บทที่ 4 ซูซี่

2171 คำ
บทที่ 4 ซูซี่ ซูซาน เหลียง หญิงวัยกลางคนที่แม้จะอายุ 45 ปีแล้ว แต่ด้วยอาชีพการงานที่เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงและมีชื่อเสียงในระดับโลก ทำให้เธอให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาและภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก ภาพที่เห็นจึงเป็นสาวใหญ่ที่งามสง่ามาในชุดบอดี้สูทเข้ารูปสีดำเรียบหรูทรงอำนาจ ใบหน้าที่ตกแต่งไว้งานสวยงามเน้นให้ดวงตาหยี่เล็กแบบคนจีนให้เด่นขึ้นมาจนเหมือนเมื่อจ้องมองไปที่ใคร คนนั้นก็หลบสายตาของเธอไปโดยอัตโนมัติ ในวงการนางแบบเธอสามารถสั่งเป็นสั่งตายนางแบบคนไหนก็ได้ เมื่อสิ้นคำถามของซูซาน เหล่าบรรดานางแบบลิ่วล้อก็พลันเงียบเสียงลง ทุกคนก้มหน้างุด พวกเธอรู้ดีว่าหากซูซาน เหลียง ไม่พอใจใคร เธอสามารถปลดทุกคนออกจากการเดินแบบของงานได้ทันที แม้งานกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วินาที “ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น” ซูซานถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาที่แต่งให้คมส่งไปรอบๆตัวนางแบบที่พร้อมใจกันก้มหน้างุด “ฟางฟาง..ตอบฉันมาซิ ทำไมเละเทะขนาดนี้ พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” ซูซานเริ่มที่นางแบบที่มีคราบซุปเห็ดเปื้อนเต็มตัว “คือ..ฟางฟางกำลังมาตักอาหาร แต่เดินสะดุดพื้นแล้วทำให้ล้มไปโดนคนนี้ เขาโกรธลงเอาซุปมาสาดใส่ฟางฟางค่ะคุณซูซาน” ฟางฟางเอ่ยขึ้นโดยฟ้องว่าเธอไม่ได้ตั้งใจแต่โดนกระทำกลับด้วยความรุนแรง “จริงเหรอ ฟ้า” คุณซูซานหันกลับมายังนางแบบที่จะเดินชุด ฟินนาล่าในงานครั้งนี้ด้วยสายตากดดัน เธอต้องการคำตอบจากทุกคนแล้วถึงจะสรุปเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น “ฟ้า ยอมรับว่าคราบซุปนั่นมาจากฟ้า แต่ฟ้าไม่ได้ตั้งใจนะคะ พอโดนกระแทกและมีน้ำมาราดที่ด้านหลังทำให้ฟ้าตกใจกันมาดูกระทันทัน ทำให้ซุปกระเด็นหล่นไปที่ฟางฟาง ฟ้าขอโทษอีกครั้งนะฟางฟาง” พราวนภารู้ว่าซูซานจะต้องหาคำตอบจากกล้องวงจรปิดอยู่แล้วจึงสารภาพออกไป ซึ่งหากพูดไม่ตรงกับภาพในกล้องวงจรปิด ซูซานจะรู้ได้ทันทีว่าใครโกหก ใครเป็นคนก่อเรื่อง “โกหก..แกแกล้งฉัน” ฟางฟางร้องออกมาเมื่อเห็นฟ้าขอโทษด้วยปาก แต่แอบส่งสายตาเย้ยยั่นมาที่เธอ “ฉันไม่ได้โกหก ฉันตกใจจริงๆ และฉันก็ขอโทษเธอไปแล้ว” “พอๆๆ มีใครจะบอกอะไรอีกไหม” ซูซานเอ่ยขัดขึ้นเมื่อตัวการสองคนเถียงกันไปมา แอนนาที่ยืนฟังการโต้เถียงอยู่ข้างๆพราวนภาก็เอ่ยขึ้นเพื่อช่วยให้คุณซูซานได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น “แอนว่าถ้ามีแต่คนบอกว่าตัวเองไม่ผิดและเถียงกันอยู่แบบนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบ ทำไมคุณซูซานไม่ขอให้เขาเปิดกล้องวงจรปิดดูล่ะคะ น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” แอนนาหันไปบอกซูซานที่พยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ แต่เหล่าบรรดานางแบบจากฮ่องกงกลับหน้าเริ่มไม่มีสี