“ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!”
“คุณหนูเจ้าคะ ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปนั่งตากน้ำค้าง เห็นไหมเล่า? ไข้หวัดคงจะถามหาท่านแล้ว”
“ข้าว่าไม่นะ ที่จามนี่อาจจะเป็นเพราะมีคนกำลังนินทาข้าอยู่ก็เป็นได้”
“ถ้าคุณหนูว่าอย่างนั้น ก็คงต้องจามตลอดเวลาแล้วล่ะเจ้าค่ะ คนนินทาคุณหนูน้อยซะเมื่อไหร่? ทั้งในจวนเราเอง ทั้งนอกจวน” ปังฮุ่ยหัวเราะคิกๆ
“เสี่ยวฮุ่ย เจ้าไม่พูดข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ นี่คงไม่อยากจะกินข้าวเย็นแล้วล่ะสิ ถึงได้พูดเรื่องจริงออกมาเช่นนี้”
ครั้นเห็นนายสาวหน้าตึง ปังฮุ่ยก็ยกมือขึ้นปิดปากทันที
“คุณหนูว่าหัวหน้าโหยวอีจะหาคนมาดูแลคุณหนูได้ไหมเจ้าคะ? ข้าล่ะกังวลจริงๆ หากบุรุษที่หามาให้มิใช่คนดี จะไม่กลายเป็นต้านเสือที่ประตูหน้า หมาป่ากลับเข้าประตูหลังหรอกหรือเจ้าคะ?”
“ยามนี้ภัยร้ายยังอยู่ในรั้วจวน เจ้าคิดว่าพวกเราคล้ายถูกขังรวมกับฆาตกรอยู่เชนนี้ คิดว่าตนเองยังปลอดภัยอยู่หรือ?”
ปังฮุ่ยกับปังหมิ่นสีหน้าตื่นตระหนก พวกนางเข้ามาในจวนนี้ตอนคุณหนูแปดอายุสิบขวบ เคยเห็นการทะเลาะทุ่มเถียงของคนในจวนมามากมายแต่เพิ่งมีการตายที่น่าสะพรึงกลัวก็ในปีนี้
“หัวหน้าโหยวจะหาคนได้วันใดก็สุดรู้ ขอเพียงให้เขาหามาให้เร็วที่สุดเถอะ” ฉงหยวนหยวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าตนเองมีศัตรูหลายคน หากจะนับจริงๆ อนุภรรยาทุกคนของบิดาล้วนเป็นคนที่นางเคยมีเรื่องมีราวทะเลาะเบาะแว้งมาด้วยแล้วทั้งสิ้น แต่ยังไม่มั่นใจว่าผู้ใดกันที่อำมหิตถึงขั้นลงมือฆ่าฉงเยว่ได้ลงคอ แม้ต่อหน้าฉงเยว่นางจะยอมเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สาม แต่ในใจกลับไม่เคยนับถือแม้สักน้อย
“จะไปว่าคุณหนูสามก็เคยมีเรื่องกับอนุหนงถึงขั้นตบตีกันมาแล้วนะเจ้าคะ หรือว่าจะเป็นฝีมืออนุหนง” ปังฮุ่ยปักใจยิ่งนักว่าน่าจะเป็นฝีมือของอนุหนง ผู้มาจากหอคณิกาเมืองฉู่จิ่ง
“ข้าเองก็สงสัย อนุหนงนางดูเงียบๆ แต่บทจะร้ายก็ไม่ใช่ธรรมดา นางเป็นหญิงคณิกามาก่อน ย่อมคุ้นเคยและมีเล่ห์เหลี่ยมพอตัวไม่เช่นนั้นท่านพ่อจะยอมรับนางเป็นอนุหรือ?”
ฉงหยวนหยวนเคยได้ยินบ่าวและสาวใช้ซุบซิบกันว่าในยามที่บิดาไปเยือนเรือนของอนุหนงนั้นนางจะคอยเอาอกเอาใจรับใช้เป็นอย่างดี อนุหนงเพิ่งมาอยู่ในจวนนี้ได้ไม่ถึงปี ไม่กี่เดือนก่อนนางล้มป่วย ท่านหมอเวิงอันถูกเชิญให้มาตรวจร่างกาย ใต้เท้าฉงได้รับการยืนยันจากหมอเวิงว่าอนุหนงไม่สามารถมีบุตรได้เพราะนางดื่มยาห้ามครรภ์ติดต่อกันเป็นเวลานาน แม้นางจะอายุเพียงยี่สิบกว่าปีแต่เพราะเป็นหญิงคณิกามาตั้งแต่อายุสิบแปด ยามนี้มดลูกของนางจึงถูกฤทธิ์ของยาห้ามครรภ์ทำลายไปมากแล้ว
อวี๋ฮูหยินและอนุภรรยาทั้งหลายจึงรู้สึกสบายใจยิ่งนัก เพราะหากอนุหนงมีบุตรหรือบุตรีขึ้นมา ย่อมเป็นที่อับอายคนทั่วทั้งเมืองหลวงแน่ ต่อให้บุรุษทั้งหลายจะนิยมเที่ยวหอคณิกาแต่การรับพวกนางมาเป็นภรรยาหรืออนุภรรยาในหมู่ขุนนางแล้วถือเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ ทว่าใต้เท้าฉงกลับเป็นผู้ไม่ยอมฟังคำผู้ใดเขายืนยันจะพานางเข้าจวนให้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็จนใจจึงได้แต่โมโหบุตรชายจนไม่ยอมออกมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร อยู่ในเรือนใหญ่ด้านตะวันออกของจวนอยู่กับหลานชายคนโตและหลานสะใภ้
หลังจากมีมือปราบนับสิบนายมาตรวจตรารอบจวนและอยู่เฝ้าข้างในสามวัน ใต้เท้าฉงก็ให้ทุกคนกลับไปท่ามกลางเสียงคัดค้านของอวี๋ฮูหยินและบรรดาอนุภรรยาทั้งหลายที่เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก
“เอาเถิดๆ ข้าได้เพิ่มจำนวนบ่าวรับใช้ที่พอจะมีฝีมือเข้ามาคอยช่วยดูแลภายในจวนอีกห้าคนแล้ว พวกเจ้าสบายใจได้ ต่อไปหากมีคนคิดทำเรื่องไม่ดีคนพวกนี้จะจัดการคนร้ายได้แน่”
ด้วยความช่วยเหลือของหัวหน้ามือปราบโหยว ใต้เท้าฉงจึงได้ว่าจ้างคนคุ้มภัยจากสำนักคุ้มภัยเทียนเทพสามคนและมีมือปราบสายลับแฝงตัวมาอีกสองคน พวกเขามาอยู่ในจวนสกุลฉงในฐานะผู้คุ้มกัน คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ในจวน
อนุภรรยาทั้งหลายมีสีหน้าดีขึ้นแต่ก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดี ยามนี้ศพของคุณหนูสามฉงเยว่ที่เพิ่งได้รับกลับจากสำนักมือปราบเมื่อวันก่อน ทั้งยังเพิ่งอยู่ในขั้นตอนงานพิธี หลังจากชันสูตรศพโดยละเอียดแล้วพบว่าถูกมีดสั้นเสียบเข้าตรงหัวใจอย่างฉับพลัน จวนสกุลฉงจึงเต็มไปด้วยเรื่องราววุ่นวาย ไหนมือปราบจะเข้าตรวจค้นทุกห้องหออีกรอบเพื่อค้นหาหลักฐาน และยังต้องจัดพิธีศพให้คุณหนูสามอย่างสมเกียรติ
คุณหนูแปดลืมเรื่องที่นางไปปรึกษาหัวหน้าโหยวอีเสียสนิท กระทั่งบิดาได้เรียกให้นางเข้าไปพูดคุยในห้องหนังสือ
“พ่อได้เตรียมคนมาไว้คุ้มกันเจ้าเป็นการเฉพาะแล้ว”
“ผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
“จั๋วเหรินหาว มือปราบคนที่หน้าตาคมคายหน่อย คนที่ไปดูแลเจ้าในงานเลี้ยงหาคู่อย่างไรล่ะ? เขาเป็นคนสนิทของหัวหน้าโหยวอี”
ฉงหยวนหยวนขมวดคิ้ว นึกถึงรูปร่างสง่างาม สายตาของเขาที่มองนางอย่างตำหนิในยามที่เตือนให้นางรักษากริยา เพราะเขาบอกว่านางไม่รู้จักระวังตัว เข้าใกล้บุรุษมากเกินไป ยามนั้นนางกำลังร่วมโต๊ะกับจานเจิ้งและพูดคุยกันอยู่ในงาน ทว่าหลังจากเกิดเหตุโจรถ้ำมองแล้ว จั๋วเหรินหาวคนหน้านิ่งผู้นั้นก็ตำหนินางอย่างไม่ไว้หน้า
“คนผู้นั้นตำหนิข้าตั้งหลายประโยคเจ้าค่ะ เขาช่างดูเป็นคนยึดมั่นในหลักการยิ่งนัก นี่คงนึกว่าข้าเป็นลูกน้องในสังกัดของเขากระมัง?”
ใต้เท้าฉงหัวเราะหึๆ เพิ่งเคยได้ยินบุตรสาวเอ่ยถึงบุรุษอย่างโกรธเกรี้ยวเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาคุณชายทั้งหลายล้วนชื่นชมยกย่องนางไม่ขาดปากเพราะอยากได้รอยยิ้มจากนาง มีเพียงจั๋วเหรินหาวที่ต่อว่านางซึ่งหน้า คนทั้งสองช่างปากกับใจตรงกันนัก ชายหนุ่มเองก็วิจารณ์บุตรสาวของเขาอย่างไม่ไยดีเช่นกัน!
*********************
*ต้านเสือที่ประตูหน้า หมาป่ากลับเข้าประตูหลัง หมายถึง เพิ่งขับไล่ศัตรูไป ศัตรูใหม่ก็มาจู่โจม