มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า
“ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้”
“สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้
“สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง”
“อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว
“ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว”
“ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ”
“เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย”
“อาไหน”มิคกี้งง
“ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว”
“ถ้างั้นก็ไปเลย”
“โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร
“ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี
“รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น
“ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที
“ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะโกนไล่หลัง
“เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะ อย่างไงมันก็ไปสอบแล้ว”
“สงสัยเมื่อกี้มันจะคงจะกลัวพ่อเลยไป”กำนันยืนกอดอก
“แต่แม่ว่าไม่เห็นไอ้ต่อมีท่าทีกลัวเลยนะ ท้าทายอีกต่างหาก”
“แม่จันทรา”กำนันบุญมีเสียงสูง
“ใช่ สงสัยกลัวพ่อกำนัน”จันทราถึงกับอมยิ้ม
ในระหว่างทางที่มิคกี้นั่งรถมากับอานกของเขา ซึ่งเป็นน้องกำนันบุญมีและมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน อานกของเขาเกิดความสงสัยในตัวของต่อ ที่มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างเพราะพฤติกรรมแปลกไปเยอะพอสมควร
“เมื่อกี้ยังยืนกรานว่าจะไม่ไปสอบอยู่เลย ทำไมถึงเปลื่ยนใจมาสอบล่ะ”
“ทำเพื่อพ่อกำนัน”
มิคกี้ตีเนียนเป็นต่อทันที เขาไม่เข้าใจว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาพยายามหยิกตัวเองหลายครั้ง ซึ่งมิคกี้ก็รู้สึกเจ็บเหมือนในชีวิตจริง ตอนแรกมิคกี้คิดว่าอยู่ในความฝัน แต่ตอนนี้เราเริ่มคิดว่าคงจะหลงเข้ามา และมิคกี้ยังไม่แน่ใจว่าหลงเข้ามาได้อย่างไร
“พูดเป็นเล่นไป”
“ไม่พูดเล่นหรอกครับอา รำคาญพ่อกำนันบ่นอะไรหนักหนาทั้งวัน เจอหน้าก็บ่นทันที”
“ถ้าทำตัวดีๆพ่อเขาจะบ่นทำไม”
“ผมก็ทำตัวดีตลอดเลยนะ”
“ใช่ทำตัวดีจริง แต่ไม่ใช่ในแบบฉบับในที่พ่อเขาต้องการ”
“ไม่พูดเรื่องพ่อกำนันดีกว่า แล้วอาจะพาผมไปที่ไหน”
“ก็ไปสอบไง ถามแปลกนะ”
“สอบที่ไหน ที่กรุงเทพเหรอ”
“ถามแปลกอีกแล้วจะไปทำไมที่กรุงเทพ ก็สอบที่นี่แหละ ถ้าสอบติดแล้วค่อยไปกรุงเทพ”
“ที่นี่ที่ไหนล่ะครับ”
“ที่บ้านเราไง”
“รู้แล้วที่บ้านแต่ที่นี่อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ดูมึนๆงงๆแล้วอย่างนี้จะสอบติดเหรอ”นกมีสีหน้าสงสัยและอดเป็นหวงหลานชายไม่ได้
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกกครับ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“อายังไม่บอกผมเลยครับว่าที่นี่จังหวัดอะไร”
“พิษณุโลก”
“ผมมาอยู่นี่ได้ไง ผมงงไปหมดแล้ว เมื่อคืนผมยังนั่งกินข้าวที่กรุงเทพอยู่เลย”
“อาว่าสอบเสร็จต้องไปหาหมอแล้วนะ นับวันต่อยิ่งเพี้ยนหนักขึ้น อาว่าน่าจะเป็นผลมาจากที่แพ้น็อคแล้วนั้น หัวกระแทกพื้นเลยสมองกลับ”
“อา มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”มิคกี้อยากจะเล่าความจริง แต่เขาก็ยับยั้งชั่งใจไว้ เพราะมิคกี้คิดว่าถ้าพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา และอาจบอกว่าเขาเป็นบ้าเสียสติ มิคกี้จึงนิ่งไว้ก่อน
“ทำไมจะไม่ใช่เดี๋ยวไปสอบเดี๋ยวไม่ไป แล้วที่ให้อาหาของใช้ในห้องให้นะ มันไม่ใช่ตัวตนของต่อเลย”
“แล้วต่อไปคนอย่างไงครับ”
“ก็ตรงข้ามกับต่อคนที่นั่งกับอาตรงนี้แหละ”
“บอกมาเลยครับว่านิสัยเป็นอย่างไรครับ”
“ต่อคนเดิม เป็นคนง่ายๆแต่ก็เรื่องเยอะนะ เป็นคนรักธรรมชาติ สันโดษ ชอบใช้ชีวิตในป่าในเขา ท้องทุ่งท้องไร่ ไม่ชอบเขาสังคม มีเพื่อนอยู่คนเดียวก็เกรทนั่นแหละ และไม่ชอบอะไรอย่างที่ต่อคนนี้ที่ให้พ่อกำนันหาให้ อีกข้อสำคัญเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อกำนัน บอกให้ไปซ้ายก็ไปขวา บอกให้เดินตรงก็จะเดินอ้อม ไม่เหมือนต่อคนนี้ที่ สำอางค์ พูดเก่ง ทันสมัย ทำตามที่พ่อกำนันบอกทุกอย่าง”
“คนแบบต่อเนี่ยหายากนะในสมัยที่ผมมา”
“เหรอ”
“เอ่อ คงงั้นมั้ง”
เมื่อนกและมิคกี้เข้ามาถึงในตัวเมืองพิษณุโลก มิคกี้ถึงกับตกใจเพราะเขาเห็นสิ่งต่างๆที่ดูโบราณแต่ไม่เก่าดูใหม่ ยิ่งเขาเห็นตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ สิ่งนี้แหละที่ทำให้มิคกี้แปลกใจ เพราะในกรุงเทพที่เขาอยู่ไม่มีให้ใช้แล้ว และที่เขาสงสัยสัยหนักขึ้น ทุกคนไม่มีมือถือใช้ จากที่เขาเคยเถียงกับเกรทว่าปีนี้ พ,ศ,2567 แต่ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อเกรทแล้วว่าปีนี้น่าจะ พ.ศ.2538 จริงๆ ยิ่งในบัตรประชาชน วุฒิการศึกษา ทะเบียนบ้าน อะไรต่อมิอะไรที่มิคกี้เห็นมันไม่ใช่ยุคปัจจุบัน
“อาครับปีนี้ พ.ศ.อะไร”มิคกี้ถามอานกของเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“2538 มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าจำ พ.ศ.ไม่ได้”
“จำได้ครับ ถามเพื่อความแน่ใจ”
“ต่อเอ่ย อาไม่รู้จะช่วยเองอย่างไงดี”
“ไม่เป็นไรหรอก สักพักเดี๋ยวผมก็จำใจได้ครับ”
มิคกี้ยังมึนงงไม่หายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้ก่อนที่จะมาที่นี่คือ กิ่งไม้ตกใส่ศีรษะของเขา หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ จนมารู้สึกตัวอยู่ที่บ้านกำนันบุญมี
“เดี๋ยวคืนนี้พักที่โรงงแรมก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยไปสอบ”
“ครับ”
“พักโรงแรมนี้แหละ”นกพูดขึ้น
มิคกี้มองเขาไปในโรงแรมที่มีสองชั้นไม่ใหญ่มาก และค่อนข้างเก่าพอสมควร เมื่อมิคกี้เห็นอย่างนั้นเลยไม่อยากที่จะพัก เขาอยากที่จะพักโรงแรมที่ใหญ่และหรูกว่านี้หน่อย
“เปลื่ยนโรงแรมดีกว่า ดูไม่สะอาดเลย เอาโรงแรมห้าดาวนะครับ”
“ก็ต่อไม่ชอบอะไรที่หรูหรานี่ ชอบอะไรที่เป็นแบบธรรมชาติเก่าๆ ไม่ใช่เหรอทำไมจู่ๆถึงเปลื่ยนใจซะล่ะ ทีแรกอาก็นึกว่าจะให้พักที่วัดซะอีกนะ”
“นั่นมันต่อคนเก่า ต่อคนนี้ไอโซไปโรงแรมที่หรูที่สุด เอ่อ ว่าแต่อามีเงินพอไหม”
“พ่อกำนันให้มาเยอะอยู่พอใช้แน่นอน”
“ดีเลย สอบเสร็จเราเที่ยวต่อสักคืนไหมอา ผ่านมาผมเห็นมีผับหลายที เที่ยวผับย้อนยุคก็ดีเหมือนกัน”
“เอางั้นเลยเหรอ”
“เอาสิอา”
“ต่อเปลื่ยนไปเยอะเลยนะ”
“หรือว่าอาไม่อยากเที่ยว ถ้างั้นผมก็ไม่ไปก็ได้ สอบเสร็จกลับบ้านเลย”
“อายังไมทันบอกเลยว่าไม่ไป”
“ก็ให้อาอ้ำอึ้งก็นึกว่ากลัวพ่อกำนันเลยไม่อยากไป”
“ลืมอะไรหรือเปล่า พ่อกำนันตัวดีเลยชอบเที่ยวกลางคืน เที่ยวทีหมดหลายหมื่นทิปสาวๆไม่อั้น”อานกหัวเราะ
“ว้าว อย่าบอกนะว่าพ่อกำนันมากับอานก”
“มากับอาด้วย มากับพวกกำนันตำบลอื่นด้วย ก็เพราะอย่างนี้แหละที่ต่อคนเดิมไม่พอใจ ถึงต่อต้านพ่อกำนันอย่างมาก”
“ผมเข้าใจแหละ ถ้างั้นกลับไปคราวนี้ผมจะชวนพ่อกำนันมาเที่ยวด้วย”
“ไม่สงสารแม่จันทราเหรอ”นกหันมามองมิคกี้
“ฮือ ก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้างั้นไม่เอาล่ะ ผมเที่ยวกับอาสองคนก็ได้ ว่าแต่อาไม่มีภรรยาเหรอครับ”
“ใช้คำว่าภรรยาด้วย อายังไม่มีเมียหรอก”
“อ้าว ทำไมอาไม่มีเมียอาอายุเท่าไรแล้ว”
“สามสิบห้า”
“สามสิบห้ายังมีได้อยู่ ยังถือว่าไม่แก่”
“ก็หวังว่าจะเจอเนื้อคู่สักทีนะ”
“ผมก็แปลกใจอาก็หล่ออยู่ ฐานะก็น่าจะโอเค ทำไมไม่มีใครมาชอบบ้างเหรอ”
“ก็มีนะ อายังไม่ถูกใจใครเลย”
“ธรรมดาครับในยุคที่ผมมา คนแบบอาก็เยอะอยู่เป็นโสด แต่เขาก็ไม่ได้เป็น แอลจีบีทีคิวนะ”
“แอลอะไร คืออะไรวะ”นกงง
“อ๋อ แบบชายรักชาย อะไรประมาณนี้แหละครับ”
“อ๋อ อาเข้าใจ”นกพยักหน้า และแอบงงกับคำพูดของต่อ”
เมื่อนกเข้าใจในสิ่งที่มิคกี้พูดเขาก็นิ่งไปพักใหญ่ และขับรถหาโรงแรมหรูที่สุดในพิษณุโลกพัก ตามความต้องการของหลาน
ในที่สุดมิคกี้และนกก็ได้มาพักโรงแรมสุดหรู ซึ่งทั้งสองได้พักห้องเดียวกัน ในส่วนของมิคกี้ก็ค่อนข้างพอใจความหรูพอสมควร แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เขายังไม่ค่อยพอใจ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้บ่นอะไรกับอานกของเขา เพราะมิคกี้เริ่มจะเชื่อสนิทใจแล้วว่าเขาหลงมาในยุคก่อนสองพัน และยิ่งย้ำความเชื่อมากขึ้น เมื่อเห็นอาของเขาโทรหาพ่อกำนันบุญมี จากโทรศัพท์ของโรงแรม
“อาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือเหรอครับ”มิคกี้แกล้งถาม
“มันไม่มีให้ใช้ ถ้ามีทำไมอาจะไม่ใช้ล่ะ แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ ไอ้โทรศัพท์มือถือของต่อเนี้ย”
“โทรศัพท์ก็ประมาณเท่าฝ่ามือนี่แหละ เราสามาถพกไปไหนด้วยได้ตลอด โทรเห็นหน้ากันด้วยนะ พูดแล้วอยากพาอาไปด้วยจังเลย”
“อาสักอยากเห็นซะแล้ว”นกพูดจบก็แอบขำในใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เพราะรักษาน้ำใจของต่อไว้ เพราะเขายังเชื่อว่าต่อน่าจะมีปัญหาทางสมอง
“ถ้ามีโอกาสพาอาไปได้ ผมจะพาอาไปคนแรกเลย”
“ไม่ใช่เกรทเหรอ”
“ทำไมต้องเป็นเกรท”
“ก็เพื่อนสนิทกันมากนี่ไม่ใช่เหรอ”
“เกรท ไม่ใช่เพื่อนผม”
“ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน แถมเกรทยังมานอนที่บ้านพ่อกำนันบ่อยๆ”นกมีสีหน้าสงสัย
“เกรทเป็นแฟนผม”มิคกี้เข้าใจอย่างนั้นมาตั้งแต่ไก่โกหกว่าเกรทเป็นแฟน
“อะไรนะ”นกมีน้ำเสียงที่ตกใจ
“เกรทเป็นแฟนผม อานกฟังไม่ผิดหรอก”มิคกี้ยิ้ม
“ล้ออาเล่นหรือเปล่า”
“จะไปล้ออาทำไม”
“แสดงว่าเราสองคนก็คงมีอะไรกันแล้วใช่ไหม”
“แหม คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีบ้างนั่นแหละ”
เมื่อนกฟังมิคกี้พูดจบเขานิ่งไปชั่วครู่ เพราะนกไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหลานของเขาจะกล้าพูดอย่างนี้
“อาเป็นอะไรไปเหรอ”
“อายังช็อคอยู่”
“ไม่ต้องช็อคหรอก ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าเพศไหนก็ชอบกันได้”มิคกี้ยิ้มและนั่งใกล้ๆนก ส่วนนกก็ขยับนั่งออกห่าง
“อาหนีผมทำไม ผมไม่ทำอะไรอาหรอก อาเป็นอาผม”
“อา เอ่อ “
“เดี๋ยวผมอาบน้ำก่อนนะ”มิคกี้ยิ้มให้นก ส่วนนกยิ้มแหยๆด้วยความประหลาดใจ