พวกเธอมองหน้ากัน เลิ่กลั่ก เมื่อรู้ว่าหากเปิดกล้องวงจรปิด ฟางฟางอาจจะต้องระเห็จออกจากงานเดินแบบครื่องเพชรทันที คุณซูซานมีบทลงโทษที่รุนแรงเสมอ ฟางฟาง ส่งสายตาไปยังหญิงสาวสวยในชุดเดรสสีแดงหรูหราที่ออกแบบให้ลงตัวกับหุ่นสูงบอบบางของคนใส่ เธอมีใบหน้าที่บ่งบอกได้ว่ามีเชื้อจีนอยู่เต็มเปี่ยม ผิวขาวอมชมพูที่ได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าหวานที่ที่ให้ทุกคนหันมอง แม้เธอจะเชิดหน้าเย่อหยิ่งให้เห็นอยู่ตลอดก็ตาม ตอนนี้เธอนั่งไขว่ห้างอวดเรียวขาสวยที่พ้นรอยแยกของผ้าพลิ้วบางมองมาที่กลุ่มคนกลางห้องด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย สายตาเรียวเล็กส่งมากดดันคนที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ ซูซี่ ลุกจากเก้าอี้ที่เธอนั่ง เดินตรงมายังกลางห้องที่มีการปะทะคารมกันอยู่ เธอนั่งมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น รู้ว่าฟางฟางทำไปเพื่อเอาใจเธอ ลิ่วล้อพวกนี้บางทีก็ทำแต่เรื่องให้เธอปวดหัวจนอยากปลดระวางออกไปให้พ้นๆตัวซะเหลือเกิน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เธอยังต้องการพวกหล่อนเพื่อไว้ใช้งาน คิดได้ดังนั้นเธอจึงปรับสีหน้าเปิดยิ้มออกไปเพื่อจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า “สวัสดีค่ะ ซูซาน” ซูซี่เอ่ยทักเจ้าแม่โมเดลลิ่งออกไปด้วยน้ำเสียงไพเราะ ไร้ซึ่งความขุ่นมัว ทุกอย่างเก็บไว้ในใจที่ขุ่นเคือง ซูซานหันกลับมาตามเสียงเรียกที่ได้ยิน แม้เธอจะเห็นนางแบบซูปเปอร์โมเดลนั่งอยู่ตั้งแต่แรกที่เข้ามาในห้อง แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่จะทักทาย เธอจึงยังไม่คิดจะสนใจ ซูซานรู้ดีว่าเดียวนางแบบสาวก็จะเป็นคนเข้ามาทักทายเธอเอง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น “สวัสดี ซูซี่ มาถึงตั้งแต่เมื่อไร ฉันนึกว่าตอนนี้เธอยังอยู่ที่ฝรั่งเศส เห็นว่าไปเที่ยวกับครอบครัว” ซูซานทักทายออกไปและถามแกมเหน็บไปที่ซูซี่ โดยกำหนดการซ้อมเดินแบบจะเริ่มขึ้นในวันนี้ ในตอนแรกซูซี่แจ้งมาว่าไม่สามารถมาร่วมซ้อมได้ เนื่องจากต้องไปติดต่อธุรกิจพร้อมครอบครัวที่ฝรั่งเศส แต่เธอรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้าง “ซูซี่ รู้ว่างานเดินแบบครั้งนี้สำคัญมาก เลยขอคุณพ่อยกเลิกงานทางฝรั่งเศสค่ะ ซูซี่ขอโทษด้วยนะคะที่ครั้งแรกแจ้งมาแบบนั้น ซูซี่เห็นว่าเป็นการเดินแบบธรรมดา ไม่ได้เดินชุดฟินนาเล่แล้วคงไม่มีอะไรมากน่ะค่ะ” ซูซี่บอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่สายตาที่มองออกไปบ่อบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจเจ้าแม่โมเดลลิ่งที่ไม่ให้เธอสวมชุดฟินนาเล่ “ เธอก็รู้ว่าฉันตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คนที่อยู่สูงที่สุด คนที่เป็นเจ้าของงาน เป็นคนกำหนดมาว่าให้ใครเป็นคนเดินในชุดฟินนาเล่ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจ” ซูซานพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอเข้าใจและเห็นใจนางแบบสาวว่ารู้สึกอย่างไรที่ไม่ได้สวมชุดฟินนาเล่ทั้งๆที่เคยเป็นของเธอมาตลอด “พี่แฮรี่เหรอคะ” ซูซี่ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น เธอไม่เชื่อว่าแฮรี่จะเป็นคนที่เลือกนางแบบเอง เขาไม่เข้ามายุ่งกับส่วนของนางแบบมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งหมดบนเวที เขาจะดูแลแค่เครื่องเพชรเท่านั้น “ไม่ใช่ แฮรี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” ซูซี่บอกออกไปเพื่อให้นางแบบสาวสบายใจ เธอรู้ว่าซูซี่พึงพอใจในตัวหลานชายของเธอ มันคงเจ็บปวดมากกว่าเดิมถ้าแฮรี่เป็นคนคัดตัวนางแบบ “แล้วใครคะที่เป็นคนตัดสินใจแบบนี้ คุณซูซานบอกซูซี่ได้ไหมคะ” ซูซี่เอ่ยออกไป เธอครองตำแหน่งนี้มา 3 ปี จะให้ทำใจว่าต้องลดตัวเองลงมามันคงไม่ง่าย ซูซี่ เฉิง สาวสวยวัย 24 ปี เธอเป็นซุปเปอร์โมเดลอันดับหนึ่งของฮ่องกง และมีชื่อเสียงบ้างในระดับโลก ลูกสาวคนเดียวของเดวิด เฉิง เจ้าพ่อคนดังแห่งเกาะฮ่องกง พ่อของเธอกับพ่อของแฮรี่มีธุรกิจหลายอย่างที่ร่วมหุ้นกัน ทำให้ซูซี่ได้พบเจอกับแฮรี่ตามงานสังคมต่างๆอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงแม้ชื่อเสียงของแฮรี่ในเรื่องผู้หญิงจะโด่งดังแค่ไหนและเธอพยายามทอดสะพานให้ชายหนุ่มเดินแค่ไหน แฮรี่ก็ยังให้เธอเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น เธอไม่ย่อท้อในการที่จะเอาชนะใจชายหนุ่ม เธอยอมแม้กระทั่งมาเดินแบบในงานนี้ที่จะได้สวมชุดเดินแบบธรรมดาเพียงเพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดแฮรี่ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้...บางทีนางแบบคนที่ได้รับคัดเลือกอาจเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถเดินแบบได้ ..ใครจะไปรู้ “ฉันคงตอบเธอไม่ได้นะซูซี่” เสียงของซูซานเอ่ยออกมาด้วยความเห็นใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ซูซี่เข้าใจ ว่าแต่นี่ก็ใกล้เวลาซ้อมเดินแบบแล้ว ซูซี่ว่าเราแยกย้ายกันไปเตรียมตัวดีไหมคะ” ซูซี่เบี่ยงประเด็นเพื่อช่วยให้ ลิ่วล้อหลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า “แต่ฉันยังไม่ได้คำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะ” คุณซูซานไม่ปล่อยเลยไปง่ายๆ เธอคิดว่ารู้ว่าใครผิด แต่การหักหาญที่รุนแรงเกินไปก็ไม่เป็นผลดีซักเท่าไร หากก็ต้องปรามไว้บ้าง “ ซูซี่ว่า เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ ในเมื่อทั้งสองคนว่าไม่ได้ตั้งใจก็น่าจะจบเรื่องและแยกย้ายกันไปทำงานดีกว่านะคะ” “ฟางฟาง ว่างัย เธอยังจะให้ฉันจัดการคนที่ราดซุปใส่เธอมัน” ซูซานหันมาถามฟางฟางที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้า “..เอ่อ..” ฟางฟางสบตาซูซี่ที่เพ่งมากดดัน “เธอคงไม่ติดใจอะไรใช่ไหม ฟางฟาง” ซูซี่ถามออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตาเรียวเล็กจิกกัดลิ่วล้อ บ่งบอกว่าหากมีปัญหาเธอเจอดีแน่ ฟางฟาง “เอ่อ..ค่ะ ค่ะ ฟางฟาง ไม่ติดใจอะไรค่ะ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ” ฟางฟางรีบพยักหน้ารับทันที “แล้วเธอละ พราวนภา ยังติดในที่ฟางฟางกระแทกเธออยู่ไหม” ซูซานหันไปถามหญิงสาวผู้จะสวมชุดฟินนาเล่ “ฟ้า ไม่ติดใจค่ะ และขอโทษอีกครั้งนะฟางฟางที่ทำให้เธอมีสภาพแบบนี้” พราวนภาเอ่ยออกไป แต่ก็ไม่วายเหน็บเล็กๆ “ฟางฟาง เธอก็ควรจะขอโทษพราวนภาด้วยนะที่ล้มไปโดนเขาและทำให้น้ำกระเด็นไปจนเขาเปียก” ซูซานบอกออกไป พร้อมสายตากดดัน “เอ่อ../ขอโทษเธอไปซะ ฟางฟาง” ฟางฟางยังพูดเอ่ยไม่จบ ซูซี่ก็บอกให้เธอขอโทษทันที ฟางฟางได้แต่ทำตามแม้ว่าจะไม่ชอบใจก็ตาม “ฉันขอโทษ....” ฟางฟางเอ่ยก่อนจะเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องอาหารด้วยน้ำตา จนเพื่อนๆต้องรีบวิ่งตามออกไป ในห้องอาหารที่เลอะเทอะมีเพียงสี่สาวที่ยืนนิ่ง มองตามแผ่นหลังของเหล่านางแบบที่วิ่งออกไป จนซูซี่ที่หันมามองหน้าพราวนภาเต็มๆเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาเรียวมองสบดวงตากลมโตของพราวนภาอย่างท้าทาย “สวัสดี ฉันซูซี่ เฉิง” ซูซี่ทักออกไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าออกไปด้วยภาษาอังกฤษ สายตาของเธอมองผ่านนางแบบสาวฝรั่งเศส ก่อนจะมาหยุดที่นางแบบสาวหน้าเอเชีย “สวัสดีค่ะ ฉันแอนนา เรียกว่าแอนก็ได้ค่ะ มาจากฝรั่งเศส” แอนนาทักออกไปด้วยภาษาเดียวกัน “สวัสดีค่ะ ฉันพราวนภา เรียกว่าฟ้าก็ได้ค่ะ มาจากประเทศไทย” พราวนภาเอ่ยเลียนแบบแอนนาออกไป “เอาล่ะ รู้จักกันแล้วก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัว อีก 2 ชั่วโมงเจอกันที่ห้องซ้อมนะทุกคน” ซูซานบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร สงสัยวันนี้เธอคงต้องพึ่งรูมเซอร์วิสอีกแล้วเป็นแน่ ซูซี่เดินตามเจ้าแม่โมเดลลิ่งออกไป หลังจากห้องอาหารกลับมาอยู่ในความสงบ พราวนภากับ แอนนา มองสบตากันเพื่อปรึกษา ทั้งสองยกยิ้มในหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตักอาหารแล้วเดินไปนั่งรับประทาน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เสียดายซุปอุ่นๆถ้วยนั้นชะมัด แต่ไม่เป็นไร ในหม้อยังมีอีกเยอะ ว่าไหมแอน” พราวนภาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ฉันคงต้องมองเธอใหม่แล้วสิ ฟ้า เห็นหน้าหวานๆไม่คิดว่าจะมีพิษสงรอบตัวเหมือนกันนะเนี่ย” แอนนายกยิ้มให้พราวนภา เธอแปลกใจในตัวเพื่อนสาวคนใหม่อยู่ไม่น้อย เหมือนจะอ่อนแอ แต่จริงๆแล้ว..ไม่ใช่ “ถึงฉันจะอยู่ในวงการนี้มาไม่นานแต่ก็พอศึกษามาบ้าง อีกอย่างนะ นี่เพื่อนใคร ฉันพราวนภาเพื่อนคุณหนูอริสนะจ๊ะ” พราวนภาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า เมื่อคิดถึงเพื่อนสาวที่สอนให้เธอสู้คน “ใคร..คุณหนูอริส” แอนนาถามออกไป “เพื่อนฉันเอง วันหลังจะแนะนำให้รู้จัก เรารีบทานข้าวเถอะ เดียวจะไม่ทันเวลา” จากนั้นทั้งสองสาวก็เร่งรีบจัดการอาหารตรงหน้า ก่อนจะพากันไปเตรียมตัวเพื่อซ้อมเดินแบบต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม