ตอนที่ 6 นายจ้าง ลูกจ้าง 2/2

2812 คำ
ร่างเล็กเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปบนเรือนชั้น 2 เป็นที่สิงสถิตของเจ้าของไร่สุขเกษมเปรมปรีดิ์ ทันทีที่ขึ้นมาก็เห็นใบหน้ายียวนส่งตรงมาให้เธอเป็นการต้อนรับ แต่ครั้งนี้เธอจะถอยไม่ได้ เนื่องจากไปตกปากรับคำวิญญาณถึง 4 ตนว่าจะช่วย (รวมแม่ขาวผ่องที่ทางเข้าด้วย) บวกกับการเงินที่ขัดสน ทำให้เธอหยิ่งต่อไปอีกไม่ได้! เธอประจันหน้ากับพญามาร สายตาของเขาจับจ้องเธออย่าง... เรียบนิ่ง ต่างจากเธอที่จ้องเขาแทบอยากจะกระโดดไปฉีกร่างเนื้อให้ออกเป็นสองทาง! มือเล็ก ๆ ทุบโต๊ะทำงานของชายหนุ่มดังปัง เป็นสัญญาณว่าเธอนั้นเอาจริงแล้วโว๊ย! “คุณออส ฉันจะทำงานที่นี่!” “ไม่รับ ที่นี่ไม่รับผู้หญิง” “เหยียดเพศ” “ไม่รับเพราะที่นี่งานหนัก ไม่ใช่แค่ทำงานเอกสารอย่างเดียว ยังต้องดูแลงานในไร่ด้วย ผมเลยรับแต่ผู้ชายต่างหาก!” “ฉันทำได้ ฉันแข็งแรงจะตาย ฉันทำได้ ยังไงฉันก็ต้องทำได้!” “คุณเข้าใจอะไรหรือเปล่า บอกว่างานมันหนัก แขนแค่นี้จะทำอะไรได้ ฮะ!?!” กระแสสายตาของทั้งคู่ต่างสบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร สิงหาที่ไม่คิดจะยอมแพ้ กับออสที่กำลังรำคาญสุดขีด ทำให้คนที่ดูห่าง ๆ ทั้งสองคนต่างลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ! “คุณออสชนะ ไวน์แดง 1 ขวด” อาทิตย์บอกกับนที “ไม่หรอก คุณสิงหาชนะ ไวน์แดง 1 ขวด” นทีก็ลงพนันกับอาทิตย์เช่นกัน “คุณออส ฉันลองเปิดเว็บไซต์ของไร่คุณดูแล้ว กำลังสมัครอยู่ไม่ใช่เหรอ... นักบัญชีน่ะ ฉันจบบัญชีมาโดยตรงเลยนะ เก่งมากด้วย ไม่สนใจสัมภาษณ์งานหน่อยเหรอ?” “แต่คุณสมบัติบอกว่าเป็นเพศชาย แต่คุณไม่ใช่” ออสยังตั้งหน้าตั้งตาไม่ยอมรับหญิงสาวตรงหน้าท่าเดียว หากลองคิดดู นักบัญชีที่ออสตามหา จะเป็นหญิงหรือเป็นชายก็ได้ เพราะตอนนี้มีแค่เขาที่ดูบัญชีของไร่อยู่ เรื่องภาษีประจำปีก็ต้องจ้างคนนอกเข้ามาดูให้ คิดไปคิดมาตัวเองอยากสบายขึ้น เลยเปิดสมัครงานเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครมาสมัครสักคน แต่ยัยคนบ้าตรงหน้านี่สิ ดันจบบัญชีมาเสียได้! “แหม~ ทำไมถึงสนใจผู้ชายเป็นพิเศษล่ะ... ชอบผู้ชายเหรอคะ?” สิงหาลองพูดหยั่งเชิงคนตรงหน้า ถ้ารสนิยมทางเพศของเขาจะไปแนววายนิด ๆ เธอก็ยอมรับได้ “นี่คุณ... สนใจผิดเรื่องแล้ว ที่ผมต้องการผู้ชาย ก็บอกไปแล้วว่างานในไร่มันหนักไง! ต้องมากินนอนอยู่ที่นี่ อีกอย่าง ที่พักคนงานมีแต่ผู้ชาย แม้คนงานในไร่จะมีผู้หญิงก็ตาม แต่ที่พักที่นี่มีแต่ผู้ชายล้วน หรือว่า... คุณชอบแบบนี้” ประโยคที่จะพูดต่อเหมือนจุกอยู่ที่ปาก อยากจะเถียง แต่ก็ถูกสายตาคมของเจ้าของไร่สะกดเอาไว้ จนคิดคำพูดเด็ด ๆ ให้เขาไม่สามารถเถียงกลับไม่ออก รอยยิ้มยียวนของเจ้าของไร่มันทำให้คนที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าอย่างสิงหา ความมั่นใจตกฮวบลงทันที ยิ่งสายตาที่กำลังไล้ตามร่างกายของเธอทำให้รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาดื้อ ๆ ขนาดไปทัวร์บ้านเฮี้ยนกับพี่สิงใหญ่มาตั้งหลายครั้ง ยังไม่น่ากลัวเท่าสายตาของชายตรงหน้าเลยสักนิด “คุณออส! คุณกำลังคุกคามฉันอยู่นะ!” สิงหาตวาดแว้ดใส่คนตรงหน้า เอาแขนทั้งสองข้างมาปิดหน้าอกของตนเองเอาไว้ เพราะมันกำลังเป็นจุดรวมสายตาของคนไม่น่าไว้ใจ “มีให้ดูแค่นี้ จะหวงไปทำไม” ออสส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนก้มลงไปดูเอกสารตรงหน้าต่อ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ เธอเดินไปลากเก้าอี้ทำงานของโต๊ะใกล้ ๆ เลื่อนมาหยุดที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมทิ้งตัวลงมองคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะวางสายตา “อะไรอีก ก็บอกว่าไม่รับไง” “ฉันจะทำงานที่นี่” “แม่คู๊ณ! ~ ทำไมถึงดื้อได้ขนาดนี้เนี่ย เมื่อเช้าคุณยังไม่อยากจะอยู่อยู่เลย แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ” “ไม่จำเป็นต้องตอบ” “ถ้าบอก ผมอาจจะลองคิดเรื่องงานของคุณก็ได้นะ” ออสงัดความต้องการของเจ้าหล่อนออกมา เพราะใจจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เจ้าหล่อนอยากจะทำงานต่อนักหนา “ฉันสัญญาเอาไว้ ว่าจะช่วย เอ่อ... ทั้ง 4 คน เลยต้องอยู่ที่นี่ต่อ” พร้อมกับเงินที่ร่อยหรอในบัญชี มันบังคับให้เธอต้องหน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ “ใคร?” “เพื่อน” “มาได้แค่วันเดียว มีเพื่อนแล้ว...?” ออสพยายามมองดูสายตาของเจ้าหล่อน แม้ว่าจะไม่ได้สบตาตรง ๆ แต่ก็รู้สึกใจอ่อนมาบ้าง เลยเอื้อมไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดขึ้น “หาเพื่อนเก่งเสียจริง น่าอิจฉาจังเลยนะ” “โธ่เอ๊ย! จะรับหรือเปล่า?” “ชื่อ” “เอ๊ะ!? สรุปว่าจะรับใช่หรือเปล่า?” แววตาเป็นประกายขึ้นทันที มันมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง กว้างเสียจนคนมองหัวใจกระตุกไปแวบหนึ่ง ก่อนจะพยายามสลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากหัว แล้วส่งสายตาดุใส่เจ้าหล่อนไปหนึ่งที “อะ... อ่อ! สาริศา ฉันชื่อ สาริศา” “นามสกุล” “เออ... คือ แค่ชื่ออย่างเดียวไม่ได้เหรอ?” สิงหาหน้าหงอยลงทันที เหมือนผักที่โดนน้ำร้อนจนสลด แต่พอดูสายตาคมดุใส่ เลยต้องจำใจยอมบอก “วะ... วัชร... เมธาดล” เธอพูดไม่เต็มเสียง “อะไรนะ พูดให้มันดัง ๆ หน่อย!” “ฉันชื่อ สาริศา วัชรเมธาดล!” เธอเอ่ยพร้อมฟุบหน้าลงแขนตนเองที่เท้าโต๊ะอยู่ ใช่ มันเป็นนามสกุลที่ดังมาก ออสถึงกับชะงักมือที่รัวคีย์บอร์ดไปพักใหญ่ จ้องมองกลุ่มผมซึ่งสยายเต็มโต๊ะ พอลองเข้าไปยังโปรแกรมของตนที่สร้างเอง เพียงไม่นาน ประวัติของเธอก็โชว์ขึ้นหน้าจอเต็มไปหมด จากหญิงบ้า เป็นคุณหนูไฮโซไปเสียแล้ว “ทำไมไม่ทำงานที่บ้านคุณล่ะครับ คุณหนู” ออสพับโน้ตบุ๊กของตัวเองลง และนำไปไว้ยังที่เดิม ที่ต้องการชื่อและนามสกุล เพียงเพื่อตรวจสอบคดีอาชญากรรมกับประวัติคร่าว ๆ เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะเจอแจ็กพอตขนาดนี้ “ฉันก็มีเหตุผลของฉัน สรุปจะรับหรือไม่รับ?” สิงหาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แน่ล่ะ ทุกครั้งที่มีคนรู้ชื่อพร้อมนามสกุลของเธอ มันมักจะมาพร้อมกับสายตากระอักกระอ่วนทุกครั้ง บางคนเกรงใจ บ้างก็หวาดกลัว มันเป็นสิ่งที่เธอเลือกไม่ได้เสียหน่อย “เฮ้อ~ เกียรตินิยมได้มาด้วยเงินหรือความสามารถ?” ถามตรงเชียว! “ความสามารถสิยะ! คิดว่าฉันจะใช้เงินซื้อมาทุกอย่างเลยเหรอ? ฉันเองก็มีคุณค่าในตัวเองนะ” สิงหาลุกขึ้นพรวด พร้อมหันหลังกลับ แต่ก็ถูกเสียงที่รอมานานรั้งเอาไว้ “เดี๋ยว!” “อะไรอีก” เธอหันกลับมามองใบหน้าเรียบนิ่งของเจ้าของไร่... อย่างเล่นตัวเล็กน้อย “ย้ายขึ้นมาด้านบน ห้องนี้...” ออสเสสายตาไปมองห้องที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ “มันว่างอยู่ ข้างล่างมีแต่ผู้ชาย มันคงอันตรายเกินไป ที่มีผู้หญิงอย่างคุณไปป้วนเปี้ยนแถวนั้น” รอยยิ้มที่เผลอเปิดกว้างต้องหุบลงทันที สิงหาหรี่ตามองคนพลิกเอกสารไปมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่พอ ยังเงยหน้ามายักคิ้วมาทางเธออีกหนึ่งที ทำให้อารมณ์ของเจ้าหล่อนเริ่มเดือดขึ้นมาอีกรอบ แต่ขี้เกียจจะสนทนาต่อ เลยทำได้แค่กระแทกเท้าปึงปังลงไปจัดการกับข้าวของตัวเองตามที่เขาสั่ง ออสส่ายหน้าเบา ๆ กับกิริยาไร้มารยาทที่เธอจงใจแสดงใส่ แต่ก็อดคิดไม่ได้ เธอมันลูกคุณหนูไม่ใช่เหรอ มีทั้งหน้าตาทางสังคม อีกทั้งเงินทองมากมาย... “แต่ทำไมถึงงมงายกับเรื่องพวกนั้นนัก?” ยิ่งคิดก็ได้แต่สงสัย จนสายตาเหลือบไปเห็นลูกน้องแพคคู่ กำลังยิ้มร่ามาทางเขาจนน่าหมั่นไส้ อีกคนบอกจะลางานครึ่งวัน ส่วนอีกคนบอกเบื่อเจ้านาย จะไปหาอะไรลงท้องแก้เซ็ง แต่จู่ ๆ กลับมาโผล่ให้เห็นหน้าซะงั้น! “จะยิ้มอีกนานมั้ย!?” แค่ตวาดไปหนึ่งที พวกเขาก็มุดหัวหายไปราวกับสายลม ออสได้แต่ถอนหายใจ ทำไมกันนะ เป็นเจ้านายกับเขาทั้งที ทำไมถึงเจอแต่ลูกน้องปีนเกลียว แถมคนที่กำลังมาเป็นลูกจ้างคนใหม่ ก็ดูจะแสบใช่เล่น! “ทำไมยังไม่เจอตัวอีก ไหนบอกว่าอยู่ใกล้แค่นี้ไง!?!” คนที่อารมณ์พุ่งปรี๊ดเพราะอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจตวาดใส่ลูกน้องตนเองดังลั่น พร้อมมือเรียวเล็กกำแน่นเพื่อต้องการระบายความคับอกคับใจออก นี่มันก็หลายเดือนแล้วที่ลูกสาวตัวดีไม่ยอมกลับบ้าน แต่ตามเท่าไหร่ก็หนีได้ตลอด ‘จามรี’ หรือหลายคนเรียกว่า ‘คุณจาม’ ความดันแทบขึ้น อายุตั้งขนาดนี้แล้ว ทำไมลูกสาวยังทำเรื่องให้ร้อนใจได้ตลอด “ผมพยายามตามหาแล้วครับ แต่พอเจอก็พบว่าคุณหนูย้ายออกไปแล้ว พอถามคนแถวนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณหนูไปอยู่ที่ไหน” สายตาจามรีมองลูกน้องก้มหน้างุดด้วยเกรงต่อความผิด ด้วยสายตาคาดโทษ ทั้ง ๆ ที่สั่งให้เฝ้าไม่ให้คาดสายตา สุดท้ายเจ้าลูกตัวดีก็หนีรอดไปอีกจนได้ บริษัทที่ฝากฝังเอาไว้ ก็ทำขายหน้าจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งคิด ความดันก็ขึ้นปรี๊ดจนด้านหลังคอเริ่มเกิดอาการเกร็งจนเจ็บไปหมด “ยัยสิงหา! แกอยากให้แม่ตายไปจริง ๆ ใช่มั้ย!?!” คนเป็นมารดาทิ้งหลังลงพนักพิงโซฟา อยากร้องไห้แล้วชักเสียตอนนี้ หากไม่ติดว่าอายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ ชิ้นส่วนหักไป คงตามหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้ยาก! “ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้มีลูกดื้อขนาดนี้ฮะ!?!” ดูเหมือนคนที่นั่งจิบชาอยู่ใกล้ ๆ จะร้อนตัวเป็นพิเศษ ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืน เพื่อหนีจากกระแสสายตาคมของผู้เป็นศรีภรรยา “คุณชยุต! จะไปไหน?” แต่ก็ไม่ทัน เลยต้องกลับมานั่งที่เดิมด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ “ไม่ได้จะไปไหน แค่เพิ่งนึกออกว่ามีงานที่ต้องทำ” ผู้เป็นสามียิ้มแฮะ ๆ ให้ศรีภรรยา “หากว่าตอนนั้นไม่เอายัยสิงหาไปฝากให้บ้านพี่ชายคุณเลี้ยง ตอนนี้ยัยตัวแสบก็คงไม่ดื้อขนาดนี้หรอกค่ะ ดูสิ! สิงขรไม่รู้สอนน้องอีท่าไหน จากเด็กน้อยน่ารัก ถึงได้เป็นลิงทโมนได้ขนาดนี้ โธ่! หากย้อนกลับไปได้ ฉันอยากกลับไปเลี้ยงลูกสาวของตัวเองใหม่อีกรอบ คราวนี้แหละจะไม่ยอมให้คลาดสายตาเลยเชียว!” เสียงบ่นยาวเหยียด อันเป็นเอกลักษณ์ สิงหาก็มีได้จากแม่มาบ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด และที่เจ้าหล่อนต้องหนีออกจากบ้าน เหตุผลก็มาจากแม่ของตนนี่แหละ เพราะว่า... “แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน วันนัดดูตัวของพ่อธาริตก็ใกล้เข้ามาเต็มที แต่เรายังหาตัวสิงหาไม่ได้เลย คุณต้องช่วยฉันคิดนะคะ!” จามรีหันขวับไปหาสามี พร้อมส่งแรงอาฆาตไปให้ เธอรู้ว่าชายตรงหน้ารู้ทุกอย่าง เพียงแค่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น “สิงหามันไม่อยากแต่ง คุณก็ไปบังคับมัน มันจะหนีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” ชยุตพูดอย่างใจเย็น “แต่ยัยสิงหาจะ 30 แล้วนะคะ คนรุ่นเดียวกันลูกโตจนเข้าอนุบาลกันไปหลายคนแล้ว แถมธาริตเองก็เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ทั้งการงานและชาติตระกูล ล้วนแล้วแต่ไม่มีตำหนิ หากฉันปล่อยไป จะเจอคนดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหน” “เฮ้อ~ คุณจาม ถ้าคุณอยากแต่งเองผมก็ไม่ว่านะ เดี๋ยวหย่าให้” “คุณชยุต!!” ไม่เรียกเปล่า แต่ฟาดฝ่ามือลงที่แขนหนัก ๆ หนึ่งที จามรีโกรธจนหน้าแดง ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าแทบจะไม่สนใจกับเรื่องที่ตนเดือดร้อนอยู่เลย แถมยังเป็นพวกเดียวกันกับยัยลูกสาวตัวแสบอีก อย่าให้ได้เจอเชียว แม่จะจับตีเสียให้เข็ด! หลังจากฟังคุณจามอาละวาดเสร็จแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างชยุต ก็แอบไปต่อสายหาเจ้าลูกสาวตัวแสบทันที แน่นอนว่าเจ้าหล่อนยอมลงทุนเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อไม่ให้แม่ตามตัวได้ ขนาดจ้างให้คนอื่นเปิดเบอร์ให้เชียว รับรองว่าต่อให้เอาเบอร์ไปค้น ก็ไม่เจออะไร! “สิงหา ตอนนี้ลูกอยู่ไหน?” ผู้เป็นพ่อถามทันที ก็ร้อนใจอยู่บ้างที่ลูกสาวหายไป แต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงเพราะมั่นใจว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้ [ตอนนี้เล็กอยู่... ไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวคุณชยุตเอาไปบอกคุณจาม] สิงหาที่กำลังจัดการสัมภาระที่มีอันน้อยนิด เพราะต้องเปลี่ยนที่อยู่ไปด้านบนชั้นสองแทน เบ้หน้าเล็กน้อย หลังผู้เป็นพ่อโทรหา [คุณจามอาละวาดบ้านแตกเลยใช่หรือเปล่า?] “ใช่ พ่อโดนฟาดไปหลายทีเลยนะ แล้วตอนนี้สิงหาสบายดีหรือเปล่า? มีเงินใช้มั้ย? เดี๋ยวพ่อโอนให้” ชยุตรีบถามหาปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตทันที ลูกสาวเพิ่งตกงาน แถมยังย้ายออกจากที่อยู่อาศัยเดิม ต้องขาดแคลนเงินอยู่ไม่มากก็น้อยแน่ ๆ [ไม่ต้องเลยค่ะคุณชยุต เล็กจัดการได้ ตอนนี้เล็กได้งานทำแล้ว ไม่ได้เดือดร้อนทั้งเรื่องเงินและเรื่องที่อยู่ คุณชยุตไม่ต้องเป็นห่วงเล็กนะ] หญิงสาวค่อย ๆ ลากกระเป๋าออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่ยังพูดคุยกับผู้เป็นพ่ออยู่ เพราะตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว เธอไม่อยากนอนดึกเพราะต้องจัดกระเป๋าของตัวเองเลยต้องรีบย้ายขึ้นไปก่อนเวลานอน [อีกอย่าง หากคุณชยุตโอนเงินมา รับรองคุณจามตามหาตัวเล็กเจอแน่ เล็กยังไม่พร้อมกลับ เล็กไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้ค่ะ!] “พ่อก็พูดให้แล้วนะสิงหา แต่แม่แกไม่ฟังเลย จะให้แต่งอย่างเดียว ถ้าไม่อยากแต่งกับคนนี้ ก็หาคนที่ดีกว่ามาให้แม่แกซะ จะได้เลิกบังคับแกเสียที” ชยุตยังคงมองซ้ายขวา ระแวงว่าบทสนทนานี้จะมีคนได้ยิน [อย่าพูดเหมือนง่ายสิคะ นั่นสามีเลยนะ... ขอเวลาแป๊บนะคะ] กระเป๋าที่ใหญ่พอ ๆ กับตัวเล็ก ทำให้น้ำหนักมากเกินกว่าจะใช้แค่มือเดียวจับยกข้ามบันไดไม้ทีละขั้น เจ้าหล่อนเลยต้องพักปลายสายเอาไว้เสียก่อน แต่กว่าจะถึงชั้นบน ก็เล่นเอาหอบใช่เล่น [ก็อย่างที่ว่าละค่ะ อยากแต่ง เดี๋ยวเล็กหาเอง...] สายตาคมที่กำลังจับจ้องผู้มาใหม่ คนที่เธอจะต้องอยู่ร่วมชั้นเดียวกัน บนชั้น 2 นอกจากจะมีออฟฟิศ เอ~ จะเรียกว่าออฟฟิศได้หรือเปล่านะ มันเป็นแค่โต๊ะทำงานไม่กี่ชุดวางรวมกันเท่านั้น เพราะคนที่ทำงานเอกสารมีไม่เยอะ หนวดเคราที่มีขึ้นเบาบางตอนนี้ถูกโกนจนเกลี้ยงเกลา กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของครีมอาบน้ำลอยมาปะทะเข้าจมูกรั้นของเธอจนได้กลิ่นชัดเจน แม้ว่าเขาจะใส่เพียงเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวคอย้วย กับกางเกงวอร์มขายาวสีเทาเหมือนเดิม แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ‘หล่อจัง’ “สิงหา! สิงหา! ฟังพ่ออยู่หรือเปล่า!?!” ชยุตที่ไม่ได้รับการตอบโต้จากปลายสาย ทำให้ร้อนใจจนเผลอตะโกนเสียงดังจนได้ [กะ... ก็ตามนั้นค่ะ แค่นี้นะคะ!] โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินเสียงของชยุต และเหมือนจะโชคดีต่ออีกชั้นที่สายตาคมตวัดหันไปมองทางอื่นแล้ว ก่อนที่ร่างสูงจะเข้าห้องของตนเองไป สิงหาพยายามไล่ความคิดบ้า ๆ ของตัวเองออกไปจากหัว ‘หล่อ’ เนี่ยนะ ประสาทกลับแล้ว ยัยสิงหาเอ๊ย!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม