5

3476 คำ
          “ซื้ออะไรมากันคะเยอะแยะเลย”           “มีผลไม้แล้วก็ขนมมาให้น้องพลอยครับ ส่วนที่เหลือก็ของพี่ฮุยกับเด็กๆ”           “เปรมเอาไปไว้ในครัวให้นะคะ”           ณวกาญจน์ยิ้มแต่ปากไปไม่ถึงดวงตาแล้วหอบถุงพะรุงพะรังสองมือไปยังห้องครัวที่อยู่ถัดไปทางหลังบ้าน เดินอ้อมบ้านมาหน่อยก็เห็นลุงสุทินยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่           “มาครับลุงช่วย”           ลุงสุทินบอกแล้ววางกรรไกรตัดกิ่งลงทันทีอย่างกระตือรือร้นเพื่อมาช่วยเธอ ณวกาญจน์ยิ้ม ส่งให้สามถุงเบาๆ ที่เหลือเธอถือเอง รู้สึกได้ถึงความเอื้ออารีที่อีกฝ่ายมีให้ แล้วว่า           “เปรมซื้อข้าวเหนียวแดงมาฝากด้วยนะคะ เห็นคุณลุงชอบ”           “โถ...ขอบคุณมากครับคุณหนูเปรม”           ชายสูงวัยตอบรับอย่างซาบซึ้ง           อยู่คุยกับลุงสุทินพักใหญ่ๆค่อยออกมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งก็พบเด็กหญิงพลอยชมพูนั่งเล่นของเล่นชิ้นเล็กๆที่ติดมากับขนมพอดี รอบๆไม่มีใครนั่งอยู่ด้วยสักคน และเธอจะไม่กังวลเลยหากไม่เห็นอีกฝ่ายหยิบของเล่นนั่นเข้าปาก           “น้องพลอย อันนั้นไม่ใช่ขนมนะคะ กินไม่ได้ค่ะ”           อีกฝ่ายตวัดตามองไม่พอใจใส่เธอทันที           “ทำไมจะกินไม่ได้ พ่อตุลย์บอกว่าเป็นขนม”           “มาค่ะ พี่เปรมดูให้”           “ไม่! อย่ามายุ่ง”           ณวกาญจน์ฝืนยิ้มก่อนนั่งเงียบมองเด็กหญิงพลอยชมพูอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่ายังพยายามจะเอาของเล่นชิ้นนั้นเข้าปากอยู่ดี เพื่อความปลอดภัยในที่สุดเลยลุกขึ้นไปดึงออกจากปากก่อนจะติดคอเด็กจนเกิดอันตรายได้           “แง! พ่อตุลย์ขา...”           เสียงร้องโวยวายของเด็กหญิงพลอยชมพูดังแว้ดขึ้นทันที เมื่อณวกาญจน์เอาของเล่นออกมาจากปากแล้ว           นางฮุยรีบวิ่งมาจากหน้าบ้าน ถามเสียงร้อนรน “น้องพลอยเป็นอะไรลูก”                  “พี่คนนี้แกล้งน้องพลอยค่ะ พี่จะแย่งขนมน้องพลอยค่ะ” แม่หนูร้องไปฟ้องไปพลาง           ณวกาญจน์วางของเล่นลงบนโต๊ะ มองตุลาที่วิ่งตามมาภายหลังด้วยสายตาจนใจ ยักไหล่ขึ้นน้อยๆก่อนผละออกจากตรงนั้นไปด้านนอกแทน เกือบชั่วโมงที่เธอต้องอยู่อย่างอึดอัดใจที่บ้านหลังนั้น           “น้องพลอยแกก็เป็นแบบนี้เอง เปรมอย่าไปถือสาเด็กเลยนะ”           ตุลาบอกทันทีเมื่อขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว เขามองเธอด้วยสายตากังวลใจ จนณวกาญจน์ต้องส่งยิ้มสบายๆส่งกลับให้เขา ตุลาอ่านความรู้สึกของเธอออกเสมอว่าเธอรู้สึกแบบไหนอย่างไร แล้วแกล้งพูดติดตลกให้ตุลาหมดกังวล           “เปรมรู้ค่ะ ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก ตอนเด็กๆพ่อเล่าให้ฟังว่าเปรมแสบกว่านี้อีก”           พอได้ยินเธอเอ่ยถึงบิดาก็นิ่งไปครู่ แกล้งย้อนถาม           “แล้วนี่ คิดจะแย่งขนมน้องพลอยจริงๆน่ะหรือ”           ได้ยินเขาเอ่ยมาแบบนั้นก็หลุดขำพรืด ตอบเขากลับทันที “จริงค่ะ” ณวกาญจน์รู้จักเด็กหญิงจอมเอาแต่ใจตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนสมรสกับตุลาแล้ว เพราะเขาพาเธอมารู้จักกับครอบครัวของเขา พร้อมแนะนำว่าเธอกำลังคบหาดูใจกัน และจะเป็นภรรยาของเขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นอกจากคนที่บ้านหลังนี้ ก็มีลุงของตุลาอีกคนที่เขาพาเธอไปพบ ส่วนเด็กหญิงพลอยชมพู ตุลาบอกแต่ว่าเป็นลูกสาวของเขาเท่านั้น ได้ยินครั้งแรก เธอคิดว่าเขาอำเล่น เลยถามจริงจังว่าเป็นลูกสาวของเขาจริงน่ะหรือ พอตุลาตอบกลับว่าจริงด้วยสีหน้าที่ไม่ได้มีวี่แววล้อเล่น เธอเลยไม่อยากถามอะไรเขาอีก ตุลาพาเธอกลับในเวลาต่อมา ออกมาจนเกือบถึงที่พักแล้วก็ว่า “พี่บอกหรือยังว่าวันนี้พี่จะกลับบ้าน” ณวกาญจน์ที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกรถหันมายิ้มก่อนตอบ “บอกแล้วค่ะ สามรอบแล้วมั้ง” แกล้งแหย่เพราะโหวงๆที่จะต้องอยู่แบบไม่มีเขา ถามต่อ “กลับกี่วันคะ” “น่าจะสักสามวัน อยู่ได้ใช่ไหม” มองเขาพูด กระพริบตาปริบๆ พยักหน้าบอกเสียงเหงา “เปรมอยู่ได้” คราวนี้ตุลาถอนใจยาว ละสายตาจากถนนครู่เดียวมามองหน้าเธอบอกจริงจัง “เปรมอยู่ได้ แต่พี่น่ะสิจะอยู่ได้ยังไง” “แอวะ...อย่ามาเน่า” เฉไฉว่าเขากลับไปอย่างนั้นเพราะอายกับสายตาคมเข้มสื่อความหมายที่มีอิทธิพลมากมายกับเธอเหลือเกิน เธอเองก็ร่ำๆเหมือนว่าจะอยู่ไม่ได้เช่นกันถ้าไม่มีตุลา ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานานแรมปี เจอหน้ากันทุกวัน ใช้ชีวิตด้วยกันทุกอย่าง และตุลาจะต้องกลับไปบ้านที่ว่านั่น คือบ้านของลุงชัยทุกเดือน บางทีก็แวะไปเดี๋ยวเดียว บางทีก็ค้างบ้างหนึ่งคืนถึงสามคืนราวๆนี้ ทำนองว่าไปดูแลอะไรๆให้ท่าน จำพวกเครื่องเก่า ของมีค่าบางชิ้น เพราะที่นั่นมีแต่คนงานเท่านั้นที่อยู่ให้ ส่วนตัวเจ้าของบ้านเองได้ยินตุลาเล่าว่าไปใช้ชีวิตในสวนผลไม้ที่ต่างจังหวัดแล้ว ส่วนคราวนี้ตุลาไปตั้งสามคืน คงเป็นสามวันสามคืนที่แสนทรมานสำหรับเธอ ต้องคิดถึงเขาแทบขาดใจแน่ๆ หารู้ไม่ว่าตุลาเองก็คิดไม่ต่างจากเธอ ดูจากแววตาอาวรณ์ที่มองสบมานั่น ยืนยันความในใจได้เป็นอย่างดี ตุลาเคยเอ่ยชวนให้ไปด้วยกัน แต่เธอไม่อยากไป ไม่อยากให้ใครมองว่าตัวติดกันตลอด ไปไหนมาไหน ห่างกันไม่ได้ อีกอย่างที่นั่นก็บ้านของญาติเขา เธอไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามเข้าออก หรือไปวอแวด้วย ทั้งยังเกรงใจด้วยนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล แล้วทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย วันที่เธอไปเยี่ยมพรรษมนวันแรก ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนสอบถามสาวรุ่นน้องว่าบ้านอยู่ตรงไหน เลยทำให้นึกขึ้นได้ “ซอยบ้านของลุงชัยทะลุซอย...ได้นี่นา” เจ้าหล่อนบอกชื่ออีกซอยที่เชื่อมต่อถึงกัน ตุลาไม่ได้พูดอะไร ทำเสียงอืออาตอบรับเท่านั้น หญิงสาวเลยเล่าต่อ “ซอยนั้นน่ะ ซอยบ้านพัดด้วยนะคะ” พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ตุลาหรี่ตาลง เอ่ยถามด้วยท่าทีจริงจังผิดจากเมื่อครู่ “เดี๋ยว นี่เราคิดอะไรอยู่ ยัยตัวแสบ” ไม่ยอมตอบเขาว่าคิดจะทำอะไร แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แทน “เปล๊า เปรมไม่ได้คิดอะไรหรอกน่า” “เสียงสูงนะ มากด้วย” เธอยิ้มกว้างแล้วขำออกมาในที่สุด ตีเข้าที่ต้นแขนแน่นๆล่ำๆใต้เสื้อเชิ้ตของเขาสองสามเพี๊ยะใหญ่ๆอย่างมันเขี้ยวที่ช่างยอกย้อนนัก เพื่อนสนิทของเธอ ไม่มีใครเชื่อเลย เมื่อเธอหลุดปากเล่าว่าตุลาเป็นคนตลกขนาดไหน เพราะภาพลักษณ์ของเขายามอยู่ที่สาธารณะราวกับคนละคน ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับเธอเลยแม้แต่นิด บุคลิกตุลาดูสุขุม พูดน้อย ชอบทำหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และเขายังมีสายตาคมเข้มใต้แว่น ที่เมธาวีชอบแซวอยู่เสมอว่ามีเอาไว้มองแค่เธอเพียงคนเดียวอีกด้วย ไม่นานจากนั้น รถของตุลาก็จอดลงตรงด้านหน้าคอนโด ณวกาญจน์แยกจากตุลาแล้วกลับเข้าห้องพักทันที จากที่ตั้งใจว่าจะนั่งเขียนนิยายต่ออีกหน่อย กลับตื้อไม่มีอารมณ์ทำเสียอย่างนั้น จึงเลือกหนังมานั่งดูสุดท้ายหลับที่หน้าจอภาพในห้องนั่งเล่นจนถึงเช้าของอีกวัน ช่วงสายณวกาญจน์แวะไปเยี่ยมพรรษมนที่โรงพยาบาล แพทย์เข้ามาตรวจแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ จึงช่วยเก็บของจนเรียบร้อยแล้วพากันไปที่รถ พรรษมนบอกเสียงอ่อยตอนที่ขึ้นนั่งบนรถแล้ว “พี่เปรมไม่ต้องมาส่งพัดก็ได้ค่ะ พัดเกรงใจ” “เกรงใจอะไรกันพัด” ณวกาญจน์ขับรถไปบ่นไปอีกยาวเหยียดเรื่องที่พรรษมนไม่ยอมแจ้งความเอาเรื่องสามีใจมารที่ทำร้ายตนเองได้ลงคอ ก่อนมองซ้ายขวาถาม “ซอยไหนนะพัด” “ข้างหน้าค่ะพี่เปรม”                      ณวกาญจน์หักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าซอยเห็นป้ายบอกว่าซอยนี้ทะลุซอยไหนได้ ค่อยร้องออกมาอย่างโล่งอก “ใช่จริงๆด้วย” หญิงสาวรุ่นน้องเอียงคอถามท่าทีงงงัน “อะไรหรือคะ” “บ้านพี่ตุลย์ก็อยู่แถวนี้น่ะสิ” เพราะมัวแต่มองทางจึงไม่เห็นสายตาของพรรษมนชั่วขณะหนึ่ง ในจังหวะที่เธอกล่าวถึงตุลา “ที่นี่บ้านพัดเองหรือ” ถามด้วยความเป็นห่วง แม้สนิทกันแต่ไม่เคยมาบ้านของพรรษมนเพราะอีกฝ่ายไม่เคยเอ่ยปากชวนให้มาเที่ยวเล่น ณวกาญจน์เองไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้ใคร เมื่อไม่เชิญชวนเธอจะออกปากขอมาได้อย่างไร คงน่าเกลียดน่าดู แต่เพราะว่าเหลืออดจริงๆเจ้าหล่อนสงสารพรรษมนที่ถูกกระทำถึงขนาดนี้จึงขันอาสาพากลับบ้าน “ค่ะ” พรรษมนตอบรับเสียงเบา บอกเมื่อใกล้ถึงที่หมาย “หลังนี้ค่ะพี่เปรม” จอดรดตรงประตูหน้าบ้านแล้วมองเข้าไปด้านใน ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “มีใครอยู่อีกไหมนอกจากเราน่ะ” “พัดอยู่คนเดียวค่ะ” “ตายแล้ว เกิดไอ้บ้านั่นมันมาอีกทำไงล่ะ” “ไม่มาแล้วล่ะค่ะพี่เปรม” “ไม่ได้นะแบบนี้” หลังพูดจบเพียงอึดใจ ณวกาญจน์ยกโทรศัพท์ต่อสายคุยครู่ใหญ่แล้ววางลง “พี่ตามการ์ดมาช่วยรักษาความปลอดภัยให้แล้ว” สีหน้าพรรษมนดูสงสัย แต่ไม่ได้เอ่ยถาม จนคนมองถึงกับหลุดขำออกมาแต่ไม่ยอมขยายความต่อ นานราวยี่สิบนาทีเสียงออดที่หน้าบ้านดังขึ้น “มาแล้วมั้ง” พรรษมนกำลังจะลุกไปเปิดประตูบ้าน แต่ณวกาญจน์อาสาไปเปิดเอง เดินมาจนถึงประตูด้านหน้าถึงได้เห็นร่างสูงใหญ่ที่แสนคุ้นเคยยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงนั้น เลยเรียกเขาเสียงอ่อนหวานเอาใจ “พี่ตุลย์มาไวจังเลย” ตุลาเอ็ดเสียงไม่ดังไม่เบานัก “เปิดประตูหน่อย พี่หนัก” ณวกาญจน์ยิ้มตาหยี เพราะเมื่อครู่นอกจากเธอจะบอกพิกัดบ้านของพรรษมนให้ตุลารู้แล้ว ยังบอกให้เขาหาของตามรายการที่สั่งในร้านสะดวกซื้อมาด้วย “ครบไหมคะ” ยื่นมือออกไปช่วยเขาถือแล้วเปิดถุงออกดูใช้สายตาสำรวจครู่เดียว เงยหน้ายิ้มใส่ตาคนรัก “เก่งจัง ครบทุกอย่างเลยค่ะ” “ไหนรางวัล” บอกพร้อมเอียงแก้มด้านที่ใกล้หญิงสาวอย่างรอคอย คนตบรางวัลส่ายหน้าบอกยิ้มๆ “กลับห้องก่อนค่อยให้” ตุลาเอียงตัวมากระซิบ “งั้นพี่ทบดอกเบี้ยเพิ่มไปเลยนะ แล้วห้ามปวดท้องอีกล่ะ” แกล้งย่นจมูกใส่ หน้าแดงจนออกร้อนเมื่อเห็นสายตาของตุลา ทำเป็นบ่นเบาๆ “ชิห์” ทั้งคู่พากันเดินเข้าบ้านด้วยกัน แต่แล้วกลับพบว่าพรรษมนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นบ้าน ณวกาญจน์ตกใจจนปล่อยของหลุดมือวิ่งเข้าไปดูทันที เรียกเสียงตระหนก “พัด เป็นอะไรพัด” หญิงสาวอ่อนวัยกว่า บอกเสียงแผ่ว “พัดเวียนหัวค่ะพี่เปรม” “พี่ตุลย์คะ ช่วยหน่อยเร็ว” ตุลาไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขามองร่างที่นอนกองตรงพื้นด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ก่อนเอาของในมือตนเองไปวางไว้บนโต๊ะอย่างใจเย็นแล้วเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้นบ้านด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ณวกาญจน์วอนละล้าละลัง “พี่ตุลย์อุ้ม...