3

2403 คำ
“โอเค! ไปขึ้นรถ เดี๋ยวแด๊ดจะขับไปส่ง” ออร์แลนโด้บอกพลางหันไปพยักหน้าให้พี่ชายรีบออกเดิน ‘พระเจ้า! หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หรอกนะ’ “คร้าบบบ” สามหนุ่มรีบวิ่งตรงไปยังรถของบิดา “บอกไอ้เจคว่าถ้าฉันเจอมันเมื่อไหร่ เจ็บหนักแน่!” แพททริกสันหันไปทิ้งทวนก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม ทั้งที่จริงแล้วโคตรจะอับอาย “คะ...ครับ” มาร์คก้มหน้าลงนิดๆ อย่างนอบน้อม ก่อนจะเงยขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของรถสปอร์ตสุดหรูทั้งสองคันขับแล่นออกไปด้วยความเร็ว “เฮ้อ...บอสนะบอส! เมื่อไหร่จะเลิกป่วนคนนั้นคนนี้สักทีวะ” คนที่ต้องมาทนก้มหน้ารับกรรมให้ทุกครั้งสบถออกมาอย่างรู้เหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันไปบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ให้เตรียมตัวเดินทางกลับไปคฤหาสน์โรคาซานเดอร์ วันต่อมา...ประเทศไทย หลังเครื่องบินส่วนตัวลงแตะที่รันเวย์ของสนามบิน เจคอปก็ขับรถตรงไปยังร้านอาหารเอื้องลานนา ที่อยู่ข้างๆ กับโรงแรมมะลิฉัตร แกรนด์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเหล่าบอดี้การ์ดที่เดินทางมาเฝ้าติดตามดูอยู่ห่างๆ ทันทีที่เข้าไปข้างในร้านอาหาร เจคอปก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของพนักงานเสิร์ฟสาวแสนสวย ที่ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปกี่ประเทศ พบเจอกับดารา-นางแบบเป็นร้อยเป็นพัน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาเก็บเอาไปนอนฝันได้นอกจากสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า มารีอา อนันพิศสุทธิ์ อายุ 22 ปี สูง 161 เซนติเมตร สาวน้อยวัยสดใสดุจดอกไม้แรกแย้มที่กำลังเบ่งบาน เธอทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารเอื้องลานนานมาเกือบสี่ปี ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งจนกระทั่งจะจบการศึกษาปริญญาตรี ซึ่งกำลังรอสอบเข้าทำงานที่โรงแรมใหญ่ระดับห้าดาวแห่งหนึ่งอยู่ “สวัสดีค่ะ” มารีอายกรีบมือไหว้ เมื่อเห็นลูกค้าหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทา เข้ามานั่งยังโต๊ะซึ่งเป็นโซนที่เธอดูแลอยู่ “พระเจ้า! หน้าอกใหญ่เป็นบ้า” เจคอปจ้องมองหน้าอกขนาดเกินตัวกับเอวที่เล็กคอดนั้นด้วยหัวใจสั่นๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างรู้สึกกระหาย “คะ...คุณว่าอะไรนะ?” มารีอารู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก พลัน! ภาพข่าวสยองขวัญ คดีฆ่าหั่นศพที่กำลังดังครึกโครมก็ผุดขึ้นมาในหัว พยานหลายปากที่พบเห็น ต่างให้การเป็นเสียงเดียวกันว่า...ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวต่างชาติ หน้าตาดี อายุราวๆ 35-40 ปี ซึ่งมันก็ตรงกับคนที่นั่งส่งสายตาแวววาวมาให้เธอในตอนนี้ซะเหลือเกิน “เอ่อ...ผมพูดว่าคุณน่ารักเป็นบ้าน่ะครับ” เจคอปอึกอักรีบออกตัว เพราะดันเผลอพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจออกมา “แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณพูดว่า หน้าอกใหญ่เป็นบ้า” มารีอาเอ่ยท้วงเสียงแข็ง “โอ้พระเจ้า! ผมพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ เหรอครับ?” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกลบเกลื่อน หลังสาวเจ้าทวนประโยคที่น่าอับอายให้ฟังอีกครั้ง “ใช่! ฉันก็ได้ยินแบบนั้นนะ” ชายวัยหกสิบที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ ช่วยยืนยันอีกเสียง “ว้าว!” เจคอปหันไปยิ้มให้กับพยาน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสาวเจ้าอย่างจำนน “ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมาจริงๆ” “โอเคค่ะ! คุณจะสั่งอาหารหรือยังคะ?” มารีอาถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มราวกับกำลังเก็บรายละเอียดของคนร้าย “คุณพอจะช่วยแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” เจคอปส่งยิ้มให้สาวตรงหน้าอย่างรู้สึกความเก้อเขิน มารีอาฝืนยิ้มตอบบางๆ เตรียมจะเอ่ย “เมนูแนะนำของร้านก็มี...” “คุณอายุเท่าไหร่?” “22 ค่ะ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?” มารีอาบอกก่อนจะทำหน้าตกใจ! เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงที่เป็นเหยื่อทั้งสามคนก็ล้วนแต่อายุ 22 เท่าๆ กับเธอ “เปล่าครับ แค่ถามดูเฉยๆ” เจคอปฉีกยิ้มกว้างราวกับหุ่นของบริษัททะยานขึ้นสามสิบจุดในระยะเวลาไม่กี่นาที “ให้ตายสิ! ฉันนึกว่าหนูอายุ 17 นะเนี่ย?” ชายวัยหกสิบยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะมองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มที่อ่อนเยาว์อย่างไม่อยากจะเชื่อ “ขอบคุณพระเจ้าที่มีคนคิดเหมือนผม” เจคอปบอกพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เอ่อ...” มารีอาปาดเหงื่อที่ไหลลู่ตรงขมับทิ้งด้วยมือไม้สั่นๆ ขณะที่ฉากฆาตกรรมต่างๆ ผุดขึ้นมาในจินตนาการของเธออย่างต่อเนื่อง “คุณช่วยสั่งอะไรก็ได้ให้ผมทานสักสองสามอย่างสิครับ!” เจคอปรีบบอกเพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะโกรธ แล้วให้พนักงานคนอื่นมาดูแลโต๊ะที่ตนนั่งแทน “ดะ...ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวตอบก่อนจะรีบเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ด้วยสีหน้าตื่นๆ เจอคอปมองตามเรืองร่างบอบอบางที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าทะนุถนอม ด้วยหัวใจสั่นๆ กับทุกก้าวที่สาวเจ้าเดิน มันทำให้เขาอยากจะวิ่งเข้าไปอุ้มเธอ แล้วพาไปกระทำชำเราที่ไหนสักแห่งให้หนำใจ สาสมกับที่เธอทำให้เขาต้องนั่งเครื่องบินไปบินไปมาเหมือนคนบ้าอยู่แบบนี้ เพราะสามปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่เฝ้ามองดูเธออยู่ห่างๆ ให้คนตามดูแลอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเธอใกล้จะเรียนจบ เขาก็เริ่มอยู่ไม่สุข ไม่อยากทำตัวเหมือนออร์แลนโด้ที่พอเจอหน้าปุ๊บ! ก็ลากไปทำเมีย มันดิบเถื่อนเกินไป มันต้องแบบแพททริกสันกับ พิมพลอยถึงจะโรแมนติกและประทับใจ ยกเว้นเรื่องที่โดนยิงจนเกือบจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ซึ่ง! เขาจะไม่ขอเจอะเจอสถานการณ์นั้น คนที่คิดเองเออเองโดยลืมไปว่าแพททริกสันกับพิมพลอยนั้น ต่างฝ่ายก็ต่างมีใจให้กัน แต่กับตนนั้น! สาวเจ้าแทบจะไม่ได้รับรู้หรือว่ารู้สึกใดๆ นอกเหนือไปจากฆาตกรโรคจิตที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ สายสุณีรีบสะกิดเพื่อนสาว หลังเห็นลูกค้าหนุ่มหล่อเอาแต่มองตามราวกับว่าทั้งร้านมีแค่มารีอาอยู่คนเดียว “รีอา! ฝรั่งคนนั้นต้องชอบแกแน่ๆ เลย” “บ้า! อีตานั่นน่ากลัวจะตาย” มารีอาบอกพลางเบ้ปากใส่เพื่อนนิดๆ “น่ากลัวบ้าบออะไรฮะแก หล่อจนเปล่งประกายลำแสงฆ่าผู้ชายในร้านตายไปหลายคนซะขนาดนั้น เป็นฉันจะรีบตะคลุบเลย” สายสุณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความหล่อบาดตาบาดใจของหนุ่มลูกครึ่งที่พูดไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้คนที่ไม่เก่งภาษาอย่างเธอสื่อสารได้อย่างไม่ต้องเขินอาย “งั้นแกก็รีบไปตะคลุบซะสิ” มารีอาส่ายอย่างหน้าเพลียๆ กับท่าทีของเพื่อนสาว “จ้า! ถ้าฉันปลีกตัวไปได้นะ แกแหกตาดูลูกค้าที่โซนฉันซะก่อน” สายสุณีบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นอย่างสุดเซ็ง เพราะคนหล่อบาดจิตไม่ยอมมานั่งตรงโซนที่เธอให้บริการ มารีอาหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าของเพื่อนสาว ก่อนจะตกใจกับเสียงกริ่งเตือนอาหารออกที่ดังขึ้นติดๆ กัน ติ้งๆ ติ้งๆ “เขาให้มาเสิร์ฟ ไม่ใช่มาหาผัว!” สาทรชะโงกหน้าออกมาจากบานประตูขนาด 30X30 ซม. ที่กั้นระหว่างภายในร้านอาหารกับในครัว ก่อนจะส่งเมนูที่เพิ่งจะทำเสร็จให้กับน้องสาวที่ชอบพูดจาราวกับสาวร่านสวาทก็ไม่ปาน “โห...ปากแบบนี้ ไม่น่าเกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกันเลย” สายสุณีถลึงตาใส่พี่ชายจอมปากเสีย “น้องแรดๆ อย่างแก ฉันก็ไม่อยากนับญาติเหมือนกัน” สาทรตอบอย่างไม่สนใจ “ฝากเอาไว้ก่อน! เดี๋ยวเลิกงานเมื่อไหร่จะเข้าไปกระทืบถึงในครัวเลยคอยดู” สายสุณีคาดโทษพี่ชายก่อนจะยกอาหารใส่ถาดไปเสิร์ฟ “เออ! อยากตายก็เข้ามา” สาทรบอกตามหลังด้วยน้ำเสียงท้าทาย สายสุณีที่เดินไปได้หลายก้าว หันกลับมาส่งสายตาพิฆาตรให้ ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วฉีกยิ้มให้กับลูกค้าตามโต๊ะที่เดินผ่าน “คิกๆๆ” มารีอาหัวเราะเบาๆ กับการสนทนาระหว่างพี่น้องที่ค่อนข้างจะฮาร์ทคอร์ไปสักนิด แต่มันคือเรื่องปกติที่เธอเจอมาตลอดหลายปี จึงไม่ได้ตกใจกับน้ำเสียงและคำพูดที่ทั้งสองสาดใส่กัน “เอ่อ...น้องรีอาอย่าไปทำตามที่อีส้มมันพูดนะจ๊ะ” สาทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้สาวในฝัน “ค่ะพี่ทร” มารีอายิ้มบางๆ ให้เชฟใหญ่ของร้านอย่างอายๆ “เดี๋ยวเลิกงานพี่ไปส่งกลับห้องนะ” สาทรพยายามจะสานสัมพันธ์ให้พัฒนาไปไกลกว่าพี่ชายของเพื่อน “เลิกงานแล้วรีอาว่าจะไปหาอะไรกินกับส้มน่ะค่ะ” มารีอารีบบอก เพราะตั้งใจว่าจะไปสังสรรค์เบาๆ กับเพื่อนสาว หลังจากที่นัดกันมาแล้วหลายวัน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที “พี่ไปด้วยคนสิ!” สาทรยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด เมื่อมองเห็นโอกาสงามๆ ‘หึ! อย่างแรกเราต้องมอมเหล้าอีส้มก่อน จากนั้นค่อยจีบน้องรีอา’ “ได้ค่ะ รีอาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” มารีอาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปยกเบียร์สดที่บาร์เทรนเดอร์ส่งให้ นำไปเสิร์ฟลูกค้า เจคอปหน้าตึงขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นเชฟหนุ่มคุยกับสาวที่ตนหมายตา “รีอา! ผมขอ Stella เพิ่มแก้วหนึ่งครับ” คนที่เริ่มตาขวางแต่กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ทั้งที่ภายในใจนั้นรุ่มร้อนจนอยากจะลุกไปเตะเชฟของร้านให้รู้แล้วรู้รอด “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” มารีอาพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่บาร์เครื่องดื่ม แล้วบอกบาร์เทรนเดอร์ให้กดเบียร์สดให้ ติ๊ดๆ เจคอปที่กำลังมองตามบั้นท้ายงอนงาม กลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น พอก้มลงมองที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นสายของคนสนิทจึงรีบกดรับ [ว่าไง?] [บอสครับ! คุณอลันเหวี่ยงใหญ่เลยครับ] คนที่เพิ่งจะประชุมเสร็จ ก็รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวแล้วต่อสายหาผู้เป็นนายอย่างร้อนใจ [แกยังไม่ชินอีกเหรอ?] เจคอปถามราวกับเป็นเรื่องปกติ [แหม...ผมอยากให้บอสมาอยู่ด้วยจัง จะได้รู้ว่าวันนี้คุณอลันน่ากลัวขนาดไหน] คนที่ต้องรับหน้าแทนครั้งแล้วครั้งเล่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ [เอาน่าๆ เดี๋ยวสิ้นปีฉันจะเพิ่มโบนัสให้พิเศษ] เจคอปรีบบอก [แหมะ! ผมกลัวจะโดนคุณอลันฆ่าตายก่อนจะได้ใช้เงินโบนัสของบอสครับ] มาร์คเอ่ยประชดอย่างอดไม่ได้ [ฮ่าๆๆ พี่ฉันก็ขึงขังไปงั้นแหละ เห็นโหดๆ แบบนั้นนะ จริงๆ แล้วกลัวเมียจะตาย กลับบ้านไปนี่เสียงอ่อนเสียงหวานเลย] คนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแสร้งเบี่ยงประเด็น เพราะกลัวว่าคนสนิทจะเกิดป๊อดขึ้นมา [ก็นั่นมันเมียนี่ครับ] มาร์คกลอกตาอย่างเพลียๆ กับคำปลอบของผู้เป็นนาย ที่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำหลายๆ อย่างให้ยุ่งยากมากความไปทำไม กับอีแค่ชอบสาวคนหนึ่ง ทำไมไม่จัดการลากเข้าห้องทำเมียซะให้เสร็จๆ ไป เพราะตลอดสามปีที่ผ่านมา ก็แอบบินหนีงานไปไทยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทิ้งให้ตนต้องคอยรับหน้าแทน เดี๋ยวเข้าประชุมกับออร์แลนโด้ เดี๋ยวเข้าประชุมกับแพททริกสัน แถมวันดีคืนดีนายใหญ่อย่างเลโอนาด์ทก็มาเยี่ยมเยือนบริษัทโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำให้เขาที่ต้องมานั่งคอยตอบคำถามต่างๆ แทน จนแทบอยากจะกลั้นใจตาย [เออๆ แค่นี้ก่อนนะ] เจคอปตัดสายคนสนิททิ้งอย่างไม่ไยดี เมื่อเห็นสาวเจ้าเดินมาที่โต๊ะ “เบียร์ค่ะ” มารีอาวางแก้วเบียร์ที่โต๊ะให้อีกฝ่าย แล้วถอยออกไปยืนอยู่ข้างๆ “ขอบคุณครับ” เจคอปคลี่ยิ้มก่อนจะชวนคุย “เรียนใกล้จบหรือยังครับ” “ค่ะ” มารีอาตอบอย่างมึนๆ “แล้วคิดเอาไว้หรือเปล่าครับ ว่าจะไปสมัครงานที่ไหน?” เจคอปถามต่อยิ้มๆ “คิดว่าจะลองไปสมัครงานที่โรงแรมข้างๆ นี้ดูค่ะ” มารีอาอย่างรู้สึกประหม่านิดๆ “โรงแรมมะลิฉัตร?” “ใช่ค่ะ” “ทำไมถึงอยากทำที่นั่นครับ” “ก็หลายๆ อย่างค่ะ สวัสดิการ ที่พัก เงินเดือน ค่อนข้างจะเพอร์เฟกต์เลยทีเดียว” เธอตอบตามตรง “จะไปสมัครในตำแหน่งไหนครับ” “พนักงานต้อนรับค่ะ” “แล้วแฟนของคุณเขาจะไม่ว่าเหรอ?” เจคอปถามเข้าเรื่องทันใด “คะ...ใครคะ” มารีอาขมวดคิ้วถามอย่างมึนงง “ก็...” เจคอปลากเสียงค้างไว้แล้วหันไปมองที่ห้องครัว “อ๋อ! นั่นพี่ชายของเพื่อนหนูค่ะ ไม่ใช่แฟน” มารีอาบอกพลางหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกขำ ที่คนตรงหน้าแกล้งถามนั่นนี่ สุดท้ายก็วนมาที่เรื่องส่วนตัว “จริงเหรอครับ?” เจคอปอมยิ้มก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ “ค่ะ” มารีอาพยักหน้ายืนยันในคำตอบ “คุณจะเข้าไปสมัครงานวันไหนครับ” เจคอปกลับมาถามเรื่องงานต่อ “น่าจะต้นเดือนหน้าค่ะ” “อีกตั้งสามอาทิตย์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม