รถลากคันหนึ่งบุกป่าฝ่าเขาเพื่อจะไปยังค่ายทหารทางตอนใต้ของเมืองหลวง การเดินทางช่างแสนรำเค็ญเพราะถนนหนทางทั้งขรุขระและยาวไกล สตรีสองนางที่นั่งอยู่ในรถม้าเริ่มปวดเมื่อยไปตามร่างกาย ใจอยากให้รถม้าหยุดแล้วพักยืดเส้นยืดสายสักหน่อยแต่กลัวจะยิ่งเดินทางช้าลง
เฟิงซูเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนคนที่นั่งในรถม้าคือบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ส่วนด้านนอกจะมีนางคอยควบม้ารักษาความปลอดภัยอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเดินทางไปทิศใดย่อมขาดนางร่วมเดินทางไม่ได้สักครา
'ข้าอุ่นใจทุกครั้งที่มีเจ้าร่วมเดินทาง เหยาเหยา'
คำพูดหวานหูในตอนนั้นกลายเป็นเหมือนยาพิษในเวลานี้
อึก!
"โรคหัวใจคุณหนูกำเริบอีกแล้วหรือเจ้าคะ!"
อาถังที่นั่งอยู่ข้างกายเห็นคุณหนูนางนิ่วหน้าเจ็บปวดพร้อมยกมือกุมหน้าอกจึงรู้สึกตกใจกลัวขึ้นมา
หากเป็นเช่นนั้นจริง กลางป่าเขาเช่นนี้นางจะไปหาหมอจากที่ไหนมารักษา แถมการเดินทางมาครั้งนี้นางไม่ได้ส่งข่าวแจ้งทางแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสียด้วย
"เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร สงสัยจะเดินทางนานเลยเหนื่อย"
"งั้นเราให้องครักษ์หยุดรถม้าก่อนดีไหมเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง ข้ายังไหว เร่งเดินทางเถอะเดี๋ยวมืดค่ำเสียก่อน"
อาถังมองนายสาวอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นว่าสีหน้าดีขึ้นจากเมื่อครู่ขึ้นมาจึงหายใจทั่วท้อง สองมือคอยพัดวีสลับนวดแขนขาให้เฟิงซูเหยาอย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อย
"หยุด!!"
เสียงคนคุมรถลากดังขึ้น แรงโคลงเคลงหยุดนิ่งลงในเวลาต่อมา
"ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น หยุดรถม้าทำไม"
อาถังตะโกนถามพร้อมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
"ข้างหน้ามีซากต้นไม้ใหญ่ขวางทางขอรับ"
องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้น
อาถังแง้มหน้าต่างออกไปดูจึงเห็นตามที่รายงานมา
"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ
"ซากต้นไม้?"
เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
วันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...
ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้
"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!"
"คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"
เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง
"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือ
เสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด
"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น"
"เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"
จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกองโจรนั่นแล้ว
ทั้งนิสัย ทั้งวิถีการปล้นฆ่า เฟิงซูเหยารู้ดีว่ากองโจรภูเขาที่ถูกแอบอ้างนั้นทำอย่างไรบ้าง
"เจ้าไม่ต้องกังวล สักประเดี๋ยวโจรพวกนั้นจะเข้ามาจับพวกเรา เจ้าห้ามสู้ห้ามขัดขืน ปล่อยให้พวกนั้นจับไปอย่างจำยอม"
อาถังอยากค้านคุณหนูนางเสียเหลือเกิน แต่พอขบคิดดูแล้ว เหลือเพียงสตรีสองนางเช่นนี้ต่อให้สู้หรือขัดขืนไปก็คงมิรอดอยู่ดี
"ไปเอาตัวพวกมันมา"
เป็นดั่งที่เฟิงซูเหยาคาดเดา องค์รักษ์สองคนของนางตายหมดแล้ว ประตูรถม้าเปิดออกทำให้เฟิงซูเหยาเห็นการแต่งกายของโจรกลุ่นี้ถนัดตา
คนกลุ่มนี้มิใช่คนของโจรภูเขาอย่างที่นางคิด เป็นเพียงพวกอันธพาลที่ปิดหน้าคาดหัวให้ดูเหมือนโจรภูเขาตบตาพวกขี้ขลาดรักตัวกลัวตายเชื่อพวกมันแล้วส่งทรัพย์สมบัติให้พวกนี้ปล้นไปอย่างง่ายดาย
"ปล่อยคุณหนูนะ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือบุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่"
อาถังที่ถูกคุมตัวลงมาจากรถม้าตะโกนสุดเสียงอย่างเป็นห่วงคุณหนูสาม
ทว่าสตรีที่ถูกเป็นห่วงกลับเดินลงมาพร้อมโจรกลุ่มนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งสายตาดูเฉยชาราวโจรกลุ่มนี้เป็นเพียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไร้พิษสงใด
"เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่รู้หรือไรว่านี่คือบุตรีของแม่ทัพฟ่าง แต่ใครจะกลัว นี่คือกองโจรภูเขาเฟิงเสี้ยวที่แม้แต่บิดาของเจ้ายังปราบมิได้"
คิ้วสวยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อกองโจรที่คุ้นหูนั้น
แซ่เฟิงที่นางได้มาก็มาจากชื่อของกองโจรภูเขาผู้เกรียงไกรเรื่องความเหี้ยมโหดเฟิงเสี้ยว เด็กขวางฆ่าเด็ก คนแก่ขวางฆ่าคนแก่ แม้แต่พระก็มิเว้น นั่นคือคำสอนสั่งของกองโจรนี้
"เฟิงเสี้ยวเกรียงไกร ใครขวางข้าฆ่า เด็ก คนบ้า พระ คนแก่ฆ่าไม่ปรานี ภูติผียังต้องหลบทาง"
"เจ้าท่องอะไร หนวกหู!"
หึ! แค่คำปลุกขวัญประจำกองโจรก่อนออกปล้นคนพวกนี้ยังไม่รู้จักยังคิดจะเอาชื่อเสียงเขามาแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อกองโจรเฟิงเสี้ยวอีก
ถ้าหากประมุขกองโจรมาเห็นโทษของสามคนนี้มีเพียงแล่เอาเนื้อพวกมันตอนยังหายใจไปเก็บไว้เป็นอาหารของสุนัขล่าเนื้อตัวโปรดของประมุขเท่านั้น
"พวกเจ้ารับเงินมากี่ตำลึงกัน"
เฟิงซูเหยายกมือขึ้นเกาหางคิ้วด้วยท่าทางห้าวหาญ
อาถังหวั่นใจกับท่าทางยั่วโมโหของคุณหนูนางจนแทบจะเป็นลม
"เจ้าจะเสนอให้พวกข้าเยอะกว่าเพื่อเอาตัวรอดหรือไร"
หนึ่งในโจรกลุ่มนี้ถามขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะขบขัน
"ข้าให้พันตำลึงทอง"
"พะ พัน... พันตำลึงทอง"
หัวหน้าโจรถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินจำนวนเงินมหาศาลที่เฟิงซูเหยาเสนอให้
เงินมากมายขนาดนั้นตายกี่ชาติพวกโจรกระจอกกลุ่มนี้ถึงจะหาได้
"เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้าเพื่อหวังเอาตัวรอดเลย"
เงินก็หอมหวน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้จริงดั่งที่ถูกเสนอมาหรือเปล่า ขอแข็งใจไว้สักหน่อยก่อนแล้วกัน
"คนอย่างฟ่างเซียนเซียนมิเคยพูดปด ไม่เชื่อเจ้าถามสาวใช้ข้าดู"
อาถังยังไม่เข้าใจว่าคุณหนูนางมีแผนการอันใด แต่สายตาดุดันที่มองมาทำให้อาถังเชื่อใจคุณหนูของนางจึงเอ่ย