อุ้มพัดเข้าไปในห้องก่อนเถอะค่ะ” ชายหนุ่มลอบถอนใจ แต่กระนั้นก็ยังอุตส่าห์ทำตามที่หญิงคนรักบอก พอสอดมือเข้าไปที่ลำตัวอ้อนแอ้นของพรรษมนแล้วนั้น อีกฝ่ายก็เอียงหัวซบกับอกแข็งแกร่งของตุลาทันที ทั้งยังช้อนตาขึ้นมองตุลาอีกด้วย ชายหนุ่มเพียงแค่หลุบตามองลงมาแวบเดียวเท่านั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาสนใจอะไรอีก ณวกาญจน์ที่มัวแต่เตรียมห้องให้ ไม่ทันได้สนใจปฏิกิริยาของทั้งสองคน “ห้องพัดอยู่ไหน” ถามเจ้าของบ้านอย่างร้อนรนเป็นห่วง ได้ยินพรรษมนตอบกลับมาแผ่วเบา “ห้องฝั่งขวาค่ะ” “ทางนี้ค่ะพี่ตุลย์” ตุลาออกเดินอย่างมั่นคงไปยังห้องที่ว่า โดยมีหญิงคนรักเปิดประตูรอเอาไว้แล้ว ตรงไปยังเตียงหลังเดียวในห้อง วางร่างที่อุ้มลงบนนั้นอย่างรวดเร็วราวกับเป็นของร้อนๆของต้องห้าม ณวกาญจน์ถอนใจเฮือกบอกเสียงติดกังวล “โอย ไหวไหมเนี่ยเรา กลับไปหาหมออีกรอบไหม” “ไหวค่ะ พัดแค่หน้ามืดเท่านั้นเอง” “แล้วจะอยู่ยังไงคนเดียว ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม” ณวกาญจน์ถามอีก พรรษมนยิ้มน้อยๆบอกอย่างเกรงใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่เปรม...แล้วก็...” เจ้าหล่อนช้อนตามองที่ตุลา ปรับเสียงให้อ่อนหวานลงอีกระดับ “ขอบคุณพี่ตุลย์ด้วยนะคะ ขอพัดนอนพักหน่อย พี่เปรมกลับเถอะ พัดเกรงใจจัง” ณวกาญจน์ลังเล ถามย้ำ “อยู่คนเดียวได้หรือพัด” พรรษมนยิ้มพยักหน้าให้เป็นคำตอบ จึงร่ำลากันในที่สุด “งั้นพัดพักนะ พี่ไม่กวนแล้ว”           ณวกาญจน์ออกมาจากห้องของพรรษมน ช่วยดูแลปิดบ้านให้แล้วเดินนำตุลาออกมาที่ด้านนอก ถามเมื่อปิดประตูรั้วให้จนเรียบร้อยแล้ว “ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะพี่ตุลย์”           “ถ้าเขาอยู่คนเดียวแล้วพี่ต้องมาบ้านน้องเขา มันจะดูไม่ดีนะ”           ณวกาญจน์นึกถึงตอนที่เดินออกจากห้องของพรรษมนมาแล้ว และเอ่ยปากให้ตุลาแวะมาดูทางนี้หน่อย เพราะเห็นว่าบ้านอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร เลยบอกเขาไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก           “ใครจะมามองแบบนั้นกัน กลัวก็แต่พี่ตุลย์นั่นแหละจะไปปล้ำน้องเขา ยิ่งหื่นๆอยู่ด้วย”           ตุลายื่นมือออกมาเคาะศรีษะเธอเบาๆทีหนึ่งแล้วดุ “เพ้อเจ้อน่ายัยตัวแสบ พี่หื่นกับเราแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ” แหงนหน้ามองเขา ยิ้มทะเล้นใส่ตา ล้อเลียนต่อ           “อ้าว ว่าได้หรือคะ เกิดพี่ตุลย์หน้ามืดขึ้นมาล่ะ”           “ดีเลย เดี๋ยวพี่ให้หม่องมาอยู่เป็นเพื่อนน้องเขาก็แล้วกันนะ” ตุลาเอ่ยถึงคนงานที่บ้าน เป็นหญิงต่างด้าวร่างใหญ่ ที่เล็กกว่าเขาเพียงนิดเดียวให้มาช่วยดูแลพรรษมนแทนตนเอง           “ไม่เอา พี่ตุลย์นั่นแหละมา เกิดไอ้บ้านั่นมันมาอีก หม่องจะไปสู้อะไรได้”           ได้ยินคำยืนยันแบบเอาแต่ใจอย่างนั้นแล้ว ได้แต่ส่ายหน้า           “เฮ้อ! เปรมนะเปรม”           “นะคะ นะพี่ตุลย์นะ”           “ครับผม แล้วแต่จะบัญชาเลยครับทูนหัว”           “น่ารักที่สุด” ไม่ลืมกล่าวชมคนรักเสียงหวานหยดที่เขาไม่เคยขัดใจสักเรื่องที่เธอขอ ตุลามองนิ่ง แววตาเขาคมกล้าวาวแสงขึ้นตอนที่ถามกลับมา           “แล้วรักมากไหม”           “มาก...ค่ะ” ลากเสียงยาวตอบเขาพร้อมยิ้มตาหยีให้ด้วย           ตุลาโฉบลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างอดใจไม่ไหว จนคนถูกเอาเปรียบยกมือขึ้นลูบแก้มเบาๆ แกล้งมุ่ยหน้าทำทีเป็นงอน ณวกาญจน์แยกกับตุลาหลังจากนั้น ขับรถมาได้หน่อยก็มีสายเรียกเข้า เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร เลยรีบกดรับทันทีแกล้งทำเสียงออดอ้อนไว้ก่อน “พี่วา” ปลายสายถามอย่างทุกทีเวลาเธอเงียบไป ไม่ติดต่อหาแก “เป็นไงบ้างนังหนู หายหน้าไปเลยนะ” ณวกาญจน์มุ่ยหน้าก่อนอ้อน “เปรมจะไปไหนได้ล่ะคะ อยู่แต่ที่ห้องเนี่ย” ทางนั้นเงียบไปอึดใจแล้วถาม “เออ นี่ เจ้ากิตมันว่ามันเห็นเราออกไปกินข้าวกับยัยหนูพัด จริงหรือเปล่า” “ค่ะพี่วา มีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่ถาม ปกติไม่เคยเห็นเราไปไหนกับใคร” พูดมาถึงตรงนี้ก็ถอนใจให้เธอได้ยิน อดค่อนไม่ได้ “ตัวติดกับคุณตุลายังกับอะไรดี อะไรก็ พี่ตุลย์ พี่ตุลย์ เลยถามดูแค่นั้นเอง” วาสนาท่าทางไม่ใคร่ชอบใจในตุลานัก แปลกทีเดียว ทั้งๆที่ใครๆต่างก็พากันคลั่งไคล้เขา มีแต่วาสนาที่บอกให้เธอระวังผู้ชายแบบตุลาเอาไว้ เธอมั่นใจในตัวตุลาว่าเขาไม่มีพิษภัยอย่างแน่นอน วาสนาคงห่วงจนคิดมากไปก็เท่านั้น “แล้วไอ้นิยายที่เราว่าอยากเขียนนั่น ไปถึงไหนแล้ว” “ยังไม่ถึงไหนเลยพี่วา” “ท่าทางจะไม่รอด” “รอดสิคะ ไม่รอดได้ไง เดี๋ยวกลับห้องแล้วจะรีบไปเขียนต่อให้เสร็จเลย แล้วจะให้พี่วาอ่านเป็นคนแรก” “เชื่อได้หรือ” “ต้องได้สิ เชื่อหัวไอ้เปรมเถอะ” ไม่วายล้อเลียนด้วยประโยคเด็ดของนิยายดังจากนักเขียนชื่อดัง จนได้ยินวาสนาหัวเราะมาตามสาย