บทนำ.3

1863 คำ
บทนำ.3 "คุณจะทำอะไร" “ถอดผ้าให้หมด ทำให้แนบเนียน” น้ำเสียงแหบพร่าไม่มั่นคงเอ่ยบอก พร้อมกับมือหนาที่ขยับปลดกระดุมเสื้อตัวเองช้าๆ กวงจือหลินขมวดคิ้วมองดูคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ที่แท้ก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป แต่คิดจะข่มเหงเธอก็ต้องดูว่าชายหนุ่มมีความสามารถหรือไม่ มุมปากสวยยกขึ้นอย่างเย้ยหยันก่อนจะขยับมือเรียวปลดเสื้อผ้าของตนเอง ทว่ายังไม่ทันดึงปมคลายผ้า คนตัวโตก็วางมือทาบทับส่งเสียงอู้อี้ห้ามปราม “เธอเป็นผู้หญิง... ไม่ต้องถอด” คนที่ถูกฤทธิ์สุราครอบงำเอ่ยพรางส่ายศีรษะไปมา ก่อนโยนเสื้อของตัวเองทิ้งแล้วพลิกตัวลงนอนข้างๆ หญิงสาว กวงจือหลินมองชายหนุ่มที่แม้เมาจนแทบไม่มีสติแต่ก็ยังพร่ำบอกห้ามไม่ให้เธอเปลื้องผ้าด้วยอาการขบขัน ยังมีผู้ชายที่มองเธอเป็นผู้หญิงอยู่อีกหรือ ที่ผ่านมาเพราะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลกวง เธอไม่สามารถใช้คำว่าผู้หญิงมาเป็นข้อยกเว้นให้ตนเองเหมือนหญิงสาวคนอื่น สิ่งใดก็ตามที่คนอื่นทำได้ เธอล้วนต้องทำได้ และต้องทำให้ดีกว่าจึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในฐานะคุณหนูกวงได้ “ผู้หญิง... ห้ามถอด... ถอดไม่ได้...” เสียงห้ามอู้อี้ยังคงดังออกมาจากริมฝีปากคนข้างๆ มุมปากของกวงจือหลินยกขึ้นยิ้มก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับออกมาในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ไม่ถอดจะแนบเนียนได้ยังไง” ...................................................................... ในตอนเช้าเสียงเข้มดุดันดังมาจากห้องโถงชั้นล่าง กวงจือหลินที่ตื่นตัวง่ายพลันลืมตาขึ้น ก่อนจะสะกิดคนที่นอนหลับสนิทข้างกายให้ตื่นตาม “ตื่น!” กู้เหยียนลืมตาตื่นด้วยอาการหนักอึ้งในศีรษะ มองคนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยด้วยอาการตื่นตกใจ มือหนาขยับกดนวดขมับก่อนจะสลัดไปมา ทว่าไม่ทันตั้งตัวร่างกายก็ถูกหยิบสาวโอบกอดแนบชิด “กอดฉัน! เร็วเข้า!” เสียงดุเล็กน้อยของกวงจือหลินทำให้กู้เหยียนขยับมือซ้ายโอบกอดเธอเข้าแนบอก ขนกายของชายหนุ่มพลันรุกชัน ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มที่แนบชิดแผงอกแกร่ง ปัง! เสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมกับชายวัย 50 ปี และลูกน้องอีก 5 คนของเขา กู้เหยียนรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดไหล่ขาวของกวงจือหลินโดยอัตโนมัติ ขณะที่เธอพลิกตัวหันมามองคนเป็นพ่อด้วยอาการตื่นตกใจ “คุณพ่อ!” “อาหลิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมลูกถึงได้...” กวงจือเหลียงตะคอกเสียงดัง ยกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่ลูกสาวของตนเองด้วยอาการเดือดดาล “ฉันชอบเขา นอนกลับเขาผิดที่ตรงไหนกันคะ” คนบนเตียงพูดจบก็สลัดผ้าห่มกระชับผ้าเช็ดตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง กู้เหยียนเห็นการกระทำนี้ก็รีบหันไปคว้าเสื้อของตนเองที่ตกอยู่ข้างเตียงวางลงบนไหล่บาง ความใส่ใจนี้ของเขาไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรือเรื่องจริงจากใจแต่สำหรับกวงจือหลิน นี่คือการกระทำที่เธอพอใจมาก “มันเป็นใคร” กวงจือหลินเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้สืบประวัติของชายหนุ่ม ในใจพลันเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่สีหน้ากลับนิ่งสงบหันไปส่งยิ้มหวานให้คนด้านหลัง “คุณจะไม่แนะนำตัวกับคุณพ่อฉันสักหน่อยหรือคะ” กู้เหยียนขยับตัวปรับท่านั่งให้อยู่ในท่วงท่าสุภาพ ก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วบอกกล่าวแนะนำตัว “ผม กู้เหยียน เป็นเพื่อนของอาเฉิน เอ่อ... อาหลี่ครับ” “เพื่อนของอาหลี่ เฮอะ! ที่แท้ที่ผ่านมาการคบหากันของลูกกับอาหลี่ก็ล้วนเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมอาหลิน” “ที่ผ่านมาฉันคบกับพี่หลี่จริงๆ ค่ะ เพียงแต่... ฉันชอบพี่หมอกู้ เมื่อคืนก็เลยฉวยโอกาสมอมเหล้าแล้วลากเขาขึ้นห้องมา” กวงจือหลินจำได้ว่าผู้หญิงของพี่ชายเรียกเขาว่า หมอกู้ ดังนั้นจึงตีเนียนเรียกตาม “ลากเขาขึ้นห้อง! อาหลินลูกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” กวงจือเหลียงยกมือขึ้นกุมขมับที่ปวดหนึบเป็ยทบทวี นิสัยมุทะลุไม่สนสิ่งใดของลูกสาวเขารู้ดี เพียงแต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นกล้ามอมเหล้าผู้ชายแล้วลากขึ้นห้องแบบนี้ เมื่อตั้งสติได้ก็สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก มองชายหนุ่มที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยนแล้วอยากกลั้นใจตายขึ้นมา “อาหลินคนแบบนี้จะดูแลลูกได้ยังไง” “คนแบบฉันยังต้องให้ใครดูแลอีกหรือคะ แต่คุณพ่อไม่ต้องห่วงต่อไปฉันจะดูแลเขาเอง รับรองว่าใครก็แตะไม่ได้” “กฎก็ต้องเป็นกฏ หากคิดจะแต่งเข้าตระกูลกวง 5 ด่านต้องผ่านให้ได้ ไม่มีข้อยกเว้น” “คุณพ่อ!” กวงจือหลินร้องเรียกเสียงหลง มองคนเป็นพ่อสลับกับกู้เหยียนด้วยความห่วงใย “เอาตัวไป!” กู้เหยียนไม่ทันตั้งตัวก็ถูกคนของกวงจือเหลียงลากลงจากเตียงพาขึ้นรถกลับเซี่ยงไฮ้ในทันที “พี่หลี่ แย่แล้ว! คุณหมอกู้ของพี่ถูกพ่อฉันพาตัวไปทดสอบแล้ว” “ก็ดี!” “อะไรนะ!” มุมปากของกวงซุนหลี่ยกขึ้นยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่มือยังคงคนข้าวต้มในหม้ออย่างตั้งใจ “หากเขาเป็นอะไรไป พี่ก็อย่าได้หวังว่าจะจัดงานแต่งได้อย่างสงบเลย” ข่มขู่จบกวงจือหลินก็หมุนตัวจากไป กวงซุนหลี่มองแผ่นหลังเล็กแล้วถอนหายใจยาว เขากับกู้เหยียนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยประถม เพราะเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อแม่มีเพียงย่าวัยชราที่เลี้ยงดู แม้กู้เหยียนจะเป็นคนฉลาดแต่ก็มักถูกคนรังแกเสมอ อาจเพราะความรำคาญระคนเห็นใจเขาในวัยเด็กจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือสหายคนนี้ ต่อมากู้เหยียนก็ได้ให้คำมั่นวันหน้าจะปกป้องเขาและครอบครัวของเขา ไม่คิดว่าวันนี้อีกฝ่ายจะทำจริงๆ “คุณหลี่คะ เราต้องไปช่วยคุณหมอกู้กันไหมคะ” “ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้อาหลินจัดการได้แน่นอน” หรือต่อให้กวงจือหลินจัดการไม่ได้ ด้วยฝีมือการต่อสู้ที่กู้เหนียนเรียนมา ก็คงทำให้เขาพอรับมือบททดสอบเหล่านั้นได้ ...................................................................... กวงจือหลินขับรถกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ก็ตรงเข้าไปที่ตึกใหญ่ของตระกูลกวงในทันที และเมื่อเดินเข้าไปก็พบว่ากู้เหยียนกำลังยืนอยู่กลางห้องโถงรอบตัวเขามีคนสนิทของคนเป็นพ่อรายล้อมอยู่ถึงห้าคน คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าเนียนขาวของเขามีรอยฟกช้ำอยู่หลายจุด “หยุดนะ!” เสียงแข็งกร้าวของหญิงสาวดังก้องห้องโถงก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินเข้ามาที่กลางวงการประลองแล้วใช้ร่างเพรียวบางบังกู้เหยียนไว้เบื้องหลัง “เขาเป็นคนของฉันใครกล้าแตะต้องก็ลองดู” “อาหลิน ลูกรู้ใช่ไหมว่าถ้าทำแบบนี้จะต้องเผชิญกับอะไร” “ฉันรู้ค่ะพ่อ” “ดี! อย่างนั้นก็อย่าหาว่าพ่อใจร้าย” พริบตาคนที่รายล้อมก็เพิ่มจากห้าเป็น 10 คน กู้เหยียนขมวดคิ้วหนาเข้าหากันแน่น ลำพังชายมีฝีมือ 5 คน เขาก็ยากจะรับมืออยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 10 คน อีกทั้งเขายังต้องปกป้องหญิงสาวตรงหน้า การประลองครั้งนี้ไม่ต้องเริ่มก็รู้ผลแล้ว “ไม่ต้องออมมือ จัดการ!” น้ำเสียงเด็ดขาดของกวงจือเหลียงดังก้องกังวาน ก่อนที่ชายฉกรรจ์จะขยับตัวเข้าจู่โจม กู้เหยียนรีบดึงต้นแขนของกู้จือหลินหลบไปยังด้านหลัง ทำให้หมัดหนักที่อีกฝ่ายส่งมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาเต็มแรง "คุณหมอกู้" กวงจือหลินขมวดคิ้วเล็กมองมือหนาที่จับเธอมายังเบื้องหลังด้วยอาการตื่นตกใจ ชีวิตของเธอมีแต่ปกป้องคุ้มครองคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการปกป้อง หัวใจที่นิ่งสงบพลันสั่นไหวขึ้นมา ทว่าเมื่อเห็นเขาถูกทำร้ายจนล้มลง แววตาซาบซึ้งก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง ยกเท้าขึ้นยันคนที่กล้าลงมือกับกู้เหยียนจนกระเด็นไปชนกำแพงห้อง กู้เหยียนเบิกตากว้างมองหญิงสาวในชุดกระโปรงตัวยาว ขยับกายต่อสู้กับชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน ด้วยอาการตื่นตะลึง ลงมือได้รวดเร็วและฉับไว พริบตาชายทั้ง 10 คนก็นอนครวญครางอยู่ที่พื้น กวงจือหลินหันมาจับประคองเขาลุกขึ้นยืนเคียงข้างแล้วประกาศก้อง “ถึงแม้กู้เหยียนจะไม่ถนัดการต่อสู้ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ แต่เขาคือผู้ชายของฉัน ล่วงเกินเขาก็เท่ากับล่วงเกินฉัน หากใครยังไม่พอใจก็ก้าวเท้าออกมา” แน่นอนว่าฝีมือของกวงจือหลินนั้นไม่ใช่ใครก็สามารถเข้ามาต่อกรได้ ดังนั้นสถานการณ์จึงผ่านไปอย่างสงบ กวงจือเหลียงมองดูท่าทางของลูกสาวแล้วหัวเราะก้อง ในที่สุดลูกสาวที่ไร้หัวใจของเขาก็ถูกทำให้สั่นคลอนเสียที “ดี! อย่างนั้นอีก 4 ด่านก็ยกเลิก ต่อไปเขาก็คือว่าที่เขยของตระกูลกวง! อาเจิ้นให้คนหาฤกษ์มงคลแต่งเขยเข้าบ้าน” “ครับ” “ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ” กวงจือหลินเอ่ยบอกด้วยความดีใจ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบกู้เหยียนกลับไม่ได้สนใจเรื่องที่ทุกคนกำลังคุยกันเลยสักนิด อย่างไรแต่งเสร็จเขาก็ต้องไปจากที่นี่ ดังนั้นเขาจะมีฐานะอะไรล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ... “อาหลิน ขาคุณบาดเจ็บ ให้ผมดูหน่อยได้ไหม” ทุกคนในห้องโถงต่างพากันกลั้นยิ้ม เบนหน้าหลบสายตาของกวงจือหลินที่ตวัดมองอย่างคาดโทษคนที่คิดล้อเลียนเธอ ก่อนจะหันมาสบตาคนข้างกายที่พูดจาไม่รู้เวลา เพียงแต่ทันทีที่ได้เห็นแววตาห่วงใยของเขา คำพูดตำหนิมากมายก็พลันหายไปจนหมดสิ้น “ได้!” หลังจากตอบรับเสร็จมือเรียวก็จับชายกระโปรงสะบัดขึ้นเพื่อเปิดให้เขาดูบาดแผลที่ต้นขาอ่อน แต่กลับถูกมือหนาจับเอาไว้ “เปิดตรงนี้ไม่ได้” “เรื่องมากจริง อย่างนั้นก็ขึ้นไปดูที่ห้อง" กวงจือหลินจับข้อมือหนาลากเขาเดินขึ้นไปยังชั้นบนโดยไม่สนสายตานับ 30 คู่ของผู้คนในห้องโถง ขณะที่กวงจือเหลียงมองดูลูกสาวของตนแล้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก็มีคนมาคอยดูแลเธอแล้ว สายตาเลื่อนไปที่รูปภาพขาวดำของหญิงสาวคนหนึ่งแล้วพึมพำในใจ อาจิ่ว เธอสบายใจได้แล้วนะ ......................................................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม