บทที่ 9 จัดว่าเด็ด

1699 คำ
บทที่ 9 “อ่า...ชื่นใจ” เอิร์ทเอ่ยหลังดูดคาปูชิโน่ปั่นเต็มกลืน ผมกับเอิร์ทเราต่างหมดสภาพ สายตาเราทั้งคู่ดูท้อแท้และสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน สงสัยนี่จะเป็นการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่าน “เอาไหม” ยื่นแก้วที่เต็มไปด้วยคุณค่าของน้ำตาลและคาเฟอีนให้พิจารณา “ไม่น่าได้” ผมเริ่มเจียมบอดี้ เดี๋ยวเป็นเหมือนเมื่อวานอีก ‘ลำบากคนอื่นแย่’ “ไม่ดื่มกาแฟเหรอ” “ใช่ ดูเหมือนเราไม่ค่อยเป็นมิตรกับคาเฟอีนสักเท่าไหร่” นวดท้ายทอยให้ตัวเองในขณะฟุบลงกับโต๊ะ“จะรอดไหมเทอมนี้” ผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อมีมือใหญ่ของใครบางคนยื่นมานวดท้ายทอยให้ ผมสะดุ้งแต่พอรู้ว่าเป็นพี่ทักษ์ผมจึงก้มลงอีกครั้ง “ไงเรา อาจารย์ซ้งสอนดีไหม” อุตส่าห์มาดักรอดูบันเทิงมากจนมาดักรอดูสภาพของต้าด้วยสายตาตัวเอง ณ ที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าอาจารย์ซ้งสอนโหด แต่เขาชอบนะ เรียนไม่พักดี “...” ผมขยับหน้าวกมามองเขา เห็นนิ่งๆ ไม่นึกว่าจะกวนตีน “มองพี่ทำไม” แสร้งไม่เห็นความอาฆาตรจากร่างเล็กกว่า “พี่ทำอะไรผิดเหรอ” “พี่บอกว่าอาจารย์แกสอนสนุก” “ไม่ใช่เหรอ” นั่งลงข้างๆแล้วนวดต่อ การเป็นสายรหัสทำให้สสามารถใช้สถานะตีเนียนพูดคุยได้เท่าที่ต้องการ ดูไม่น่าเกลียด แถมยังไม่มีพิรุธอีกด้วย ‘เอ็นดูวะ’ “หืยย/หืยย” ผมกับเอิร์ทตอบและส่ายหน้าหวือพร้อมกัน “สองเสียงก็ต้องดีกว่าหนึ่งเสียงสินะ” ทักษ์หัวเราะออกมาจนได้ “พี่ว่าแคลหนึ่งก็สนุกดี” “พี่ทักษ์ติวให้พวกผมบ้างสิ” เอิร์ทเสนอ “พวกผมจะตั้งใจเรียนเลยครับ” “ฮ๊ะ” ผมอ้าปากหว๋อ “ถ้าติววันนี้ไม่พร้อมหรอก ไม่ไหวแล้วลูกเพ่!” ผมจะตายแล้ว ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างแรง “เดี๋ยวคงชิน เรียนไม่ยากอย่างที่คิดหรอก ฝึกทำโจทย์เยอะๆ” “แล้วเรื่องติวล่ะครับ” เอิร์ทกะพริบตาปริบๆอย่างมีความหวัง “หาเวลามาสิ ทั้งสองคนเลย” ถือซะว่าไถ่โทษที่แกล้งก็แล้วกัน จะได้ไม่รู้สึกผิด “เยส!!” คนขอดีใจพร้อมทำท่า “ขอบคุณครับ” “ดีขึ้นบ้างไหม” นั่งลงพร้อมกับนวดให้ไอ้ตัวเล็กต่อ ดูท่าจะไม่ไหวจริงๆ “น้ำเปล่าไหม มันช่วยให้ดีขึ้นนะ” “ดื่มไปครึ่งขวดแล้วครับ” แพนสายตาไปยังขวดน้ำ “หนังสือเล่มตั้งหนา” ผมต้องโดนรีไทม์แน่ๆ จุดจบอนาถามาก “กังวลขนาดนั้นเลยเหรอ” เคลียดเกิ๊น... “ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าโคตรโหด” ตอนสอบเข้าว่าสุดแล้ว มาตอนนี้จัดว่าหนัก!! “ฮ่าๆ ไม่ขาดนั้นหรอกมั๊ง” ถึงกับตาลอย “พี่จะติวให้จริงเหรอครับ” ผมยังอยู่ท่าเดิม ทำเพียงเอียงหน้าไปทางเขา “อือ” “ติวจนสอบผ่านรึเปล่า” “คงไม่ต้องติวหนักขนาดนั้นหรอกมั๊ง” “ผมเป็นคนเข้าใจยากครับ ไม่รู้หลุดมาเรียนหมอได้ยังไง” คนอื่นทำไมดูสบายๆจังเลยวะ ไม่เข้าใจ ดูผมสิตาลีตาเหลือก “ตอนฟังอาจารย์พูดผมเกือบน้ำลายฟูมปาก” คราวนี้ทั้งเอิร์ทและพี่ทักษ์ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ใจเย็นไอ้หนู” เป็นคำเรียกติดปากไปแล้ว “มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก” “จริงเหรอ” สภาพ! แย่! มาก! “เหมือนต้าอ้อนแฟนเลยนะเนี้ย” เอิร์ทเริ่มอิจฉาความสนิทสนมกันของทั้งคู่ เขาหมายตารุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรกเจอ แค่ยังไม่อยากผลีผลามเข้าหากลัวว่าถ้าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีรสนิยมเหมือนตน “...” “...” ผมงงจนต้องเกาหัว สงสัยเอิร์ทดูซีรีย์วายบ่อยเกินไปรึเปล่า “พี่ทักษ์มาเป็นแฟนผมเถอะ” “ฮ่าๆ ไอ้เด็กบ้า” เสียงห้าวขำกลิ้งกว่าเดิม “ขอจริงรึเปล่า” เอ็นดูเมื่อจอมยุ่งเปลี่ยนท่ามาเกาะแขนเหมือนจับจอง “จริงฮัพ” “นั่น!!” ปรายยกสองแขนขึ้นแล้ววิ่งมาทางน้องรหัสตน “พี่ทักษ์สวัสดีค่ะ” “เออ หวัดดี!” ยกมือทักทายรุ่นน้อง “ไงไอ้ปราย มาปั๊มหัวใจน้องรหัสเราสิ เจอแคล1ก็จะตายแล้ว” “ง่า...พี่ปราย” ผมเขย่าแขนพี่ปรายยิกๆ “ทำไมมันยากขนาดนี้” “แคล 1 เจอใครเหรอ” ปรายตบไหล่ปลอบใจน้อง “เจออาจารย์ซ้งครับ” “เฮียซ้งเหรอ เจ็บแน่” คนเคยเจอมาก่อนบอก “จัดว่าเด็ด ...เด็ดหัวเด็กเป็นแถบ เจอของยากมาก ยากแบบตะโกน ให้เกรดยาก ยากๆๆ” “ง่า...ปลอบใจสุดๆ” นี่สิของจริง ไม่โกหก! “แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวหมูกระทะจะเยียวยาทุกอย่างเอง วันนี้เรามีนัดจำได้ไหม” “จำได้ครับ” ผมอยากรู้เหลือเกิน พี่ๆ เค้าใช้น้ำหอมอะไรทำไมมีแต่คนตัวหอมๆ “พี่ทักษ์อย่าลืมนา...” ปรายย้ำ “อย่าชิ่งอีกนะพี่” “รู้แล้ว รู้แล้วครับบบบ” “ดีมากค่ะ” ปรายส่งวิงค์ให้ “ปรายไปแล้วนะ วันนี้มีอบรมก่อนเจออาจารย์ใหญ่” “ปีสองเจออาจารย์ใหญ่เหรอครับ” “ใช่ รอเลยไอ้น้อง” ปรายหยิกแก้มน้องด้วยความหมั่นเขี้ยว “แก้มนุ่มจังเลย น่าร๊าก...” “...” ทุกคนชอบรังแกผมด้วยการหยิกแก้ม ตอนแรกพี่ทักษ์ไม่หยิกนะพอเห็นพี่ปรายหยิกเท่านั้นแหละ เค้าหยิกแก้มผมเหมือนกันเฉย ‘เอาล่ะ จะทำอะไรก็ทำผมเพลีย!’ “พี่ทักษ์มารับปรายด้วยนะ ปรายขี้เกียจขับรถ” “รู้แล้วนา...สั่งยิ่งกว่าแม่อีก” “บ้า...ไม่อยากไปแทนที่ป้าศจีเลย เขิน” “ไอ้ปราย!” “โอเค ไปล่ะ” วิ่งปรู๊ดขึ้นบันไดในทันที “ไว้เจอกันค่ะ” “พี่ปรายเค้ามีชีวิตชีวาจังเลยนะครับ” ดูเอนจอยกับการเรียนรู้ “พี่ปรายยิ้มสวยจังเลย” “ใช่ ชอบเหรอ” “ครับ ใครๆ ก็ชอบคนอัธยาศัยดี ไม่ใช่เหรอครับ” ผมดันหันกลับมาสบตาพี่ทักษ์อีกแล้ว ดวงตาสีดำสนิทดูลึกลับซับซ้อน และในนั้นมีผมอยู่อีกแล้ว “อะแห่ม” เอิร์ทตัดบทโรเมนติคของเพื่อนด้วยการกระแอมไอหนึ่งที “ตรงนี้ยังมีผมอีกคนนะครับ” “เออ! เราไปรอเรียนคาบบ่ายในหอสมุดกันไหมเอิร์ท” ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน อากาศก็เริ่มอบอ้าวขึ้นสงสัยฝนจะตก “งั้นพี่ไปล่ะ มีธุระ” “ไปไหนครับ” ผมคว้าแขนพี่ทักษ์เอาไว้แน่น “กลับคอนโด” “ครับ” มือใหญ่ยีหัวผมอย่างเอ็นดู “เอามินิฮาร์ทไปครับ” “5555++ ไปนะ” “บ๊ายบาย เจอกันตอนเย็นครับ” “ครับ ครับ” “ง่า...” พี่ทักษ์พูดเพราะจัง... “ไว้เจอกัน ไปล่ะ” ขณะที่พี่เขาเดินออกนอกอาคารเรียน ผมสังเกตเห็นว่าใครๆ ก็มองพี่เขาอีกแล้ว พี่หมอทักษ์ผู้เป็นศูนย์กลางจักรวาล ประกอบกับแผ่นหลังกว้าง เรียนก็เก่ง นี่สินะที่เขาเรียกว่าเป็นที่ต้องการของตลาด “พี่ทักษ์โคตรหล่อเลยเนอะ” เอิร์ทเอ่ย “ใช่ๆ” ผมพยักหน้าสองสามที ภาคภูมิใจที่มีลุงรหัสหล่อครับ “ต้า นายชอบดูซีรีย์วายป๊ะ” จุดประสงค์คืออยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับความรักระหว่างชายกับชาย “...ไม่เคย แต่เคยได้” รู้แหละแต่เหลี่ยมเฉยๆ เปิดมาเลยเพื่อนไม่ต้องกั๊ก! “เหรอ” “มันคือซีรีย์เกี่ยวกับอะไร” ไม่ค่อยได้สัมผัสกับซีรีส์ชนิดไหนนักหรอก ไม่มีเวลาดูด้วย “มันเกี่ยวกับพวก Boy love น่ะ ไปอยู่ที่ไหนมาเนี้ย” “อยู่แถวนี้แหละ” “...” ถ้าจะบอกว่าเพื่อนกวน แต่สีหน้าของต้าก็ซื่อจนน่าสงสัย “Boy love มันคือแนวไหนเหรอ” “ก็พวกมิตรภาพลูกผู้ชายไง” “งง” มันก็เหมือนหนังทั่วไปไม่ใช่เหรอ ถ้าบอกว่าเป็นซีรีย์พวกมีเพื่อนมารวมตัวกันก็เข้าใจแล้วไหม ทำไมต้องจำแนกออกมาอีก “สงสัยจะยังไม่แตกฉาน” “คำอธิบายมันงงๆ” “แบบผู้ชายรักผู้ชายงี้” “อ๋อ...แนว Y” ต่อสิกำลังสนใจเลย “แล้วทำไมถึงชอบพูดว่าเป็นซีรีย์วาย” “ก็ไอ้ซีรีส์ Y ตัวY มันมาจากคำว่า Yaoi ของภาษาญี่ปุ่น และถ้าภาษาอังกฤษก็คือ Boy love ยังไงล่ะ” ในหัวเขาบรรจุข้อมูลมาเพียบ “อ๋อ...” พยักหน้ารับ ผมไม่อยากเป็นคนน้ำเต็มแก้ว ถ้าใครพูดอะไรมาผมพยายามฟังให้หมด เพราะช่วงที่ผ่านมาผมอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้าหมอจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง พอสอบได้ปุ๊บพักรบมันก็ชวนผมเล่นเกม หลังจากได้เล่นผมก็ไม่สนใจดูหนังหรืออะไรอีก “มันสนุกลองดูสิ” “นายชอบผู้ชายเหรอ” ผมถามเอิร์ทไปตรงๆ มันต้องรักษาให้ถูกจุดถึงจะถูก รักสาแบบเลี้ยงไข้มันไม่ดี “ทำไมคิดงั้น” กล้าๆ กลัวๆ จะบอกรสนิยมของตัวเอง “ถ้าเราชอบผู้ชาย ต้าจะยังเป็นเพื่อนเราไหม” “การรักผู้ชายไม่ใช่เรื่องผิดนี่ ทำไมเราต้องไม่เป็นเพื่อนกับนายด้วย ถ้าเราจะไม่คบใครสักคนมีกรณีเดียวคือคนคนนั้นเหี้ย” หน้าพักรบลอยมาเลย เออ! ในกรณีของมันนี่คือหลวมตัว “ชัดเจน” “ใช่สิ เราไปหอสมุดกันดีกว่า ร้อนและ!” “ไปๆ” รีบเก็บข้าวของลงกระเป๋า “เราดีใจนะที่ต้าไม่รังเกียจเรา” “เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องคิดมากนา...” ผมตบไหล่เอิร์ท “ว่าแต่ไอเย็นจะเอาชีทเคมีมาแจกตอนไหน” “สักบ่ายสองบ่ายสามมั๊ง เห็นแจ้งในกลุ่ม” ‘เคมีไฟฟ้า’ คือไม้เบื่อไม้เมาของผม สัปดาห์แรกของการเรียนผมรู้ตัวเลยว่าผมต้องสู้มากกว่าช่วงมัธยม ผมจะต้องแข่งกับความขี้เกียจของตัวเองให้มากกว่านี้ ผมไม่รู้หรอกว่าใครจะเป็นยังไงแต่ผมจะต้องรอดขึ้นปีสองให้ได้ ฮึบ!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม