ภายในมิติจิตที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีอยู่จริงบนโลกใบนี้ วิญญาณของหลี่เจียซินเดินวนเวียนอย่างไร้จุดหมาย
สถานที่แห่งนี้ดูอุดมสมบูรณ์ มีลำธารและภูเขาที่เขียวชอุ่ม กลิ่นหอมของดอกไม้ที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นอบอวลไปในอากาศ เสียงน้ำไหลผสานกับเสียงนกร้องช่างไพเราะเสนาะหู
อีกฟากฝั่งมีแปลงผักลำต้นอวบอิ่มปลูกอยู่หลายชนิด ถัดไปหน่อยมีกระท่อมหลังน้อยที่ตั้งอยู่กลางหมู่มวลไม้งาม
" นี่ที่ไหนกัน ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นหรือนี่คือโลกหลังความตาย อึก เราคงจะได้พบกับพ่อแม่แล้วสินะ "
หญิงสาวน้ำตานองหน้า เธอก้มดูเนื้อตัวที่มีแต่รอยฟกช้ำ พร้อมทั้งคิดว่าเธอคงหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว
" อาซิน อาซินมาที่นี่ทำไมลูก มันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้พบกันเลยนะลูก กลับไปเถอะ กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ พ่อกับแม่ขอโทษที่ส่งลูกไปอยู่ที่บ้านหลังนี้ให้คนอื่นรังแก "
หลี่เจียซินได้ยินเสียงของบิดา เธอหันมองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่เห็นผู้ใด
" พะ พ่อหรือจ๊ะ นั่นเสียงพ่อจริง ๆ ใช่ไหม อึก "
" นังหนู ยังไม่ถึงเวลาของเจ้าที่จะได้ไปอยู่กับพ่อแม่ เจ้าจงกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถิด "
ชายชราชุดขาวไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่หลังเธอตั้งแต่ตอนไหน เจียซินหันไปมองตามทิศทางของต้นเสียงก่อนจะเอ่ยถาม
" ท่านตาเป็นใครหรือจ๊ะ ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในนี้ได้ แล้วพ่อแม่ของหนูอยู่ไหนจ๊ะ "
เจียซินเอ่ยถามชายชราที่มีใบหน้าอิ่มบุญจนน่าเลื่อมใส
" ฟังข้าเถิดนังหนู ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะไปสู่ภพภูมิอื่น จงกลับไปใช้ชีวิตของเจ้าอีกครั้งเถิดเราจะมอบมิติแห่งนี้ ให้ติดตัวเจ้าไป ถือเป็นการตอบแทนความดีของเจ้าในครั้งก่อนเก่าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน "
เจียซินมองไปบริเวณโดยรอบก่อนจะเอ่ยถามชายชรา
" ให้มิติจิตแห่งนี้หรือจ๊ะท่านตา แล้วหนูจะใช้ยังไงหนูจะสามารถทำอะไรได้บ้าง "
" ก่อนอื่นเจ้าจงไปดื่มน้ำมรกตในลำธารนั่นก่อน หรือจะลงแช่ตัวเลยก็ได้ สายน้ำมรกตแห่งนี้จะช่วยสมานแผล และเยียวยาจากภายในสู่ภายนอกไม่ว่าจะมีแผลหรืออาการป่วยไข้ ที่สาหัสเพียงใดก็สามารถช่วยให้หายได้เพียงชั่วข้ามคืน "
เจียซินรีบเดินไปที่ลำธารแล้วใช้สองมือ ตักน้ำขึ้นดื่มกินตามที่ชายชราบอก
" อ๊าาา สดชื่นจัง "
หญิงสาวค่อย ๆ เดินลงไปแช่ในลำธารทันที ขณะที่เธอเดินลงไปเจียซินรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายเมื่อถูกสายน้ำมรกตชำระล้างร่างกาย
เธอเดินลงไปในจุดที่ลึกอีกหน่อยก่อนจะมุดลงไปในสายน้ำที่ไหลเอื่อยครู่หนึ่ง
ขณะที่เจียซินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เธอรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ราวกับว่าภาระที่หนักอึ้งถูกปลดออกจากบ่าของเธอ
รอยแผลตามตัวของเธอจางหายไปจนหมด ผิวที่หยาบกร้านเพราะการทำงานหนักแปรเปลี่ยนเป็นชุ่มฉ่ำนวลเนียนสวยสะพรั่งสมวัย
มิใช่เพียงวิญญาณของเธอที่มีสภาพที่ดีขึ้น ร่างกายของเธอที่อยู่ในสภาวะจำศีลนอกมิติก็แปรเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
" เป็นอย่างไรบ้าง ดีอย่างที่ข้าบอกใช่หรือไม่ "
ชายชราเอ่ยถามเจียซินด้วยรอยยิ้ม ท่านคือผู้ให้ ท่านย่อมมีความสุขเมื่อผู้รับมีความสุขไปด้วย แต่การให้ย่อมต้องเลือกสรรแต่ผู้ที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น
" ดีจ้ะท่านตา แล้วหนูต้องทำอย่างไรต่อหรือจ๊ะ "
" มิตินี้เจ้าสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา เพียงเจ้านึกอยากเข้าก็สามารถเข้ามาได้แล้ว น้ำมรกตหากเจ้าอยากช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเจ้าจงทำให้แนบเนียนอย่าให้มีใครจับได้ ท้ายที่สุดมันจะเป็นอันตรายต่อเจ้าเอง "
" หนูอยากไปจากหมูบ้านแห่งนี้จ้ะ หนูไม่อยากอยู่กับสองคนแม่ลูกนั่นแล้ว หนูเหนื่อยเหลือเกินท่านตา "
ใบหน้านวลเนียนฉายแววสลดลงเมื่อนึกได้ว่าต้องออกไปอยู่กับสองแม่ลูกที่ทำร้ายเธอ
เมื่อวานเธอออกไปหางานรับจ้างเหมือนทุกวัน แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครจ้าง เมื่อถึงเวลาใกล้พลบค่ำเธอจึงกลับมาบ้าน แต่พอบอกสองแม่ลูกว่าไม่มีเงินให้เธอก็ถูกทำร้ายอย่างทารุณ
หลายครั้งที่เธอนึกโกรธให้พ่อแม่ที่ส่งเธอมาอยู่ในบ้านหลังนี้ มีเพียงลุงของเธอเท่านั้นที่ทำดีกับเธอ แต่ลุงก็ต้องออกไปทำงานรับจ้างจึงไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอด
เดิมทีช่วงที่เกิดการปฏิวัติบ้านเมืองวุ่นวาย พ่อและแม่ของเธอเป็นอาจารย์ทั้งคู่ จึงถูกจัดอยู่ในฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิวัติในครั้งนั้น
ทั้งสองจึงส่งลูกสาวมาอยู่บ้านที่ตนเองเป็นคนส่งเงินมาสร้างไว้เพื่อพักอาศัยเวลามาเยี่ยมบ้าน
หลี่เจียซินนั่งรถไฟออกจากเมืองใหญ่เพื่อหลบหนีภัยอันตรายมาเพียงคนเดียวในวัยเพียง 12 ขวบ พ่อแม่ของเธอจับเธอแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อไม่ให้เตะตาใคร
เมื่อมาถึงหมู่บ้านได้เจอหน้าผู้เป็นลุง เจียซินก็ยื่นจดหมายให้ลุงหลี่จื้อได้อ่าน เมื่ออ่านเสร็จหลี่จื้อตัวชาวาบที่น้องชายเขียนมาว่าอาจจะไม่ได้กลับมาแล้ว จากนี้ไปฝากให้เขาดูแลเจียซินด้วย
เจียซินเคยมาที่หมู่บ้านบ่อยแล้วตั้งแต่ตอนที่ปู่ย่ายังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่พากลับมาเยี่ยมปู่ย่าอยู่บ่อยครั้งจนตัดสินใจสร้างบ้านเอาไว้
เจียซินมีเงินติดตัวมาหลายพันหยวนที่พ่อแม่ให้ติดตัวมา ลุงหลี่จื้อรู้ดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอย่างไรจึงได้พาเธอเอาเงินบางส่วนไปฝังไว้ที่โคนต้นไม้ข้างกระท่อมกลางทุ่งนา
เพียง 1 เดือนกว่า ๆ ที่เธอมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เถ้ากระดูกของพ่อและแม่ของเธอก็ถูกส่งมาให้เธอ โดยสหายของทั้งคู่เป็นธุระจัดการให้ ในกล่องนั้นมีจดหมายเขียนบอกเอาไว้ว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เธอถูกส่งขึ้นรถไฟไป พ่อและแม่ของเธอก็ถูกจับตัวไปทารุณจนเสียชีวิต
ตอนนั้นเจียซินร้องไห้จนเป็นลมไปหลายครั้ง เมื่อชีวิตของเธอไม่เหลือใครให้เป็นที่พึ่งแล้ว เธอจึงจำต้องอยู่ในบ้านของเธอที่ถูกสองแม่ลูกนั้นยึดครองไปเสียแล้ว
บ่อยครั้งที่เจียซินต้องไปเอาเงินเก็บส่วนนั้นออกมาใช้จนตอนนี้เหลืออยู่เพียง 200 กว่าหยวน
" ไปอยู่ที่อื่นเถิด กลับไปที่เมืองใหญ่ที่เจ้าจากมาก็ได้เช่นกัน ที่ของเจ้าคือที่นั่น คนของเจ้าก็อยู่ที่นั่น "
หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ว่าใครคือคนของเธอ
