Chapter 7 อย่ามองข้า
“กลิ่นเหมยกุ้ยบนตัวท่านช่างหอมหวานนัก”
เซียนหยวนไล้ปลายจมูกโด่งซุกไซ้จากแก้มอิ่มนวลเนียนไปตามลำคอระหง ในขณะที่มือหนาสากอย่างคนทำงานหนักมาทั้งชีวิตกำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ของเจ้านายสาวอย่างรวดเร็วชนิดที่คนตัวเล็กไม่ทันตั้งตัว
เปิดเปลือยดึงสาปคอเสื้อออกเผยให้เห็นนวลไหล่ เขาจูบไซ้แล้วฝังปลายจมูกลงไปสูดกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยเข้าเต็มปอด
“ข้าเคยคิดว่าเหมยกุ้ยนั้นมีกลิ่นหอมหวาน แต่ไม่เคยรู้ว่ากลิ่นนี้ไม่เพียงแต่หอมหวานแต่ยังมอมเมาตัวข้าให้ใหลหลง หรือเพียงเพราะว่ากลิ่นนี้มันติดอยู่บนตัวท่านกันแน่”
พึมพำแผ่วเบาในขณะที่เรียกปากไล่ระเรื่อยมายังเนินอกอิ่ม แล้วจูบฝังรอยแดงเอาไว้เหนือเต้าในจุดที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็นโดยง่าย
“เจ้าปากหวานเช่นนี้กับสตรีทุกนางหรือไม่”
หวงย่าหลิงหอบหายใจแรง ยิ่งลมร้อนจากปลายจมูกของคนตัวโตเป่ารดลงบนเนินอก นางก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งสรรพางค์กาย
“ข้าปากร้ายกับสตรีทุกนางเพราะข้าขี้หงุดหงิดไม่ชอบให้สตรีมายุ่มย่ามเข้าใกล้ แต่ข้าจะปากหวานเฉพาะสตรีที่ข้าพึงใจเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือท่าน...”
พูดพลางกอดรัดร่างอวบอิ่มเอาไว้แนบแน่น ปลดเชือกกางเกงนอนของนางออก แล้วดันให้มันรูดหล่นจากต้นขาไปกองอยู่ที่ปลายเท้า
คำหวานส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรง ในขณะที่อากาศเย็นยะเยียบแล่นปราดโอบรัดเรือนร่างเปลือยเปล่าจนนางต้องห่อไหล่
“อื้อ...”
หญิงสาวครางเสียงหลงเมื่อเรือนร่างของนางไม่เหลืออาภรณ์ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งของอิสตรีอีกต่อไปแม้แต่ชิ้นเดียว
เซียนหยวนโอบกอดนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบผ้าที่พาดอยู่บนคอกม้า ผืนผ้าเก่าคร่ำคร่าไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วถูกปูลงบนฟางแห้ง ก่อนที่เขาจะดันเรือนร่วงอวบอัดเย้ายวนให้ทอดกายลงนอนระทดระทวย แสงจากดวงจันทร์และคบไฟด้านนอกโรงเลี้ยงม้าทำหน้าที่สลัวรางส่งผลให้นวลเนื้อเปลือยเปล่าของหวงย่าหลิงยิ่งผุดผาดจนชายหนุ่มแทบหยุดหายใจ
“ยะ...อย่ามองข้า”
ย่าหลิงยกมือขึ้นปกปิดเรือนร่างอวบอัดด้วยความอับอาย นางไม่ได้มีหุ่นผอมบางอย่างที่กำลังเป็นที่นิยม เอวของนางไม่ได้คอดกิ่วแถมยังมีหน้าท้องน้อยๆ อีกต่างหาก
“หากไม่อยากให้ข้ามองท่าน ก็จงควักลูกตาทั้งสองข้างของข้าออกไปเถอะ หากข้ายังมีดวงตาคู่นี้อยู่ข้าก็จะมองใบหน้าของท่าน มองความงดงามของท่านตลอดไป”
“ซะ...เซียนหยวน”
นางเอ่ยเรียกชื่อเขาราวกับละเมอออกมา ด้วยไม่คิดว่าเขาจะเอื้อนเอ่ยออกมาเช่นนั้น
“ท่านเป็นหญิงงาม โปรดจงมั่นใจในตัวเองเฉกเช่นที่ข้ามั่นใจในตัวท่าน ท่านเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกอยากกอด อยากครอบครองจนแทบคลั่ง”
พูดเพียงเท่านั้นเขาก็โน้มเรือนกายทาบทับลงบนเรือนร่างอวบอัดของเจ้านายสาว ด้วยความที่เขามักสวมเพียงกางเกงเพราะทำงานอยู่ในคอกม้าที่มีอากาศร้อน ผิวกายสากระคายของเขาจึงบดเบียดลงบนผิวกายเนียนนุ่มของหวงย่าหลิงจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับหายใจติดขัด
“เจ้าไม่ได้แสร้งชมข้า เพียงเพราะว่า...”
นางกลั้นใจหมายจะพูดความในใจออกไป แต่ท้ายที่สุดกลับไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม นางเป็นเช่นนี้มาเสมอ กลัวว่าการพูดจาเพียงไม่กี่คำจะทำร้ายหัวใจอีกฝ่าย ในขณะที่คนรอบข้างกลับใช้วาจาดั่งหอกแหลมคมคอยทิ่มแทงหัวใจของนางอย่างไม่ปรานี
“เพียงเพราะว่าข้าอยากจะเชยชมร่างกายของท่านงั้นหรือ...”
นางพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตากร้าวดุดันของเขา ไม่แปลกหากเขาจะโกรธ เพราะสิ่งที่นางคิดเป็นการหมิ่นน้ำใจชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เจ้าโกรธข้าหรือ”
“ไม่เลย”
เขาปฏิเสธพลางใช้มือดันที่ปลายคางของหญิงสาว ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแล้วใช้ฟันขบที่ปลายจมูกแผ่วเบาราวกับกำลังหยอกเย้า
ซึ่งมันได้ผล หวงย่าหลิงรู้สึกราวกับถูกเขาเขย่าไปมาจนหัวหมุน นางมึนงง สับสน และประหม่าในคราเดียวกัน
“ข้าคิดไม่ดี เจ้าควรจะโกรธข้าสิ”
“ข้าไม่มีทางโกรธเถ้าแก่เนี้ย ต่อให้ท่านทุบตีทำร้ายร่างกาย หรือด่าทอทำร้ายหัวใจ ข้าก็จะไม่โกรธท่านหรอกขอรับ ท่านมีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้น เพราะท่านยังไม่รู้จักข้าดีพอ ‘เวลา’ จะทำให้ท่านรู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไร และเวลาจะทำให้หัวใจของข้าและท่านได้ทำความสนิทสนมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
พูดเพียงเท่านั้นก็ปล้นปลิดลมหายใจของนางไปจนหมดสิ้น เรียวปากหนาบดคลึงริมฝีปากอวบอิ่มเนิบช้า แทรกประสานลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดดูดกลืนความหอมหวาน ในขณะที่เรือนกายแข็งแกร่งกดทับเรือนร่างอวบอัด กดให้แนบชิด แล้วขยับเรือนกายถูไถบดเบียด
ราวกับกิ่งไม้ค่อยๆ เสียด ค่อยๆ สี จนเกิดประกายไฟแห่งราคะลุกโชติช่วง แผดเผาเรือนกายของคนทั้งคู่ให้มอดไหม้เป็นจุณ
“อื้อ...”
นางรู้สึกราวกับจะจับไข้ ทั่วทั้งสรรพางค์กายร้อนวูบวาบจนหายใจติดขัด ริมฝีปากของนางเริ่มบวมเห่อจากการบดจูบซ้ำๆ อย่างเว้าวอนโหยหา
มือหนาสากเลื่อนลงไปกอบกุมทรวงอกกลมกลึง บีบเฟ้นแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งบี้บดจนยอดอกชูชัน ก่อนที่เขาจะปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระ ซุกไซ้จูบลงมายังซอกคอขาวแล้วอ้าปากครอบครองเต้านุ่มเอาไว้เต็มคำ
จ๊วบ!
เสียงดูดดึงและลิ้นที่ดุนดันทำหัวใจของคนตัวเล็กหวิวไหว นางซ่านสะท้านชาวาบไปทั้งสรรพางค์กาย หน่วงหนึบลงไปยังหัวหน่าว รับรู้ได้ว่าเวลานี้รูบุปผาของนางกำลังขับน้ำออกมาไหลเยิ้มไปทั้งง่ามขา
“นมเถ้าแก่เนี้ยหวานจังขอรับ”
“อะ...อื้อ”
ย่าหลิงหอบหายใจแรงขึ้นอีก เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง บิดกายเร่าๆ ราวกับกำลังทุรนทุรายอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแกร่ง ก่อนจะเลื่อนนิ้วเล็กๆ แทรกสอดไปตามเรือนผมหยักศกที่ยาวประบ่า ผมเส้นใหญ่ค่อนข้างยุ่งเหยิงอย่างชายที่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลรูปลักษณ์ของตนเอง
แต่นั่นกลับยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเขาดูดิบเถื่อน และก้าวร้าวดั่งม้าพยศที่ยากจะกำราบให้อยู่หมัด
“อะ...อื้อ ซะ...เซียนหยวน อะ...”
นางครวญเสียงพร่าเมื่อเขาใช้สองมือบีบเฟ้น ตวัดลิ้นดุนดัน และใช้เรียวปากขบเม้มไปยังเต้าอวบราวกับหิวกระหาย เพียงชั่วอึดใจเดียว ใบหน้าและลิ้นร้อนของเขาก็ลากผ่านเลื่อนต่ำลง...ต่ำลง