[ โลกันตร์ ]
"อารมณ์ดีขึ้นมาเชียวนะมึง" ไอ้ธันพูดแหย่ผมทันทีที่ผมเดินอมยิ้มเข้ามาในอู่ของไอ้เวจี
"เออ" ผมตอบกลับพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามมัน โดยมีไอ้คินมองตามด้วยสายตาขบขัน
"ปล่อยน้องมันไปเจอคนดีๆบ้างเถอะ กูละสงสารน้องมันจริงๆ" ไอ้เวจีกระดกเบียร์ขึ้นดื่มแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
"อย่าเสือก" ผมตอบกลับอย่างไม่จริงจังนักแล้วล้วงเอามือถือของตัวเองขึ้นมาดู
มุมปากหยักยกยิ้มอย่างพอใจขึ้นทันทีเมื่อผมเซฟเบอร์โทรของเนปจูนแล้วแอดไลน์ทักข้อความไปหาเธอ
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้แม่งอาการหนักนะมึง" ไอ้ธันยังคงแซะผมไม่เลิกผมเลยยักไหล่ใส่มันแล้วหันมาสนใจข้อความในมือถือแทน
"มึงก็พูดไป น้องเขาออกจะกลัวมันขนาดนี้ไม่นานมันก็เศร้าแล้ว" ไอ้คินพูดขึ้นบ้างยิ่งทำให้ไอ้ธันตบมือฉาดใหญ่เห็นด้วยกับคำพูดของไอ้คิน
"เออจริง มึงมันไม่คู่ควรกับน้องมันเลยว่ะต่างกันยังกับนรกกับอวกาศ"
"อะไรของมึงมันมีแต่ดอกฟ้ากับหมาวัด" ไอ้คินแย้งไอ้ธันที่เอาแต่พูดไปเรื่อย
"ไอ้กันตร์แม่งดุยิ่งกว่าหมาเทียบกันได้ไง นรกก็ชื่อมันอยู่แล้วต่างจากน้องเนปจูนที่อยู่บนอวกาศกูพูดผิดตรงไหนวะ" ไอ้ธันอธิบายหน้าตายมันดูภูมิอกภูมิใจกับคำตอบของมันเสียเหลือเกิน
"ไร้สาระ" ไอ้ริวเอ่ยแทรกขึ้นเสียงเรียบทำเอาพวกมันสองคนเงียบขึ้นทันที
"กระทบกระเทือนถึงกูไอ้พวกห่านี่" ไอ้เวจีส่ายหน้าเอือมๆก่อนที่มันจะผุดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อตัดความรำคาญ
"เออแล้วนี่มึงจะเอาไงต่อกูได้ยินมาว่าไอ้พวกวิทยาลัยนั่นมันจะยกพวกมาอีก" ไอ้คินตวัดตามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง วิทยาลัยนั่นที่มันพูดถึงก็คือวิทยาลัยคู่อริที่มีมาตั้งแต่สมัยรุ่นพี่ของรุ่นพี่รุ่นพ่อ
ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกันพวกเราต้องเล่นมันให้หนักมันจะได้ไม่กล้ามาวอนมือวอนตีนพวกเราอีก
"ก็จัดให้มันสักหน่อย" ผมตอบกลับแล้วยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง
"งั้นพรุ่งนี้เลยไหม" ไอ้ธันเสนอขึ้นทำให้ไอ้ริวที่นั่งไร้วิญญาณหันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ตามนั้น" ผมตอบรับก่อนที่พวกผมจะจัดการเรื่องต่างๆและบอกกับพ้องเพื่อนที่จะไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้
[ เนปจูน ]
กรี๊ดดดดด!!
เสียงกรี๊ดโวยวายที่ดังมาจากด้านหลังของฉันที่หน้าโรงเรียนทำให้คนสันจรไปมาแถวนี้พากันหนีเอาตัวรอดเพราะไม่อยากถูกลูกหลงของเหล่าวิทยาลัยช่างที่ยกพวกตีกันอยู่บนถนนไม่สนแม้กระทั่งรถราที่กำลังขับอยู่ด้วยซ้ำ
ฉันหลบหลีกไปตามผู้คนแถวๆนั้นแต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบางอย่างของกลุ่มนักเรียนช่างที่สวมช็อปแดงกำลังวิ่งไล่ตีอีกฝ่ายที่สวมช็อปสีกรมอยู่
ผ้าสีดำลายกะโหลกครึ่งหน้าที่ปิดเอาไว้ครึ่งหน้าของเขามันกลับเหมือนกับคืนวันนั้นที่ฉันเจอ
พี่โลกันตร์..
พลั๊ก! ตุ้บ!
ฉันที่ไม่ทันระวังห่วงแต่มองไปยังกลุ่มคนพวกนั้นจนมีใครบางคนชนเข้าเต็มๆแรงจนล้มไปกับพื้น ความเจ็บแสบถาโถมขึ้นทันทีเมื่อหัวเข่าของฉันถูกกับพื้นถนนจนเลือดไหล
ยังถือว่าโชคดีมากที่ไม่มีใครมาเหยียบฉันซ้ำเพราะตอนนี้ต่างคนต่างพากันวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ฉันหยัดตัวลุกขึ้นกะเพลกเดินไปยังกำแพงโรงเรียนเพื่อจะนั่งพักเพราะมันเจ็บแสบมากเกินกว่าที่จะลุกวิ่งออกไปตอนนี้ อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็พากันวิ่งไปอีกทางแล้วตอนนี้เลยไม่มีใครที่อยู่หน้าโรงเรียนเลย
ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ก็คุ้นๆว่าเคยเห็นเธอที่ไหน.."
"....."
"ใช่เด็กไอ้โลกันตร์หรือเปล่า" ผู้ชายร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกจัดทรงเอาไว้เป็นอย่างดีกำลังยกยิ้มขึ้นถามฉันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ที่ฉันสังเกตุเห็นได้เป็นอย่างดีเลยนั่นก็เสื้อช็อปสีกรมสีเดียวกันกับกลุ่มที่มีเรื่องกันเมื่อครู่ ส่วนอีกกลุ่มคือช็อปแดงที่สวมผ้าปิดหน้าเอาไว้
"ไม่ใช่ค่ะ" ฉันตอบตามความจริงแล้วละสายตาจากเขามาก้มลงดูแผลของตัวเองต่อ
"แน่ใจเหรอ" คนตัวโตตรงหน้ายังคงถามฉันย้ำอีกครั้งแต่คราวนี้เขากลับนั่งคุกเข่าลงแล้วใช้ผ้าผืนเล็กที่เหมือนกับจะเป็นธงอะไรสักอย่างมาพันแผลเอาไว้ให้ฉัน
"แน่ใจค่ะ"
"ไม่ใช่ก็แล้วไป แต่ถ้าใช่ก็ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี" เพียงแค่เขาพูดจบประโยคคนตรงหน้าก็หยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองเขาตามไปด้วย
"....."
"ฉันไม่อยากใจร้ายกับเด็กผู้หญิง" เขายิ้มเยาะแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกไป ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครถึงได้มาถามแบบนี้แต่ยังไงซะฉันก็ไม่อยากสนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แล้วแค่ทุกวันนี้ใช้ชีวิตก็ลำบากพอแล้วไม่อยากจะหาอะไรมาให้หนักใจเพิ่ม
ฉันมองตามร่างสูงที่เดินออกไปจนลับสายตาก่อนที่จะผุดตัวลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะได้เดินไปทำงานต่อที่อู่ของพี่เวจี
@ อู่ซ่อมรถอเวจี
ฉันเดินกระเพลกมาจนถึงอู่จนได้ถึงมันจะใช้เวลานานพอสมควรก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่อยากขาดงานไปเสียเปล่าๆ
"ขอโทษที่มาช้านะคะ"
"ไม่เป็นไรๆ อ้าวแล้วไปโดนไรมา" พี่เวจีย่นคิ้วหนาเข้าหากันเมื่อเขาสังเกตุเห็นผ้าที่พันหัวเข่าฉันเอาไว้
"พอดีหนูล้มเลยมีแผลนิดหน่อยค่ะ"
"รีบไปทำแผลก่อนไป.." ยังไม่ทันที่พี่เวจีจะได้พูดจบประโยคก็มีเสียงรถดังเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าอู่สี่คันจนเสียงดัง แต่แค่ได้เห็นสีของเสื้อช็อปก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะเป็นพวกพี่โลกันตร์
"เนปจูน.." พี่โลกันตร์ตวัดขาลงจากตัวรถแล้วเอ่ยเรียกฉันก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดลงที่หัวเข่าของฉันแล้วค้างคำพูดเอาไว้
ดวงตาคมเกี้ยวกราดขึ้นทันทีเมื่อเขากำลังสาวเท้าเดินเข้ามาหาฉันด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
"....."
"ไปเอามันมาจากไหน" พี่โลกันตร์นั่งยองลงกับพื้นแล้วใช้มือของเขาจับขาของฉันเอาไว้จ้องมองผ้าที่ผันแผลให้ฉันด้วยสายตาแข้งกร้าว
"หนูล้มแล้วมีใครก็ไม่รู้ใช้มันปิดแผลให้" ฉันตอบตามความจริงเพราะฉันไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครชื่ออะไรด้วยซ้ำ
"ล้มเหรอ?" เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วถามฉันเลยพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขาแทน
"....."
"ไม่ต้องใช้หรอกมันสกปรก" พี่โลกันตร์ใช้มือหนาแกะผ้าที่ผันเข่าฉันเอาไว้ออกแล้วปามันลงกับพื้นด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนที่เขาจะล้วงเอาผ้าสีดำจากกระเป๋าเสื้อช็อปมาพันเอาไว้ให้ฉันแทน
"หนูไปทำแผลติดผ้าก็อซเอาไว้ดีกว่าค่ะ สะอาดดีด้วย"
"ยังไงผ้าของพี่ก็ดีกว่าของคนอื่น"
"....."
"ไอ้คนที่มันให้ผ้านี่มามันพูดอะไรกับเราบ้าง" พี่โลกันตร์สบตาขึ้นมองอย่างจริงจังฉันเลยส่ายหน้าปฎิเสธเพราะไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่อีกอย่างฉันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพี่โลกันตร์ด้วยซ้ำมันคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดและจะผ่านไปเองเฉยๆ
"....."
"ถ้ามันมาวอแวก็บอกพี่ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเข้าใจไหม"