" ไม่ต้องสงสัยไปหรอก เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง ตอนนี้นอกมิติเป็นเวลาใกล้รุ่งสางแล้ว เจ้าควรกลับเข้าร่างแล้วออกไปจากหมู่บ้านก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า "
" จ้ะท่านตา ว่าแต่หนูต้องกลับเข้าร่างของตัวเองอย่างไงหรือจ๊ะ "
" หลับตาเถิด "
วืดดดดดดด
วิณญาณของเจียซินกลับเข้าร่างที่อยู่ในผ้าห่ม เธอรีบหมุนตัวออกจากผ้าห่มที่ห่อหุ้มร่างกายของเธออยู่อย่างรวดเร็ว
เจียซินตั้งสติก่อนจะมองบริเวณโดยรอบ เธอเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่าของเธอ เจียซินรีบลุกขึ้นไปเปิดดูเมื่อเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าของเธอ เธอจึงหิ้วมาไว้ในมือ
" รีบไปเอาสิ่งของที่เจ้าฝังไว้ แล้วบอกลาลุงของเจ้าเสียเถิด เขารอเจ้าอยู่ที่นั่นแล้ว "
เมื่อบอกทุกอย่างแก่หญิงสาวแล้วชายชราก็หายตัวไปทันที
" จ้ะท่านตา ขอบคุณท่านตามาก ๆ เลยนะจ๊ะที่ให้หนูได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง "
หลี่เจียซินหันหลังเดินออกไปจากหุบเขาทันที เธอมุ่งหน้าไปยังทิศทางกระท่อมกลางทุ่งนาเพื่อไปเอาเงินก้อนสุดท้ายของเธอ
เมื่อไปถึงเธอก็เห็นผู้เป็นลุงนั่งถือกล่องเงินรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกายของเขาเป็นตะเกียงไฟอันเล็ก ๆ ที่พกติดตัวเพื่อนำทางมาด้วย
" อาซิน หลานจริง ๆ ด้วย ทำไมหลายถึง...ช่างเถอะ ขอแค่หลานปลอดภัยลุงก็ดีใจแล้ว "
หลี่จื้อแปลกใจไม่น้อยที่หลายสาวมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เขารู้ได้เลยว่าต้องมีเรื่องลี้ลับเกิดขึ้นกับเจียซินเป็นแน่ เมื่อวันก่อนตอนเช้าที่เจอหลานสาวรอยแผลเป็นยังเต็มตัวของเธออยู่เลย
" ละ..ลุง หนูจะไปจากที่นี่ อย่าบอกพวกเขาได้ไหมจ๊ะว่าหนูยังมีชีวิตอยู่ "
หลี่จื้อน้ำตาตกทันทีที่ได้ยินหลานสาวพูดแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าภรรยาและบุตรสาวทารุณอะไรเจียซินเอาไว้บ้างเธอถึงได้คิดจะหนีไปแบบนี้
" ได้สิ แต่หลานเล่าให้ลุงฟังได้ไหมว่าอาเผิงกับซูหนี่ทำร้ายอะไรหลานบ้าง "
เจียซินตัดสินใจเล่าสิ่งที่สองแม่ลูกกระทำกับตนเองจนสิ้นใจ แล้วเอาร่างของเธอไปทิ้งที่หุบเขา แต่เธอไม่ได้เล่าเรื่องมิติจิต
หลี่จื้อโกรธจนหน้าแดงเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาอยากจะจับภรรยามามัดไว้แล้วฟาดด้วยแส้แรง ๆ สักหลายทีก็ไม่รู้จะสาสมหรือไม่
" ลุงรับปากฉันได้ไหมจ๊ะว่าจะไม่บอกใครว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ "
เจียซินเอ่ยด้วยสายตาที่อ้อนวอน เธออยากมีชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว 12 ปี ที่เธออยู่ที่นี่มันยิ่งกว่าตกนรกเสียอีก
" ลุงสาบานได้ ลุงจะไม่บอกใครแน่นอน นี่เป็นเงินของหลานให้หลานเอาติดตัวไปด้วยแล้วดูแลตัวเองให้ดี "
หลี่จื้อยังเงินที่เหลืออยู่ 200 หยวนในกล่องเหล็กให้หลานสาว ก่อนจะเดินไปเตรียมจักรยานเพื่อจะปั่นไปส่งเจียซินก่อนที่ฟ้าจะสว่าง
" ขอบคุณจ้ะลุง นอกจากพ่อกับแม่ฉันก็เหลือเพียงแค่ลุงที่หวังดีกับฉัน หากวันใดที่ฉันเข้มแข็งพอฉันจะกลับมาเยี่ยมลุงนะจ๊ะ "
" อย่าคิดมากเรื่องพวกนั้นเลย มาขึ้นจักรยานเร็วเข้า หาผ้าโพกหัวสักหน่อยเดี๋ยวลุงจะปั่นจักรยานไปส่งขึ้นรถก่อนที่ชาวบ้านจะตื่น "
เจียซินรีบเดินไปขึ้นจักรยานอย่างรวดเร็ว หลี่จื้อรีบปั่นออกจากหมู่บ้านโดยใช้อีกเส้นทางหนึ่งที่เป็นทางลัดเข้าถึงภายในอำเภอได้อย่างรวดเร็ว