“เฮียครับ เราควรจะเอาเสื้อผ้าไปให้เธอเปลี่ยนไหม?”
“มึงไม่ต้องเสือกไอ้เฉิน กูจะทำให้มันทรมาน”
น้ำเสียงแข็งกร้าวสวนกลับลูกน้องคนสนิท ก่อนจะยกแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และจัดการดื่มมันจนหมดในรวดเดียว พอหมดขวดก็รีบเปิดขวดใหม่ดื่มวนไปอย่างไม่รู้จบ
“แต่เท่าที่ผมตามดู ชีวิตของเธอก็ไม่ได้ดีเลยนะครับ”
“หุบปาก! คนอย่างมึงจะไปรู้อะไร อีผู้หญิงคนนั้น มันเป็นของลูกฆาตกรฆ่าคนที่กูรัก มันจงใจขับรถชนมิน เพื่อเอาหัวใจไปให้ลูกสาวของมัน หึ! ไอ้สัตว์นรกพวกนี้ มันต้องได้รับกรรมที่ทำเอาไว้ เพราะกูจะแก้แค้น เอาคืนแทนมินให้สาสม!”
สิ้นสุดประโยคนั้น เจ้าของสีหน้าเดือดดาล ก็หยิบขวดเหล้ากระดกระรัวอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะหล่อเหลาดุจเทพบุตร แต่เมื่อฝังตัวอยู่กับสิ่งของมึนเมา ก็ทำให้เขาหมดสภาพ เหมือนสุนัขจรจัดที่ขาดเจ้าของ
“มินอยู่หนาย~ เฮียคิดถึงหนูใจจะขาดแล้ว~”
“อะ เออ เฮียครับ ที่เฮียกอดอยู่คือขาผมครับ”
“มินจ๋าาา~ เฮียรักหนูนะ มาให้เฮียจูบหน่อย~”
“ไอ้เหี้ยต้น เฮียจะจูบขากูแล้ว มึงมาช่วยกูที!”
“มึงก็ยอมเฮียแกไปเหอะ แค่จูบขาเองนะมึง~”
“เองพ่อมึงดิ! เฮียจะถอดกางเกงกูแล้วเนี่ย อ้ากกก!”
ลูกน้องหน้าหล่อพยายามขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ที่เป็นลูกน้องคนสนิทเหมือนกัน พออีกฝ่ายเห็นว่าลูกพี่เริ่มสติหลุด จึงรีบเข้ามาช่วยหิ้วปีกกันคนละข้าง และพาขึ้นไปส่งบนห้องนอนชั้นบน ก่อนที่ลูกพี่จะเมาเรื้อนไปมากกว่านี้
พรึบ!
“โว้ย! เฮียตัวหนักเหมือนช้างเลยโว้ย!”
“อย่าบ่นมาก ถ้าเฮียได้ยินเข้า ระวังชะตาลิ้นขาด”
“แล้วคือมึงกับกูจะแบกเฮียอย่างงี้ทุกวันเลยเหรอ!?”
“มึงจะโวยวายทำไม เฮียแกก็เป็นอย่างงี้มาหกปีแล้ว”
“นั่นสิ ตั้งหกปีแล้ว เฮียควรจะปล่อยวางได้แล้วปะวะ”
“เหอะ เฮียแกรักคุณหนูมินจะตาย คงลืมไม่ได้หรอก”
“แล้วยังไง มึงจะปล่อยให้เฮียตกอยู่ในสภาพนี้เหรอ?”
“อะ แล้วมึงกับกูจะทำอะไรได้?”
“ก็ทำให้เฮียปลดล็อกอดีตไงมึง”
“ยังไงละวะ?”
“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง”
“เฮียเกลียดเข้าไส้ขนาดนั้น จะเอามาทำอะไรได้วะ?”
“ต้องได้สิวะ เท่าที่กูตามติดชีวิตผู้หญิงคนนั้นมาหกปี กูบอกเลย ว่าเฮียกำลังคิดผิด เรื่องที่จะแก้แค้นเจ้าของหัวใจคนใหม่ เพราะกูคิดว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณหนูมิน อีกทั้งคดีความมีแต่ประเด็นน่าสงสัยเต็มไปหมด แถมพ่อของเธอยังถูกฆ่าตายในคุก มึงไม่คิดว่ามันฟังดูแปลกๆ เหรอวะ?” ลูกน้องหน้าตาหล่อตี๋ ยกประเด็นนี้ขึ้นมาถกกับเพื่อนอีกคน ก่อนที่ทั้งคู่ จะหันไปมองคนบนเตียง
“ถ้าเฮียมีสติกว่านี้ กูว่าอะไรก็คงง่ายขึ้น”
“กูก็คิดงั้น แต่พวกเราเป็นแค่ลูกน้องไง แล้วเฮียแกก็ยังเอาตัวเองออกมาจากความรู้สึกสูญเสียไม่ได้ คงต้องให้เวลาเฮียแกหน่อย” ลูกน้องหน้าตาคมเข้มพูดพร้อมกับดึงผ้าห่ม ไปห่มให้คนบนเตียงที่นอนคว่ำหน้าสะอึกสะอื้นจนตัวสั่น
“แล้วผู้หญิงคนนั้นละ พวกเราจะทำยังไง?”
“อ่า กูก็ไม่รู้วะ แต่ดูเหมือนจะอึดพอตัวนะ”
“อึดห่าไร ผู้หญิงยังไงก็เป็นผู้หญิง ถ้าต้องอยู่ในห้องใต้ดินแล้วมีบาดแผลฉกรรจ์ขนาดนั้น สักวันก็คงตายคาห้อง”
“งั้นมึงก็เข้าไปอยู่แทนสิ แล้วให้เฮียมากระทืบมึง”
“ไม่เอาเว้ย! เฮียตีนหนักอย่างกับอะไรดี กูไม่เสี่ยง”
“ถ้าอย่างนั้น มึงก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”
“แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นตายขึ้นมาละ?”
“ฮรึก…”
เสียงสะอื้นไห้ ดึงสายตาสองคู่ให้หันไปมองอีกครั้ง
“เฮียจะรู้สึกผิด ถ้าสิ่งที่ทำมันคือการฆ่าคนบริสุทธิ์”
“เฮ้อ…”
“กูจะเอายาลงไปให้ มึงก็ช่วยปิดปากเงียบแล้วกัน”
“เออ มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้มันมากไปก็พอ”
“โอเค ตามนั้น”
หนุ่มหน้าตี๋ยกยิ้มพร้อมกับตบบ่าเพื่อน ก่อนจะเดินไปหยิบยาแก้ปวด ในห้องเก็บเครื่องมือแพทย์ เพื่อเอาลงไปให้หญิงสาว ที่อายุยังน้อย แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ที่แย่พอตัว
“เฮียสั่งให้กูลงมาดู เปิดประตูให้กูดิ”
“เออๆ”
เพื่อนร่วมแก๊งเดียวกัน ยอมเปิดประตูเหล็กให้อย่างง่ายดาย ซึ่งยาแก้ปวดที่อีกฝ่ายแอบเอาเข้ามา ถูกซ่อนเอาไว้ภายในเสื้อสูท พอเดินไปถึงตัวคนเจ็บ จึงรีบเอาออกมายื่นให้
“กินซะ”
“ไม่กิน”
น้ำเสียงอ่อนล้า ปฏิเสธที่จะกินยา ก่อนจะหลับตาลง
“ถ้าไม่อยากตาย ก็กินมันซะ”
“…..”
ไร้เสียงตอบกลับ แต่ว่าคนตัวเล็กกลับขดตัวหนาวสั่น เพราะเสื้อผ้าบางเฉียบที่สวมใส่อยู่นั้น เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็น
“จะช่วยยังไงไม่ให้เฮียรู้วะเนี่ย”
“ถะ ถามอะไรหน่อย”
น้ำเสียงสั่นเทิ้มพูดขึ้น ขณะที่เจ้าตัวยังคงนั่งหลับตา แผ่นหลังชนฝาผนัง ไม่ได้มีท่าทีคิดจะต่อสู้เพราะไม่มีเรี่ยวแรง
“จะ จับฉันมาทำไม?”
“อ่า คำถามตอบยากแฮะ”
“ผู้ชายโรคจิตคนนั้นคือใคร มาทำแบบนี้กับฉันทำไม”
“โอ้~ ฉันคงตอบทั้งหมดไม่ได้หรอกนะ”
“งะ งั้นก็ตอบแค่ว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“เฮ้อ ถ้าเธอรู้แล้วเหยียบเอาไว้ได้ไหมละ?”
“ได้”
“แน่นะ”
“อืม”
“ชัวร์นะ”
“อืม”
“สัญญานะ”
พอเข้าสู่โหมดกวนบาทา หญิงสาวก็ลืมตาจ้องเขม็ง
“อะ ไม่กวนแล้วก็ได้ แต่ถ้าฉันบอก เธอต้องกินยานะ”
“อืม”
“ค่ะสิ ฉันแก่กว่าเธอตั้งสิบห้าปีนะ”
“ค่ะ”
“น่ารักมาก”
หนุ่มตี๋ยิ้มจนตาเป็นสระอิ แล้วเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเฮียทศเป็นใคร แล้วทำไมถึงได้มีความแค้นฝังใจขนาดนั้น ซึ่งมันก็เป็นการเล่าที่ลึกไป ทว่าก็ไม่อยากให้ผู้หญิงตรงหน้าค้างคาใจ ว่าทำไมถึงต้องถูกเฮียจับมาทรมานแบบนี้
“ฮะ นี่เขาคิดว่าพ่อของฉันจงใจฆ่าผู้หญิงที่เขารัก เพื่อเอาหัวใจมาต่อชีวิตให้ฉันงั้นเหรอ?” หนุ่มตี๋พยักหน้าหงึกๆ โดยที่ไม่ลืมส่งยาในมือให้อีกฝ่ายกินจะได้บรรเทาอาการปวด
“ฉันต้องไปแล้ว อยู่นานเดี๋ยวมีคนสงสัย”
“ดะ เดี๋ยวสิ แล้วแบบนี้ฉันต้องทำยังไง?”
“อ่า เธออาจจะต้องพิสูจน์ความจริงมั้ง”
“ยังไง?”
“ลองคุยกับเฮียดูสิ บางทีเธออาจจะเรียกสติเขาได้”
“ไม่มีทาง ฉันโดนเขาตบขนาดนั้นจะให้คุยกันยังไง”
“อ่า เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันต้องไปแล้วจริงๆ”
“อย่าเพิ่งไป”
มือเล็กรีบคว้าข้อแขนหนุ่มตี๋ ที่เต็มไปด้วยลายสัก
“ว่าแต่พี่ชื่ออะไร?”
“พี่?”
“ก็บอกว่าอายุมากกว่าตั้งสิบห้าปีไม่ใช่หรือไง?”
“เออ ก็ใช่”
“ชื่อ?”
“เฉิน”
“พี่เฉินคือคนที่ขับรถตามดูหมวยใช่ไหม?”
“เฮ้ย รู้ได้ไง?”
“เห็นแผ่นหลังคุ้นๆ เลยเดาเอา แต่ใช่สินะ”
“อืม ใช่”
“งั้นช่วยอะไรหมวยหน่อยสิ”
“ช่วยอีกแล้วเหรอ แค่นี้ก็เสี่ยงโดนเฮียฆ่าแล้วนะ”
“เขาไม่ฆ่าพี่หรอก”
“ใครว่า”
“พี่ช่วยไปหาน้องชายหมวยหน่อยได้ไหม แล้วบอกเขาที ว่าหมวยไม่เป็นอะไรไม่ต้องเป็นห่วงแค่ตั้งใจเรียนก็พอ”
“โดนขนาดนี้ ยังนึกถึงคนอื่นอีกนะ”
“ช่วยที”
“ค่ะด้วยสิ”
“ช่วยทีค่ะ”
“โอเคก็ได้”
“ถ้าเขาถามเรื่องอื่น ก็ไม่ต้องตอบนะคะ”
“โอเคๆ ฉันต้องไปแล้วจริงๆ กินข้าวด้วย”
“ข้าวหมาเนี่ยนะ?”
“อร่อยดี ฉันกินบ่อย”
“…..”
“กินไปเถอะ ยาด้วย”
พูดจบ หนุ่มตี๋ก็รีบปลีกตัวออกไปจากห้อง
ทางด้านยักษ์ - ใจ๋
“ไหนมันบอกว่าจะไปช่วยหมวยไง!?”
“มันบอกว่าจะไปช่วย แต่ยังไม่ใช่วันนี้”
เสียงเข้มตอบกลับ พลางกัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้น
“พี่ยักษ์!”
เสียงเรียกของเด็กหนุ่ม ดังมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งมาหาพร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เป็นน้องชายของยักษ์
“เจ้ยังไม่กลับบ้านเหรอ?”
‘เมฆ’ น้องชายของเพื่อนรักเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย
“กลับมาแล้ว” ยักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน
“อยู่ไหนละ? เมฆอยากขอบคุณเจ้เรื่องจ่ายค่าเทอม”
“ไอ้ยาท”
“ว่าไงพี่ชาย?”
“เอ็งพาไอ้เมฆกลับไปนอนที่บ้านเราก่อน”
“ฮะ? ทำไมต้องกลับ ผมยังไม่ได้เจอเจ้เลย”
“เจ้เอ็งกลับมาแล้ว แต่ก็ออกไปทำงานแล้ว”
“ทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมไปหาเจ้เอง”
“เอ็งไม่ต้องดิ้นรนขนาดนั้น หน้าที่ของเอ็งคือเรียน จำได้ไหม พี่สาวของเอ็งอยากให้เอ็งตั้งใจเรียน ฉะนั้น รีบกลับไปนอน แล้วก็อย่าแอบไปเล่นเกมด้วย ไม่อย่างนั้น ข้าตามถึงที่”
“โห่! ก็ผมอยากเจอเจ้ก่อน”
“เอ๊ะไอ้นี่!”
“ก็ได้ ผมกลับไปนอนก็ได้!”
“ไอ้ยาท เอ็งก็ด้วย รีบกลับ!”
“รับทราบครับผม! // รับทราบครับผม!”
เด็กหนุ่มทั้งสองตอบรับพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะรีบวิ่งใส่เกียร์หมากลับบ้าน สำหรับเด็กอายุสี่สิบ รู้แค่นี้ก็คงพอแล้ว
“โกหกแบบนี้จะดีเหรอ?”
แฟนสาวพูดขึ้น ท่ามกลางความเงียบงันในค่ำคืนนี้
“หมวยมันคงไม่อยากให้น้องชายมันเป็นห่วงหรอก”
“อืม…ก็จริง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หมวยจะเป็นยังไงบ้าง”
“หมวยมันเก่ง ใจ๋เชื่อยักษ์สิ”
“อืม ใจ๋เชื่อ แต่ใจ๋อดห่วงไม่ได้อยู่ดีอะ”
“เข้าใจ ยักษ์ก็เป็นห่วงเพื่อนเหมือนกัน”
“สงสารหมวยเนอะ ไม่มีความสุขเหมือนคนอื่นเสียที”
“….”
แฟนหนุ่มเงียบ พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดสนิท
“ยักษ์จะไม่ทอดทิ้งเพื่อน จนกว่าเพื่อนจะมีความสุข”
“ใจ๋ก็เหมือนกัน”
ทั้งสองแหงนหน้ามองท้องฟ้า แล้วจับมือร่วมพลังใจ