บทที่24) ความวุ่นวายที่เริ่มก่อตัวขึ้น
คฤหาสน์ดั่งดวงหฤทัย
"โอ๊ย! ฉันจะบ้า" พสุธายกมือขวาขึ้นมาปิดจมูกเพื่อหลบเลี่ยงจากกลิ่นเหล้าและกองอ้วกที่อยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยต้นเหตุของกลิ่นนั้นอีกห้าคน
"ลุก ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ" มือเล็กเขย่าไหล่ลูกๆทีละคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงด้วยความโมโหระคนขบขัน
"เฟียสต้า ฟอร์เต้ โฟร์ตอล ฟริสเต้ เฟย์ตัน ลุกขึ้น ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้"
"เอะอะอะไรกันครับ" อนุชาเดินเข้ามารวบเอวบ้างจากทางด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นอุดจมูกแทบไม่ทันเมื่อเผลอสูดกลิ่นเหม็นหึ่งนั้นเข้าไปจนเต็มปอด
"ก็อย่างที่เห็น" ในที่สุดพสุธาก็หลุดหัวเราะออกมา "เจ้าเฟียสก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย เฟิส์ตดูสิ"
สามีภรรยาหันมามองหน้ากันครูหนึ่งก่อนจะพากันหายเข้าไปในห้องโถงใหญ่เพื่อช่วยกันเตรียมผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดให้กับเด็กหนุ่มทั้งหลาย
"นอนนิ่งๆน่าเจ้าเฟียสแม่จะเช็ดตัวให้ โตขนาดนี้แล้วยังเมากลับมาให้แม่กับพ่อเช็ดตัวให้อยู่อีก" แม้ปากจะบ่นไปเรื่อยแต่มือก็ยังคงเช็ดคราบเลอะตามลำตัวให้กับลูกชายจนสะอาด พสุธาค่อยๆถอดถลกเสื้อของลูกชายคนโตขึ้นอย่างระมัดระวังก่อนสายตาจะสังเกตไปเห็นรอยสักบนแผงอกของลูกชาย
"Zandy" พสุธาถึงกับยกมือขึ้นมาทาบอกเมื่อรับรู้ว่าเฟียสต้ายังคงมีใจรักเด็กสาวที่เป็นลูกของเพื่อนสนิทตัวเองอยู่
"เฟิส์ต"
"ครับ" อนุชาเดินมาตามเสียงเรียกอย่างว่าง่าย "ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
อนุชาเบนสายตาตามองศาที่คนเป็นเมียกำลังมองก็เจอรอยซักอักษรชื่อแซนดี้ประดับอยู่บนหน้าอกด้านซ้ายของลูกชายคนโต
"พึ่งสัก" ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเขายืนยันได้ว่าลูกชายยังไม่มีรอยสักชื่อแซนดี้อย่างตอนนี้แน่นอน
"ลูกคงจะรักหนูแซนเข้าแล้วจริงๆ"
"เธอท้องกับใครแซนดี้ กับพี่หรือไฟท์เตอร์"
"เฟิส์ต! , ฟ้า!" สองผัวเมียหันมามองหน้ากันอย่างตกตะลึงหลังได้ยินประโยคดังกล่าวออกมาจากปากของลูกชาย
"เฟียสต้า ตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ โอ๊ย!เวรกรรมถ้ารอให้ลูกตื่นเห็นทีจะยาว เฟิส์ตไปออกรถทีเราจะไปบ้านอีซันนี่กัน" พสุธาสั่งสามีอย่างร้อนรน เธอรู้ดีว่าในตอนนี้แซนดี้รู้สึกอย่างไร และเธอก็ได้แต่ภาวนาให้แซนดี้นั้นยังคงอยู่ที่บ้านของเธอ ไม่ได้หนีไปอย่างที่เธอเคยทำกับอนุชาเมื่อครั้งตั้งท้องเฟียสต้าและไฟท์เตอร์
"ขอร้องละหนูแซน อยู่ที่บ้านเถอะนะ น้าอยู่นี้แล้วนะน้าพร้อมจะดูแลหนูกับหลาน" ถ้าหากแซนดี้หนีไปจริงๆนับได้ว่าเป็นเรื่องยากในการตามหาอย่างแน่นอน เพราะเด็กสาวไม่ได้มีญาติที่ไหน พี่น้องร่วมสายเลือดเธอก็ไม่มี
"ฟ้าผิดเอง ฟ้าไม่ยอมให้หนูแซนเข้ามาเยี่ยมเฟียสต้า ฟ้าผิดเอง" พสุธาเริ่มร้องให้และกล่าวโทษตัวเองที่พยายามกันตัวแซนดี้ให้ออกห่างจากลูกชายเพราะไม่อยากให้ลูกชายเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
"ถ้าฟ้าผิดเฟิส์ตเองก็ผิด เพราะเฟิส์ตเองก็ไม่อยากเห็นลูกเสียใจเพราะหนูแซนอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน"
ก็ใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าหลานของพวกเขานั้นพร้อมจะมาเกิดจนถึงขั้นยาคุมชนิดฉุกเฉินก็ยังยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่ ถ้ารู้ล่วงหน้าก็คงจะยอมหน้าด้านขอให้เด็กหญิงรับรักลูกชายของเขาเสียตั้งแต่ทีแรกแล้วแหละ
"ขับเร็วๆหน่อยจะได้ไหม" พสุธาเริ่มพาลเพราะความหวั่นใจ เธอไม่ชอบความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไปเลย
"นี่ก็เกือบ200กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วครับที่รัก" อนุชาว่าอย่างไม่นึกถือสาที่ภรรยาพาลพาโลใส่ตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถึงถือสาไปเขาก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะภรรยาของตัวเองได้อยู่ดี
"ครับ รู้แล้วครับ" เมื่อสังเกตเห็นหางตาเขียวปั๊ดที่มองมาอนุชาจึงรีบเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม อันที่จริงถ้าเทียบกันภรรยาตัวเล็กกว่าเขาถึงสามสิบเซนติเมตรด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเกรงกลัวภรรยาของตัวเองอยู่ดี
บ้านนฤเบศน์
"เปิดสักทีสิวะอีควายเผือก" นิ้วชี้เล็กๆกดออดกน้าบ้านของเพื่อนรักรัวๆจนมันแทบจะพัง "เปิดๆๆๆๆ"
"โอ๊ยอีฟ้า มึงเป็นอะไรมากป่ะ" แม้จะโกรธที่ทางครอบครัวเพื่อนรักเมินตึงใส่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เทียวไปหาเพื่อขอโทษเฟียสต้ามากแค่ไหน หากแต่ท้ายที่สุดศันสนีย์ก็พ่ายแพ้ให้กับคำว่ามิตรภาพที่มีมานานก่อนลูกๆของพวกเขาจะถือกำเนิดขึ้นมา
"หนูแซนอยู่ที่บ้านไหม" ทันทีที่ก้าวเข้ามาในอาณาเขตบ้านของศันสนีย์ พสุธาก็รีบยิงคำถามที่ต้องการจะรู้ใส่เจ้าของบ้านในทันที
"หนูแซนอยู่ไหน บอกกูทีว่าหนูแซนอยู่ในบ้าน"
"เปล่า แซนดี้บอกว่าจะไปค้างที่บ้านเพื่อน" เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ชอบจุกจิกลูกเท่าไรนัก ยิ่งช่วงนี้ลูกดูสภาพจิตใจไม่ค่อยดี แม่อย่างเธอจึงต้องระวังในคำพูดของตัวเองเป็นพิเศษด้วยไม่อยากให้ลูกสาวหนีหายไปนั่นเอง
"เพื่อนคนไหน สาลี่หรือวีวี่ เพราะถ้าเป็นสองคนนั้นพ่อกับแม่เด็กบอกว่าตอนนี้ทั้งสองหายตัวไปและพวกเขากับตำรวจกำลังช่วยกันตามหาอยู่" พสุธาว่าอย่างร้อนรน เธอรู้สึกหมั่นไส้ศันสนีย์เล็กน้อยที่ทำท่าเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ทั้งที่ลูกสาวของมันหายตัวไปเป็นค่อนคืน
"อะไรนะ!" และดูเหมือนว่าศันสนีย์เองก็พึ่งจะนึกได้เช่นกันว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะนิ่งนอนใจ "สองคนนั้นหายไป จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อเมื่อคืนแซนดี้ยังไปเที่ยวกับพวกนั้นที่คลับเพียงใจอยู่เลย"
"พ่อแม่เขาบอกว่าสองเดือนเห็นจะได้" อนุชาแทรกขึ้น "ลองเช็คมือถือของแซนดี้ดูหรือยัง"
เมื่อได้ยินดังนั้นศันสนีย์ก็รีบควักมือถือออกมาเพื่อเช็คว่าลูกสาวของเธอนั้นอยู่ที่ไหนในทันที
"มึงอะคิดมาก แซนดี้ยังอยู่ที่คลับเพียงใจอยู่เลย" ก่อนจะฉีกยิ้มร่าอย่างสบายใจเมื่อพบว่าแซนดี้อยู่ที่คลับตามที่บอกเอาไว้เมื่อคืน
"หึ" พสุธายกยิ้มมุมปากให้ความใจเย็นของสหายรัก ก่อนจะแยกตัวออกไปเพื่อต่อสายหาเจ้าของคลับอย่างเพียงใจและเติมเต็ม
ผ่านไปครูหนึ่งพสุธาก็เดินกลับมาพร้อมด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
"ข่าวร้าย หนูแซนไม่ได้อยู่ที่นั่น เพียงใจบอกว่าหนูแซนกลับตั้งแต่เมื่อคืนตอนห้าทุ่ม และมือถือของหนูแซนก็อยู่บนเตียงในห้องลับของคลับ ทีนี้มึงยังจะใจเย็นได้อยู่อีกไหม นั่นลูกมึงนะอีซัน! ลูกมึง ขนาดลูกกูโตเป็นควายแล้วกูยังโทรเช็คทุกๆหนึ่งชั่วโมงอยู่เลย แล้วนี่หนูแซนพึ่งจะขึ้นมอสี่หายตัวไปเป็นวันๆ ถามจริงเถอะมึงไม่ชอบกดดันลูกหรือมึงไม่เคยคิดจะสนใจลูกกันแน่อีซัน อีแม่เวร!"
"ฟ้า อย่า!" อนุชาเข้ารวบตัวภรรยาที่กำลังกระโจนใส่ศันสนีย์ "ฟ้าใจเย็นๆแล้วเรามาช่วยกันหาทางออก โอเคไหม"
"จะให้ใจเย็นลงไปได้ยังไงเล่า! ก็ในเมื่อในท้องของหนูแซนมีหลานของเราอยู่! ถึงพ่อกับแม่มันจะไม่เข้าใจกันแต่เราเป็นปู่ย่าตายายของมันนะ เราควรใจเย็นและปล่อยให้เด็กมันไปใช้ชีวิตตามยถากรรมอย่างนั้นนะเหรอ ฟ้าทำไม่ได้หรอกนั่นหลานฟ้านะ ฟ้าก็รักของฟ้าเหมือนกัน!"
"ท้อง!" นฤเบศน์ที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและได้ยินเสียงโวยวายจึงรีบวิ่งออกมาดู แล้วดันมาได้ยินประโยคแจ๊คพ็อตจากปากของพสุธาเข้าพอดี
"เออ ลูกมึงท้องไอ้ซัน ฉิบหายเถอะนี่มันรักลูกกันแบบไหนลูกมันถึงได้ตัดสินใจหอบลูกในท้องหนีไปแบบนั้น"
"ฟ้าพอ! ฟ้าเองก็เคยหอบลูกหนีเฟิส์ตไปเหมือนกันนั่นแหละ" อนุชาตวาดลั่นอย่างเริ่มรู้สึกโมโหภรรยาที่ทำราวกับว่าทุกคนในที่นี้ไม่รู้สึกเป็นห่วงแซนดี้ที่หายตัวไป
"ก็ฟ้าเป็นห่วงหลาน" ก็ยังคงเอ่ยปากเถียงด้วยน้ำเสียงแผ่วลง ทั้งๆที่ใบหน้ารูปไข่นั้นเริ่มเจื่อนเพราะนึกกลัวสามีของตัวเองขึ้นมา
"ฉันจะไปแจ้งความ" นฤเบศน์ว่าอย่างไม่นึกสนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมและออกรถไปอย่างรวดเร็วไม่แม้แต่จะหยุดรอภรรยา
"เราก็ไปตามดูกล้องวงจรปิดกันเถอะ" ศันสนีย์ว่าด้วยดวงใจสั่นไหว ด้วยเธอรู้ดีว่าตนเองนั้นจะต้องถูกสามีต่อว่าในเรื่องที่ปล่อยปละละเลยลูกจนเคยตัวอีกอย่างแน่นอน
-ตัด-
Mallikar
(เขียน)