ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

900 คำ
//ย้อนกลับไป// “เกิดอะไรขึ้นคะ?” ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธองุนงง ภายในบ้านที่กระจัดกระจายไปด้วยข้าวของระเนระนาดเกลื่อนพื้น เฟวาถามผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงตกใจ เธอเพิ่งเดินทางกลับมาจากเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ โดยที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวในครอบครัวมาก่อน “เราจะไม่อยู่ที่นี่กันแล้วเฟวา” แม่ของเธอบอกด้วยท่าทีร้อนรน “ทำไมคะ?” “บ้านกำลังจะถูกยึด” “ถูกยึด?” “อืม” สิ่งที่แม่ของเธอบอกกล่าว ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วแทบชนกันด้วยความงง จู่ ๆ บ้านที่เธออยู่มาแต่เด็กจะถูกยึดได้อย่างไร “เพราะอะไรคะแม่...เฟไม่เข้าใจ” เฟวาปรี่เขาประชิดตัวผู้เป็นแม่ แล้วถามด้วยความใคร่รู้ “ครอบครัวเราล้มละลาย” “แล้วทำไมไม่มีใครบอกเฟสักคน...แล้วล้มละลายได้ยังไง แม่ก็ยังส่งเงินให้เฟทุกเดือนไม่ใช่หรือไงคะ” “.....” คำถามของเฟวาทำเอาผู้เป็นแม่เงียบกริบ และเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนเป็นลูก ทั้งที่เธอกำลังเฝ้ารอคำตอบด้วยใจจดจ่อ “แม่อย่าเอาแต่เงียบสิคะ...แม่” “เรื่องมันยาวเดี๋ยวแม่จะเล่าให้แกฟังทีหลัง ตอนนี้เราต้องเก็บของออกไปจากที่นี่ก่อน” "แต่แม่คะ..." "อย่าเพิ่งสงสัยอะไรตอนนี้ได้ไหมเฟ แค่นี้ฉันก็ปวดหัวจะแย่แล้ว" เฟวาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เมื่อแม่บังเกิดเกล้าของเธอพูดจบก็เดินขึ้นบันไดบ้านไป ทำได้เพียงมองตามหลังด้วยความไม่เข้าใจในเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยที่เธอตั้งรับไม่ทัน...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอกันแน่? "นี่มันอะไรกัน?" เธอยังคงไม่เข้าใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ถามตัวเองก่อนจะนั่งลงโซฟาอย่างคนหมดแรง พลางขบคิดเรื่องราวแต่คิดยังไงเธอก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ สถานการณ์ครอบครัวของเธอก่อนหน้า ก็เหมือนจะราบรื่นดี เพราะแม่ของเธอยังคงส่งเงินให้เธอใช้ปกติเหมือนไม่ได้ติดขัดอะไร //ปัจจุบัน// "ว่าไงคะแม่" ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ขึ้นชื่อของแม่บังเกิดเกล้า แต่แทนที่ฉันจะฉีกยิ้มด้วยควาดีใจ ไม่เลยมันทำให้ต้องถอนหายใจแทน เพราะการโทรเข้ามาแต่ละครั้งของแม่ มีแต่สิ่งที่ฉันไม่ต้องการจะทำ ("วันนี้ตอนเย็นลูกไปกับแม่นะเฟวา") "ไปไหนคะ?" ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะแม่ก็ไม่ได้เกริ่นอะไรก่อนหน้าเลยสักนิด ("งานเลี้ยงสมาคม") แค่ได้ยินก็ถอนหายใจแรงแล้ว ฉันไม่ชอบงานสังคมแบบนี้สักนิด และทุกครั้งที่แม่สั่งฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ "ไม่ไปได้ไหมคะ เฟออกงานสังคมจนจะอ้วกแล้ว" ("ลูกต้องไป เพราะงานนี้มีแต่คนใหญ่คนโตไปทั้งนั้น แม่จะได้แนะนำแกให้เป็นที่รู้จักไง ต่อไปหากจะทำอะไรจะได้ง่ายขึ้น") "เฟไม่ต้องการให้ใครหนุนหลังค่ะ...แม่ไม่เชื่อในความสามารถของลูกตัวเองเหรอคะ" ("ไม่ใช่แบบนั้น...") "งั้นเฟ..." ("เอาล่ะ ๆ แม่ไม่อยากพูดกับลูกให้ยาว เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะส่งชุดสำหรับคืนนี้ไปให้...คืนนี้ก็นอนที่บ้านใหญ่แล้วกัน") "แต่แม่คะ..." ("บายจ้าลูกสาวคนสวย") ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค แม่ก็ตัดบทเสียก่อน สรุปแล้วการไปงานสังคมวันนี้ฉันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี และปัญหาของฉันก็คือไม่อยากเจอหน้าภาม ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ฉันจึงละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้า แล้วเอ่ยปากอนุญาต "เชิญค่ะ" "มีของมาส่งให้คุณเฟวาค่ะ" "ขอบคุณนะคะพี่แก้ว...วางไว้บนโต๊ะนั้นเหมือนเดิมเลยค่ะ" แค่มองเห็นกล่องสีเหลี่ยมใบใหญ่ในมือพี่แก้ว ฉันก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร คงเป็นชุดราตรีสำหรับใส่ไปงานในคืนนี้ที่แม่บอกจะส่งมาให้ พี่แก้วเป็นเลขาที่ฉันไว้ใจ เธอทำงานเก่งและคล่องแคล่วถูกใจฉันมาก แถมยังแก้ปัญหาแทนฉันได้เรียบร้อย เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดในเรื่องงานเป็นอย่างดี "ออกงานอีกเหรอคะ?" พี่แก้วถามด้วยความเคยชิน เพราะเธอเห็นประจำ "ค่ะพี่แก้วเฟโคตรจะเซ็ง...แม่สั่ง" ฉันตอบพร้อมกับส่ายหัวอย่างหน่ายระอา "คำสั่งแม่ขัดไม่ได้ สู้ ๆ นะคะคุณเฟวา" "ก็คงต้องแบบนั้นค่ะ" พี่แก้วพูดให้กำลังใจฉันก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ แล้วปิดเปลือกตาลงหวังจะพักสายตาที่แสนอ่อนล้า "ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ" ฉันนอนหลับตาบ่นกับตัวเอง ("ชีวิตที่สบายขนาดนี้ไม่พอใจหรือไง") เสียงพูดของใครบางคนแว่วเข้าหู ทำให้ฉันต้องลืมตามอง และต้องถอนหายใจอีกรอบอย่างระอา เมื่อต้องปะทะกับใบหน้าของคนที่ฉันไม่อยากจะเจอเป็นที่สุด เพราะทุกครั้งที่เราสองคนเจอหน้ากัน เหมือนกับเจ้ากรรมนายเวรที่พร้อมจองเวรกันทุกวินาที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม