวลาพูดกับลูกเป็นการส่วนตัว”
“ค่ะ คุณพี่ ลดาจะพูดกับลูกนะคะ”
อรลดาเดินไปส่งสามีหน้าบ้าน หลังจากสามีกลับไปบ้านใหญ่แล้ว ก็รีบเดินเข้ามาในบ้าน แต่ไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไร ก็ถูกลูกสาวเอ่ยดักคอไว้ก่อน
“พิมไม่แต่งงานแน่นอนค่ะ คุณแม่”
“พิม...แม่ขอร้องนะลูก”
อรดลาเอ่ยขอร้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลกับความทุกข์ของครอบครัว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยหว่านล้อมต่อ เพราะลูกสาวเดินเร็วๆ เป็นวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว