6

1167 คำ
“พวกมึงขึ้นไปก่อน ทางนี้กูจัดการเอง” นายหัวพันธุ์ดิบสั่งลูกน้องเสียงเย็น คนได้รับคำสั่งเดินขึ้นไปบนชายหาดทันที คราวนี้ก็เหลือเพียงปุณณ์กับอักษราเพียงสองคน “ถ้าเธอไม่ทำร้ายจิตใจน้องสาวของฉันละก็ ฉันไม่มีวันแตะต้องตัวเธอเด็ดขาด แล้วฉันจะทำให้เธอรู้ว่า การที่ทำให้น้องฉันเจ็บปวดใจมากเท่าไหร่ เธอต้องเจ็บมากกว่าหลายสิบเท่า” พูดจบมือใหญ่จับแขนสาวของเธอไว้มั่น กระชากสุดแรงเพื่อให้อักษราลุกขึ้นยืน ก่อนจะนำร่างของเธอมาพาดบนบ่าแข็งแรงของตัวเอง จากนั้นก็ก้าวเดินขึ้นไปบนชายหาด ไม่สนใจว่าร่างสาวจะดิ้นรนมากแค่ไหน เท้าใหญ่ก็ยังคงก้าวเดินต่อไป ผ่านชายหาดเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้รกครึ้ม จนกระทั่งถึงบ้านไม้ชั้นเดียวหลังหนึ่งที่ปลูกเด่นอยู่ตรงน้ำตก ตุ๊บ อักษราเจ็บจนพูดไม่ออก เมื่อเขาโยนร่างของเธอลงบนพื้นไม้ตรงชานบ้านอย่างไม่ปรานีปราศรัย ไม่สนใจด้วยซ้ำไปว่าเธอจะเจ็บมากแค่ไหน “เอียด เอียด” ปุณณ์ตะโกนลั่น ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างของเจ้าของชื่อก็วิ่งมาหานายหัวของเกาะทันที “คะนายหัว มีอะไรคะ?” “ไปเอากุญแจมือกับโซ่ในบ้านมา” เขาสั่งเสียงเข้ม เอียดคนในปกครองวัยยี่สิบสามปีรีบวิ่งเข้าไปหยิบของตามที่เจ้านายต้องการ ฝ่ายคนที่ถูกมัดมือมัดเท้ามองหน้าคนสั่งด้วยความตกใจ มองสลับกันไปมาระหว่างร่างของเจ้านายและลูกน้อง รู้สึกไม่ดีกับของสองสิ่งที่ชายหน้าตาดุดันสั่งให้ไปเอา ส่งเสียงร้องถามในลำคอว่า เขาสั่งให้หญิงสาวที่ชื่อเอียดนำสองสิ่งนั้นมาทำไม หรือว่า… “นี่ค่ะนายหัว” เอียดยื่นของที่เจ้านายหนุ่มต้องการตรงหน้า พร้อมกันนี้ยังหยิบแม่กุญแจดอกหนึ่งติดมือมาด้วย ปุณณ์คว้าของทั้งหลายมาไว้ในมือ ก่อนจะย่อตัวนั่งด้วยเข่าใกล้ร่างของอักษรา “อื้อๆ อื้อ” อักษราสะบัดข้อมือออกจากมือใหญ่ เพื่อไม่ให้เขาทำสิ่งที่ต้องการ ส่งเสียงร้องห้ามไม่หยุด แต่ทว่าไม่มีคำพูดที่เป็นประโยคไหลผ่านปากบางนุ่ม จะมีแค่เพียงเสียงอื้อๆ อ้าๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์แทน น้ำตารินไหลเป็นทาง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มตรงหน้าถึงได้ทำกับตนเช่นนี้ “อย่าดิ้น!” เขาตวาดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ร่างงดงามสะดุ้งตกใจ หลับตาแน่นราวกับเสียงพิโรธนั้น “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าดิ้น” ปุณณ์ตวาดอีกรอบ แต่เธอก็หยุดได้ชั่วครู่ อักษราก็ดิ้นรนต่อไป ใช้จังหวะที่มือทั้งสองข้างถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากเชือกผลักร่างหนาเต็มแรงแต่ถึงเขาจะเซไปตามแรงผลัก อักษราก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจคิด เนื่องจากข้อเท้าทั้งสองข้างถูกมัดอย่างแน่นหนา โครม! วินาทีนี้อักษราไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ลืมคิดทุกสิ่งอย่างนอกจากจะบอกตัวเองว่าต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้ สุดท้ายเธอก็ล้มหัวคะมำ “มานี่!” ปุณณ์ลุกขึ้นยืน กระชากร่างอ้อนแอ้นที่กำลังใช้มือยันกายให้ลุกขึ้นนั่งอย่างแรง แล้วลากกลับมายังจุดเดิมที่เธอกระเสือกกระสนหนี “อย่าคิดหนีเป็นครั้งที่สอง เพราะมันจะไม่มีคำว่าปรานีสำหรับเธอ” พูดจบเขาก็ใช้กุญแจมือคล้องข้อมือเล็ก กุญแจมืออีกข้างคล้องไว้กับซี่ไม้ระเบียงที่ทำอย่างแน่นหนา “อื้อๆ อือ” เธอมองดูข้อมือเล็กของตนที่หมดอิสรภาพทั้งน้ำตา ส่งเสียงพูดไม่เป็นภาษาตลอดเวลา กระตุกข้อมือหลายครั้งหวังจะให้กุญแจที่คล้องปลดปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระ แต่ไม่เลย…มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด “ไม่!…ปล่อยฉัน ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ใช่นักโทษนะ” อักษราตะโกนพูดทันทีที่มือเล็กอีกข้างที่ไม่ได้ถูกคล้องกุญแจมือดึงผ้าที่ปิดปากของตนเองออก เมื่อเห็นเขากำลังแก้เชือกที่มัดข้อเท้าของเธอ จากนั้นก็ใช้โซ่ล่ามข้อเท้าเล็กไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างปล่อยให้เป็นอิสระ นำปลายโซ่ไปคล้องไว้กับเสานอกชาน วินาทีนี้อักษราคิดว่า ตนเองเหมือนนักโทษก็ไม่ปาน “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันไม่ใช่นักโทษ ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน” อั้ก อั้ก อักษราขยับปลายเท้าไปมา มือที่ว่างเว้นทุบไปยังลำตัวของเขาหลายที่ หวังจะให้เขาปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ แต่ดูท่าทางแล้วมันยากเหลือเกินในความรู้สึก “ฉันปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ อย่าพูดมาก อย่าแหกปาก อย่าตะโกนส่งเสียงให้ฉันหนวกหูหรือรำคาญใจ ไม่อย่างนั้นเธอได้มีผัวทีเดียวเป็นสิบเอาให้หายร่านจะได้ไม่ไปแย่งแฟนของใครอีก แล้วอย่าคิดลองดี เพราะคนอย่างฉันพูดจริงทำจริง จำใส่กะโหลกกลวงๆ ของเธอเอาไว้…น้ำหอม” เสียงนั้นช่างเยือกเย็นจนผู้ฟังสะท้านไปทั้งหัวใจ คำพูดของเขามาพร้อมกับคำขู่ที่เรียกความหวาดกลัวขึ้นไปถึงสมอง อักษราไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่เท่าที่เห็นน่าจะเป็นเจ้านายของเกาะแห่งนี้ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ตนนั่งอยู่นั้น อยู่ที่ใดของเมืองไทย และมีอีกข้อหนึ่งที่อักษราสงสัยคือ เขาคนนี้รู้จักชื่อเล่นของเธอได้อย่างไร ทั้งทีไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอักษราช้อนสายตามองหนุ่มหน้าดุ ใจร้ายทั้งน้ำตา เธอไม่เข้าใจว่าตนเองไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจอะไรหนักหนา ถึงได้ทำกับเธอแบบนี้ ปุณณ์มองเห็นดวงตาคู่นั้นแล้วรู้สึกแปลกๆ ใจมันเสียดทานอย่างบอกไม่ถูก ความด้านชาในจิตใจเหมือนจะค่อยๆ หลุดร่อน แต่พอนึกถึงใบหน้าและเสียงสะอื้นของปนัดดาทางโทรศัพท์ หัวใจของคนเป็นพี่ลุกโชนขึ้นมาทันทีทันใด ใครทำร้ายเขา เขาไม่ว่า แต่อย่าทำร้ายปนัดดา ไม่เช่นนั้นพี่ชายคนนี้จะฆ่าล้างบางทั้งตระกูล ใครทำน้องสาวเขาเจ็บ คนผู้นั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า ครูสาวคนนี้ก็เช่นกัน ต้องได้รับบทเรียนจากการแย่งคนรักของปนัดดา เอาให้หลาบจำไปจนวันตาย ดวงตาของทั้งคู่สบกันนิ่ง ฝ่ายหญิงทอดสายตาเว้าวอน น่าสงสาร แต่ทว่านัยน์ตาของเขาไม่มีความใยดีแฝงอยู่เลย ร้ายกาจมุ่งร้ายเป็นที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม