อรุณสางกลางไร่เหนือ
กลิ่นกรุ่นข้าวต้มหอมละมุนคละคลุ้งทั่วบริเวณบ้านในยามอรุณรุ่งแห่งวันใหม่ คุณลักษมีเห็นสะใภ้คนโปรดตื่นแต่เช้ามาทำข้าวต้มกุ้งจึงเดินเข้าไปหาในห้องครัวด้วยความเร็วรู้สึกแปลกใจ
"หนูรสทำอะไรอยู่จ๊ะ กลิ่นหอมฟุ้งจนแม่ท้องร้องแล้วเนี่ย" นางยิ้มแย้มรับอรุณใหม่และเดินตรงเข้ามาหาสะใภ้
"ข้าวต้มกุ้ง ใส่หมูยอที่หั่นเป็นเส้นเล็กๆ แล้วก็ใส่ขึ้นฉ่ายเยอะๆค่ะ" รสาเลยตอบเสียงหวานราวท่องจำ มือเล็กยังคงคนข้าวต้มในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาไฟสีหน้ายิ้มแย้ม
"นี่มันอาหารเช้าของโปรดพ่อเลี้ยงสิงห์นี่นา หนูรู้ได้ยังไงจ๊ะ หรือว่าแม่บ้านเป็นคนบอก"
"เอ่อ...ค่ะ แม่บ้านบอกให้หนูทำให้คุณสิงห์ทานค่ะ" ครั้นจะตอบว่าพ่อเลี้ยงสิงห์เป็นคนบอกให้ทำให้ทานก็คงคร้านที่จะตอบที่มาที่ไป
"คอยดูเถอะว่าจะยอมทานหรือเปล่า แม่อยากจะรู้จริงๆ" คุณลักษมีหรี่ตาคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
"ถ้าคุณรสาปรุงเสร็จหมดแล้วก็เชิญออกไปรับกาแฟที่โต๊ะอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะตักใส่ชามไปเสิร์ฟให้" ป้าจันทร์ผาเดินเข้ามาบอก รสาจึงส่งยิ้มให้นางและเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับแม่สามี
"อ้าว! วันนี้อยู่บ้านรอทานมื้อเช้าหรอกรึ แม่นึกว่าสิงห์จะออกจากบ้านไปตั้งแต่ตีห้าซะอีก" นางเอ่ยทักบุตรชายเสียงประชดหยอกเมื่อเขาเดินลงมาจากชั้นสอง
"ผมรู้นะครับว่าคุณแม่ประชดผม"
"ก็ลูกชายของแม่มันน่าประชดประชันยิ่งกว่าอะไรดี"
"ครับ จะว่าไปแล้วคุณแม่หายเจ็บขาเร็วจังเลยนะครับ ผมไม่เห็นคุณแม่เดินขากะเผลกเหมือนเมื่อวานเลย" สิงห์เอ่ยทักมารดาเสียงประชดประชันกลับไปบ้าง คุณลักษมีเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนแกล้งเจ็บขาจึงแกล้งขยับมือขึ้นมาเกาะแขนเรียวของสะใภ้สาวไว้
"พอดีเมื่อคืนแม่ทายาเยอะเลยตื่นเช้ามาเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บขาเลย" นางแก้ต่างก่อนจะทำทีเดินออกจากไปบริเวณหน้าบ้านแก้เก้อเมื่อโดนบุตรชายจับได้
"อย่าบอกนะว่าเธอก็รู้เห็นเรื่องนี้กับคุณแม่" สิงห์ตวัดหางตาไปยังรสาด้วยแววตาคาดโทษ
"เปล่านะคะ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง" หญิงสาวก้มหน้างุดและเดินมานั่งลงตรงโต๊ะอาหารข้างกายสิงห์
"ฉันโอนเงินเข้าบัญชีให้เธอแล้วนะ"
"คะ?" ใบหน้าสวยหันขวับมามองสามีหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง
"หูหนวกหรอ ฉันบอกว่าโอนเงินเข้าบัญชีให้เธอแล้ว"
"โอนให้ฉันทำไมคะ?"
"ค่าเลี้ยงดูมั้ง" เขาตอบกลับเสียงประชดประชันพลางจิบกาแฟจากถ้วยใบเล็กลายดอกไม้ ไอกรุ่นกาแฟกระทบเข้ากับปลายจมูกโด่งทำให้สิ่งขยับถ้วยออกเล็กน้อยและหันกลับมามองภรรยาสาว
"ฉันถามจริงๆค่ะ คุณสิงห์โอนเงินเข้าบัญชีของฉันทำไมคะ?"
"ก็เธอบอกว่าเธอจะไปสมัครงานไม่ใช่หรอ มันเป็นหน้าที่ของสามีที่ต้องให้เงินภรรยาใช้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยโอนเข้าบัญชีให้เธอใช้จ่ายส่วนตัว เพราะเราทุกคนต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้" รสาละสายตาจากใบหน้าหล่อคมคายและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง ข้อความแจ้งเตือนเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทเข้าบัญชีทำให้หญิงสาวหันขวับกลับไปมองสามีหนุ่มอีกครั้ง
"มันมากเกินไปค่ะ ฉันจะโอนคืนคุณนะคะ ขอเลขบัญชีด้วยค่ะ" รสากดเข้าไปในแอปพลิเคชันโอนเงินของโทรศัพท์มือถือ
"เธอกำลังดูถูกสามีตัวเองนะ ฉันให้เงินเธอใช้แค่แสนเดียวเธอบอกว่ามันเยอะทั้งๆที่ฉันสามารถให้เธอได้มากกว่านี้"
"แต่ฉันไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มนี่คะ"
"อันนี้มันไม่เกี่ยวกับหนี้ ฉันให้เธอเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง?" สิงห์ทำเสียงดุ
"คุณก็จะมาอ้างว่าคุณทำหน้าที่สามีโดยการให้เงินฉันใช้ ไม่ใช่เอาไปแลกกับเรื่องบนเตียงนะ" รสาพูดเสียงเบาพลางเก็บโทรศัพท์มือถือของตนเองลงในกระเป๋ากางเกง
"ปากดีนักนะ เรื่องบนเตียงฉันจะเอาเธอตอนไหนก็ได้ไม่เกี่ยวกับเงินหรอก" พ่อเลี้ยงหนุ่มโน้มลงมาใกล้ภรรยาสาว ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจของสิงห์
"ฉันจะไปปลุกน้องเอมมาทานข้าวต้ม" รสาเบี่ยงตัวหลบสามีหนุ่มแล้วรีบหยัดกายลุกขึ้น เธอกำลังจะหมุนตัวเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองแต่ทว่าถูกสิงห์รั้งข้อมือเล็กไว้ เขาจึงสังเกตเห็นได้ว่าหญิงสาวไม่ได้สวมแหวนแต่งงานในขณะที่ตนเองก็ไม่ได้สวมมันไว้เช่นเดียวกัน
"ทำไมเธอถึงไม่ใส่แหวนแต่งงานล่ะ?" รสาปรายตามองนิ้วนางข้างซ้ายของพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนที่เธอจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
"คุณยังไม่ใส่เลย แล้วทำไมฉันต้องใส่ด้วยคะ" มือเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุมแล้วจึงเดินตรงไปยังบันได
'ครืดๆๆ'
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงห์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงเห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนาราจึงกดปุ่มรับสาย รสาหยุดชะงักฝีเท้าและหันกลับมามองสามีหนุ่ม
"ครับ"
"สิงห์ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ?" หล่อนเอ่ยถามมาตามสายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
"คุณแม่แค่กล้ามเนื้อฉีกนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรแล้ว"
"ดีจังเลยค่ะ งั้นวันนี้เราเจอกันได้ไหมคะ นาคิดถึงคุณจะแย่" นาราทำเสียงอ้อนเสียจนคนฟังรู้สึกหวั่นไหว แม้รสาจะไม่รู้แน่ชัดว่าสามีของตนคุยกับใคร แต่เธอก็พอจะเดาออกว่าปลายสายน่าจะเป็นนารานั่นเอง
"ก็ดีเหมือนกัน วันนี้วันเสาร์เลยว่าจะไม่ออกไปที่ไร่ ถ้างั้นเจอกันที่ร้านกาแฟร้านเดิมตอนเที่ยงก็แล้วกันนะ" สิงห์ตอบไปเท่านั้นแล้วจึงกดปุ่มวางสาย รสาจึงรีบย่องปลายเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
"ข้าวต้มมาเสิร์ฟแล้วเจ้า" คำนางเดินออกมาพร้อมกับชามข้าวต้มหอมกรุ่น คุณลักษมีเดินกลับเข้ามายังโต๊ะอาหารพร้อมกับจ้องมองมายังสิงห์ด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข นางดีใจที่เห็นบุตรชายกำลังตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
"แล้วหนูรสาไปไหนล่ะ?"
"ขึ้นไปตามน้องเอมครับ" สิงห์ตอบในขณะที่เขาตักข้าวต้มเข้าปากอีกครั้ง รสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้นทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติข้าวต้มรสใหม่จากภรรยาสาว
"ตักเข้าปากกินเอากินเอาแบบนี้รู้หรือเปล่าว่าเป็นฝีมือของหนูรสา" มารดาเอ่ยทักขึ้น
"คุณแม่พูดอะไรครับ ที่ผมได้กินเมนูนี้ก็เพราะผมบอกเขาว่าผมอยากกินข้าวต้มกุ้งใส่หมูยอที่หั่นเป็นเส้นแล้วก็ใส่ขึ้นฉ่ายเยอะๆ เธอก็เลยตื่นมาทำให้ผมกินนี่ไงครับ" สิงห์ตอบมารดาและก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าต้มปากอีก นางอึ้งไปเล็กน้อยและรู้สึกแปลกใจแต่ทว่ามันกลับเป็นสัญญาณที่ดี จึงได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มลดอคติกับรสาลงบ้างแล้ว