ตอนที่ 2 อุบัติเหตุ
แต่ก่อนที่นายหญิงคีย์ตะวันจะได้เรียกลูกชายทั้งสามคนมารวมกันก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ทุกคนได้รับข่าวก็รีบตรงไปที่โรงพยาบาลในเครือของเดอะคิงส์กรุ๊ปทันที เพราะตอนนี้มีเทศกาลประจำปีให้พ่อเทพบุตรของเธอทั้งสามมารวมตัวกันอยู่ที่ฮ่องกง เวลานี้คงไปเที่ยวเล่นตามประสาหนุ่ม ๆ นั่นแหละ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
นายใหญ่กับนายหญิงมาถึงก็เจอกับเสี่ยงคุน หรือ นำทัพ ฝาแฝดคนโตยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องไอซียู หน้าตาดูซีดเผือดไปหมด
“มันเกิดอะไรขึ้น!” ไต้คุณตรงเข้าไปถามลูกชายหลังจากได้ทราบเรื่องว่าเสี่ยวคุนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำกับเพื่อนสนิทของลูกชายอีกคน
“น่าจะมีคนตัดเบรกรถคันที่ไอ้รบมันแข่งครับ แต่คนขับคือมาร์คัสหมอนั่นเกิดบ้าดีเดือดหักพวงมาลัยหมุนรถด้านไอ้รบออกมันจึงชนเข้าเต็ม ๆ กับต้นไม้ข้างทาง อาการสาหัสทั้งคู่ครับนายใหญ่” นำทัพหันไปรายงานกับผู้เป็นพ่อแต่จะติดเรียกว่านายใหญ่มากกว่า ตอนนี้จิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวดีเพราะเป็นห่วงน้องและเพื่อนสนิท
“พวกมันต้องปลอดภัย” นายใหญ่ตบแผ่นหลังลูกชายอย่างปลอบประโลม ทั้งที่หัวใจตัวเองก็เต้นแรงไม่แพ้กัน ยังไงคนที่นอนอยู่ในห้องไอซียูก็คือทายาทสายตรงของเขาอีกคน
“ผมก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นครับ” นำทัพเดินไปสวมกอดผู้เป็นแม่ เขารู้ว่าแม่ตกใจมากแน่แต่คนทำธุรกิจอย่างเราจะแสดงอาการออกมาว่าเศร้าเสียใจมากก็ไม่ได้ บางทีมีเงินมีอำนาจไม่ได้ทำให้มีความสุขเลยด้วยซ้ำไป
“แม่รู้ว่าน้องแกต้องปลอดภัย”
“ครับ สวรรค์ไม่รับคนชั่วอย่างมันหรอก นรกก็คงไม่กล้าเหมือนกันเดี๋ยวมันไปแย่งตำแหน่งยมบาล”
คีย์ตะวันส่ายหัวให้กับความปากร้ายของลูกชายก่อนจะหันไปคาดโทษสามีทางสายตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปากดีเหมือนใคร
เนื่องจากช่วงนี้พวกเขาได้กลับมาเยี่ยมญาติในตระกูลตามเทศกาลสำคัญ เลยนัดลองแข่งรถตามประสาลูกผู้ชายอกสามศอก แต่เพราะเป็นสนามนอกข้างทางมีต้นไม้ หน้าผา ของจริงพอพลาดมาเลยเจ็บหนักกว่าสนามที่จัดขึ้น ทั้งที่ตรวจสอบสภาพรถก่อนแข่งแล้วไม่คิดว่าพวกมันจะเล่นตุกติกตัดสายเบรก แถมคนที่ขับคันนั้นคือมาร์คัสเพื่อนสนิทของพวกเขา และมีไอ้รบนั่งข้างไปด้วยตามประสาคนชอบลองความเร็ว แต่ใครจะคิดว่ารถที่วิ่งด้วยความเร็วเหมือนติดจรวจจะเบรกไม่อยู่
การผ่าตัดในห้องไอซียูผ่านไปเกือบ 10 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีหมอออกมาสักคน มีเพียงพยาบาลวิ่งสลับกันออกมาเอาเครื่องมือหรือถุงเลือดเข้าไปเพิ่ม มาร์คัสไม่มีครอบครัวเป็นเด็กกำพร้าเติบโตมาในสถานที่อย่างว่า หน้าห้องผ่าตัดเลยมีเพียงตระกูลหวังนั่งรอฟังข่าวด้วยสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน
“ไม่เป็นไรนะคีย์ ไม่เป็นไร” ไต้คุณตบบนหลังมือภรรยาเบา ๆ ก่อนจะวาดวงแขนไปโอบกอดไหล่เล็กในยามที่สั่นไหว ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนพยายามกลั้นร้องไห้สุด ๆ “มันเกิดมาเป็นลูกฉันไม่มีสิทธิ์ตายโง่ ๆ แบบนี้”
“ดูพูดเข้า เพราะคุณไงลูกฉันถึงชอบอะไรรุนแรงแบบนี้”
“ลูกผู้ชายตัวจริงก็แบบนี้แหละ”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วง ตลอดยี่สิบกว่าปีที่เลี้ยงพวกแฝดมาใครจะไม่รู้ว่าพวกมันโดนตามใจแค่ไหน เรื่องเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่ครั้งแรก เข้าโรงพยาบาลจนไต้ลู่อยากลาออกจากการเป็นพี่ชายของพวกมัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักสุด เขาสอนให้พวกมันระวังตัวอยู่เสมอ แต่สุดท้ายก็ยังพลาดให้พวกศัตรูลอบทำร้ายอยู่ดี
“ไต้ลู่ น้องเราเป็นยังไงบ้าง” คีย์ตะวันตรงเข้าไปหาลูกชายคนโตของไต้คุณ ตอนนี้เป็นคุณหมอฝีมือดีมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการหมอตามที่ได้ตั้งใจไว้ เธอภูมิใจในลูกชายคนนี้ของไต้คุณสุด ๆ หาใช่พวกแสบที่ไม่เอาการเอางานสร้างแต่ความเดือดเนื้อร้อนใจ และยังมักทำตัวให้เป็นห่วงเหมือนไม่รู้จักโตกันแบบนี้
“การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีครับนายหญิงนายใหญ่ รอดูอาการในห้องไอซียูก่อนนะครับ ถ้าดีขึ้นตามลำดับจะได้ย้ายไปตึกผู้ป่วย” ไต้ลู่ในวัย 32 ปี นอกจากหน้าตาที่หล่อบาดจิตบาดใจ ความสุขุม ใจเย็น และรักความยุติธรรมชอบการช่วยเหลือ แต่ยังมีเค้าโครงเย็นชาเหมือนผู้เป็นพ่อ ตอนนี้กำลังคลี่ยิ้มอบอุ่นซึ่งมีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้ “น้องกับเพื่อนมึงปลอดภัย สบายใจได้” หันไปยักคิ้วให้น้องชายคนกลางก็ว่าได้
“ผมรู้ว่านรกไม่กล้าเอาตัวพวกมันไปหรอก มีหวังตำแหน่งยมบาลสั่นคลอนแน่ถ้าพวกมันลงไป” นำทัพเดินไปสวมกอดพี่ชายคนโต ถ้าเป็นคนในครอบครัวถูกอบรมสั่งสอนมาด้วยกันจะไม่มีความเขินอายใด ๆ แม้แต่หอมแก้มในวันสำคัญก็สามารถทำได้ไม่ต้องเคอะเขิน
“ผมกลับเข้าไปดูน้องก่อนนะครับ ทุกคนสบายใจได้” ไต้ลู่พยักหน้าให้นายใหญ่กับนายหญิงก่อนจะเดินไปตบบ่าน้องชายสองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดอีกครั้ง
“รู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร?” นายใหญ่หันไปถามแฝดคนโต
“แปลกมากครับ ผมเป็นคนเช็กทุกอย่างเองกับมือ มีเพียงแค่เวลาเดินกลับเข้าไปในเลานจ์ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น ไม่คิดว่าพวกมันจะฝีมือดีขนาดนี้”
“ไม่แปลกหรอก อย่าคิดว่ามีแค่เราที่เก่ง พวกที่อยากล้มตระกูลเราก็ถูกฝึกมาไม่ต่างกัน”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดนะลูก น้องกับเพื่อนต้องปลอดภัย”
นำทัพพยักหน้าเบา ๆ พวกมันกล้าลองดีแถมยังลงมือรวดเร็ว เขาเป็นคนเช็กและตรวจสอบทุกอย่างเองแท้ ๆ ยังไม่วายถูกพวกมันตัดเบรกรถได้
ผ่านไปสามวันแล้วตอนนี้ห้องผู้ป่วยเต็มไปด้วยหนุ่มหน้าตาดี คนป่วยที่พึ่งฟื้นเมื่อคืนวานสภาพยับเยินแบบไม่น่าให้อภัย แต่เหมือนสวรรค์จะยังรักมันอยู่เพราะบริเวณกรอบหน้าแทบไม่มีแผลใด ๆ จะมีก็แค่ช่วงล่างลำตัวลงไป กระดูกร้าว แขนหัก แถมยังถูกกิ่งไม้จ้วงแทงที่ช่วงเอวอีก
“กูต้องรักษามึงหายแน่ ไม่ต้องกังวล” ไต้ลู่ยืนหันหลังพิงผนังห้องสำรวจคนเป็นน้องอยู่ในที แม้หน้าตามันจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาเหมือนเคย แต่เขาที่เป็นหมอรู้ดีว่าเจ็บมากแน่นอน
“แม่ง ใครวะ!” นำทัพนั่งหัวเสียอยู่ข้างเตียง มองคนที่มีกรอบหน้าเหมือนตัวเองเด๊ะ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีอย่างเจ็บใจ “กูเช็กเองกับมือแท้ ๆ แถมกล้องยังมาเสีย คอ วอ ยอ มากจริง ๆ”
“ไม่ใช่ความผิดมึงหรอกน่า ไอ้มาร์คัสฟื้นหรือยัง?”
สองพี่น้องส่ายหน้าไปมาเพื่อตอบน้องชายคนเล็ก แอบเห็นใจมันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพื่อนหักพวงมาลัยหลบยอมเจ็บตัวมากกว่าเพราะช่วยตัวเอง บุญคุณครั้งนี้ทั้งตระกูลหวังไม่มีทางลืม
“พวกมึงรู้ใช่ไหมว่ามันช่วยชีวิตกู” นักรบช้อนตามองพี่ชายทั้งสอง
“รู้ กูจะพยายามสุดความสามารถ” ไต้ลู่ไม่ได้ติติงที่น้องชายเรียกอย่างสนิทสนม เป็นเพราะเมื่อก่อนเขากลัวน้องไม่รักไม่สนใจเลยยอมตามใจ สุดท้ายเป็นไงสนิทกันเกินไปก็งี้ แต่พวกมันสองคนเคารพเขาในฐานะพี่ชายเสมอ เขารู้อยู่แก่ใจ
“กูจะไปเอาเลือดหัวพวกมันมาล้างตีนเลยคอยดู!” นักรบพูดออกมานิ่ง ๆ ตามสไตล์หนุ่มหล่อทะเล้นแต่ติดเย็นชาไปหน่อย แต่ภายในใจคือเดือดปุด ๆ