ถามต่ออีกประโยค “ช่างมันเถอะเรื่องนั้น พรุ่งนี้แวะมากินข้าวกับพี่หน่อยนะ” ตอบรับทันทีว่าไป คุยกันอีกไม่กี่คำจึงวางสายแล้วขับรถกลับ ขึ้นห้องอาบน้ำตั้งท่าจะทำงานแต่แล้วกลับง่วงนอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ยังนอนไม่ได้นะไอ้เปรม” บอกตัวเองไปแบบนั้นแล้วนั่งหลังตรง เปิดไฟล์เอกสารขึ้นรอท่า แต่ก็หาววอดๆแทน จึงผละมาทิ้งตัวลงนอนตรงโซฟาไม่ไกลจากโต๊ะทำงาน ตั้งใจจะงีบหน่อยเดียวแล้วค่อยลุกขึ้นมาเขียนต่อ แต่พอปิดตาลงเท่านั้นก็เลยหลับยาวจนเช้าในที่สุด เช้านี้เงียบเหงากว่าที่คาด ตุลาอยู่ที่บ้านของลุงเขา อีกไม่กี่วันเธอจะได้กินอาหารเช้าที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางจิตใจและร่างกายที่ตุลาเป็นคนทำให้อยู่เสมอ ฉะนั้นจึงต้องทนกินพวกซีเรียลกับนมแล้วก็ผลไม้สดในตู้แช่ไปพลางๆก่อน มื้อเที่ยงกับมื้อเย็นค่อยหากินจากข้างนอกแล้วถึงกลับห้องมานอน จะได้ผ่านไปอีกหนึ่งวันที่แสนยาวนาน คิดได้อย่างนั้นแล้วรีบจัดแจงอาหารเช้า ไม่ลืมแวะที่วัดก่อนเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาที่ล่วงลับไป จากนั้นตั้งใจว่าจะเอางานที่รับปากวาสนาไว้ไปให้อีกฝ่ายดูด้วย พลางคิดอะไรเล่นๆเรื่อยเปื่อยต่อว่าหากตุลาไม่กลับมาที่ห้องอีก เธอคงผอมแห้งหิวโซเป็นแน่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นทุกอย่างในชีวิตเธอไปแล้ว เป็นคุณหมอยามเธอเจ็บป่วย เป็นคุณพยาบาลคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดยามเธอไม่สบาย เป็นพ่อครัวที่คิดดัดแปลงทำอาหารได้ทุกเมนูเพียงแค่เห็นของในตู้แช่ และ...เป็นคนที่เธอรักจนสุดหัวใจ นึกไม่ออกเลยว่าหากไม่มีเขา เธอจะเป็นเช่นไร แต่ไม่มีทางที่เธอจะไม่มีตุลา ตุลาแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้อย่างที่ใครปรามาส ทั้งยังเป็นคนที่มีความรักมั่นคง ตลอดเวลาที่คบหากันเขาไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง ลำบากใจ เสียใจแม้แต่เรื่องเดียว และมีแน่นอนสาวๆที่ตามมาวอแวกับเขา แต่ตุลามีวิธีจัดการในแบบของเขาที่เธอทึ่งทุกครั้งที่ได้เห็น แถมเขายังมีสายตาที่เอาไว้มองแต่เธอเพียงคนเดียวอีกด้วย ณวกาญจน์ยิ้มสุขใจ ประกายตาวาววับอย่างคนที่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก หากแต่อนาคตทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้แน่นอนอย่างนั้นหรือ มีพบมีจากมีรักมีเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรมั่นคงยั่งยืนถาวร หญิงสาวคงลืมข้อคิดเตือนใจข้อนี้ไปแล้วละมัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม