"หนูชลไปอยู่กับเขาก่อน แล้วค่อยหาทางคุยกับเขา"
"คือ แต่"
"นะ ช่วยพี่หน่อย นะ"
"เอ่อ ค่ะ"
อีริคโผล่เข้ากอดน้องสาวทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า หนูชลของพี่ชายต้องได้ขึ้นเป็นนายหญิงแห่งบ้านพยัคฆ์ ความรักมันจะเกิดขึ้น คนอย่างพยัคฆ์ต้องหลงน้องสาวของพี่ชายคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น อีริครู้นิสัยของเพื่อนคนนี้ดีถึงพยัคฆ์จะไม่เคยมีความรักเลยก็ตาม
...........
"ไกลฉิบหาย"
ร่างใหญ่เดินลงมาจากรถที่ขับมาไกลจนถึงที่หมายภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากได้รับแผนที่จากอีริค รีบมาทำให้หน้าที่ให้เรียบร้อย คืนนี้เขามีนัดกับสาวทรงโตดีกรีนางแบบ
"เอี๊ยดด อื้มหอม"
พยัคฆ์ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเดินเข้ามาภายในบ้าน ยังไงที่นี่ก็คือบ้านคนที่จะอุ้มท้องเด็กที่จะมาเปิดพินัยกรรม เขาไม่จำเป็นต้องมีมารยาท จมูกโด่งเป็นสันของเขาปะทะเข้ากับกลิ่นหอมของดอกไม้หลายชนิดที่ถูกปลูกเรียงรายสวยงามอยู่รอบบริเวณบ้านเข้าอย่างจัง
"ปัง"
พยัคฆ์พังประตูบ้านที่ถูกล็อกจากภายนอกออกอย่างง่ายดายด้วยฝ่าเท้า ร่างใหญ่ออกแรงถีบจนเต็มกำลังจนกุญแจที่ใช้ล็อกหลุดกระจาย สายตามองหาเจ้าของบ้านน่าจะออกมาต้อนรับเขาได้แล้วแต่มันจะเงียบเกินไป เขาเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเล็กที่เขานั่งลงเกือบไม่ได้เพราะมันเล็กไป
"รชนิชล ฉันไม่มีเวลามารอเธอหรอกนะ"
เสียงใหญ่ตะเบ็งออกไปด้วยความหงุดหงิดที่ต้องมารอนานเกินไป และไม่เข้าใจด้วยมาจะลงจากรถเดินเข้ามาทำไม แล้วต้องมานั่งรอเกินสิบนาทีแถมยังไม่มีวี่แววของเจ้าของบ้านเลย
"ไอ้อีริคน้องมึงอยู่ไหน"
ไว้เท่าความคิดเขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาอีริคทันที ตะโกนออกไปจนคนรับสายตั้งตัวแทบไม่ทัน
"อะไรของมึง ใจเย็นสิวะ น้องสาวกูตกรถว่ะ อาจช้าไปซักสิบยี่สิบนาที"
อีริครู้นิสัยของพยัคฆ์ดีเขาไม่เคยต้องรออะไร พยัคฆ์เกลียดการรอคอยเป็นที่สุด และก็คงจะหายคราวนี้และเพราะหนูชลรอคอยได้ทุกอย่าง
"งั้นกูกลับ มึงส่งคนไปรับแล้วเอาไปส่งที่บ้านกูด้วย"
"เฮ้ยเดี๋ยว น้องกูไลน์มาพอดีเลยบอกว่าถึงปากซอยแล้วมึงรออีกนิดนะ"
"ไอ้อีริค"
"มึงเดินชมบ้านไปก่อน อีกห้านาที"
อีริคพูดจบกดตัดสายทิ้งทันที เขาโทรถามน้องสาวแค่ว่าอยู่ที่ไหนตามปกติที่น้องสาวบอกว่าจะไปเที่ยวเหมือนทุกครั้ง ไม่ได้คิดจะเร่งอะไร ยังไงหนูชลก็รับรู้แล้วว่าไอ้พยัคฆ์จะมารับ และก็อยากให้อีกคนรอคอยมากกว่า
"เฮ้อ"
เสียงผ่อนลมหายยาวเพื่อระงับอารมณ์ให้เขาไม่พังบ้านหลังนี้ ร่างใหญ่ลุกเดินไปรอบบ้านอย่างไม่สนใจอะไรเพียงเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองเท่านั้น สายตาสบเข้ากับรูปวาดสีน้ำมันขนาดเอสี่ที่ติดอยู่ตรงผนัง รูปธรรมดาลงสียังไม่สวยเลยด้วยซ้ำแต่คนที่เป็นแบบกลับดูสวยสะดุดตา พยัคฆ์เดินไปจ้องตากับรูปภาพอยู่นานเหมือนต้องมนตร์สะกด ใบหน้าหวานชวนมอง ดวงตาสดใสถูกถ่ายทอดออกมาจากรูปวาด
"เธอสินะ รชนิชล"
.........
เที่ยงคืน
"เอ้ พี่ชายเปลี่ยนรถใหม่เหรอ"
รชนิชลเดินเท้าตากฝนที่อ่อยปรอยๆ มาตั้งแต่หน้าปากซอยจนถึงบ้าน
"พี่ชาย ทำไมไม่เปิดไฟค่ะ"
ร่างเล็กเดินอย่างชำนาญท่ามกลางความมืดไปกดเปิดสวิตช์ไฟ
"หอมมม"
กลิ่นกายของสาวผู้มาเยือนปลิวไปตามแรงของพัดลมติดเพดานปะทะเข้ากับจมูกของคนที่นั่งรอจนเผลอหลับ เสียงหวานที่มาพร้อมกลิ่นหอมปลุกให้เขาตื่น
"ไปขึ้นรถ"
ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปรายตามองไปยังร่างสวยตรงหน้า นี้ขนาดเปียกฝนยังไม่สามารถปิดบังความน่ารักสดใสของเธอได้เลย ร่างน้อยดูอรชร ส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนไปหมดน่ากินชะมัด
"นายเป็นใคร"
"พ่อของลูกเธอไง"
"คุณพยัคฆ์"
เขาดูหล่อราวเทพบุรุษไม่ต่างจากพี่ชายของเธอเลยแต่ร่างกายสูงใหญ่กว่า และเธอก็ไม่รู้ทำไมไม่เข้าใจว่าเขาจะต้องมาขึ้นเสียงใส่เธอทั้งที่เพิ่งจะเคยเจอหน้ากัน ชักจะสงสารเด็กที่จะต้องเกิดมาเสียแล้ว
"ใช่ ฉันพยัคฆ์ เธอไปขึ้นรถ ฉันเสียเวลามามากเกินไปแล้ว"
เขาออกเดินนำเธอไป มุ่งหน้าไปหารถที่จอดอยู่ด้านนอก
"ฉันขอเก็บของก่อน"
เสียงเล็กตะโกนตอบออกไปเพราะร่างใหญ่เดินไปจะถึงรถแล้ว
"สามนาที"
เขาตะโกนตอบออกไปและขึ้นรถปิดประตูเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร
"ปี้นนนนนนนน"
"จะเร่งอะไรหนักหนา"
รชนิชลหอบกระเป๋าเป้ใบเดิมที่ยัดเสื้อผ้าเพิ่มมาได้แค่อีกแค่สามสี่ชุด แล้วรีบยัดตัวเองขึ้นรถมาทันที เพราะเสียงแตรรถที่ดังสนั่นรบกวนคนอื่นจนเพื่อนบ้านเริ่มพากันโวยวายแล้ว
"ช้า ยัยขยะเปียก"
"คนไร้มารยาท"
"เธอทำรถฉันเหม็น ยัยขยะเปียก"
กลิ่นกายของเธอทำให้เขาตื่นทั้งตัวจนแทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ อยากจะจับเธอทำเมียเสียตรงนี้ แต่เพราะความปากร้ายและเธอคือคนที่จะมาตั้งท้องเพื่อเอาเด็กมาเปิดพินัยกรรมเท่านั้นเขาก็เลยไม่อยากเข้าไปยุ่งมากกว่านี้
"คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแบบนั้นนะ"
"เธอก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน หุบปากของเธอซะ ฉันเหม็นเน่า"
"ชิร์ ไอ้ขี้เก็ก"
รถทั้งคันเต็มไปด้วยความเงียบไม่มีใครยอมพูดอะไรทั้งนั้น คนสองคนกำลังใช้ความคิดว่าจะรับมือกับสถานการณ์ข้างหน้ายังไง
"กรี๊ดดดดดด"
"เธอทำอะไร"
พยัคฆ์หันหน้ามามองคนที่นั่งข้างเขา เธอกำลังจัดการกดเลื่อนกระจกด้านข้างลง
"เปิดกระจกไง"
รชนิชลกำลังง่วงเต็มที่แต่ถ้าหลับไปก่อนที่จะถึงคงไม่ดีกับเธอแน่เลย เธอเลยเปิดกระจกให้ลมตีหน้าเรียกความสดชื่น
"ปิดมันซะยัยขยะเปียก ฉันไม่ชอบเสียงลม"
เธอยอมทำตามที่เขาพูดแต่โดยดีแต่ก็แค่แป๊บเดียว
"ปัก ปัก"
"เธอทำอะไร รชนิชล"
"ฉันชอบลม แล้วคุณก็ไม่ให้เปิด ฉันก็จะทุบให้มันแตกไง"
ใบหน้าหวานหันมามองเขา มือก็ยังกำขวดน้ำที่มีติดตัวมาทุบกระจกด้านข้างไปด้วย
"เธอ"
พยัคฆ์ยอมให้รชนิชลเปิดกระจกที่ร้าวมาตลอดทาง จนถึงบ้านของเขานี้แค่วันแรกเธอก็แผลงฤทธิ์จนเขาแทบทนไม่ไหวเสียเงินไม่เท่าไรแต่ต้องเสียหน้าเพราะต้องมายอมผู้หญิงเสียชื่อคนอย่างพยัคฆ์หมด
"นี่ห้องของเธอ อย่าทำตัววุ่นวาย พรุ่งนี้ฉันจะพาไปพบหมอตอนสิบโมง อย่าช้า ไม่งั้นเธอเจอดีแน่"
"หลบไปสิคนจะเข้าห้อง สั่งเสร็จแล้วหนิ"
เธอใช่มือปัดร่างใหญ่ให้หลบทางให้เธอเข้าห้อง เธออยากจะอาบน้ำนอนเต็มที่แล้ว ตะลอนมาทั้งวันนี่ก็จะข้ามมาอีกวันแล้ว
พยัคฆ์จำต้องหลบเพื่อแค่เธอสัมผัสเขามันก็ตื่นไปทั้งตัวจนขนลุก ร่างใหญ่รีบหันหลังเดิน ออกไปก่อนที่จะเปลี่ยนใจเดินตามเธอเข้าห้องนอนไป
"ยัยขยะเปียก เธอมันปีศาจ"