“เข้ามาสิ ไม่ต้องเกรงใจ”
ผมยืนยึกยักไม่แน่ใจอยู่หน้าคอนโดหรูของพี่ไนท์ คือผมไม่คิดว่าเขาจะทำตามที่ผมขอร้องจริงๆ เขาเองก็น่าจะรู้ว่าที่ผมพูดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
“คือ...จะดีเหรอครับ”
“หมายถึงอะไร หรือว่ารังเกียจพี่?”
“ปะ..เปล่า ผมแค่ไม่แน่ใจว่าควรทำแบบนี้ดีหรือเปล่า”
“แต่เอิร์ธเป็นคนขอมาอยู่กับพี่เองนะ”
ใช่ผมพูด แต่ว่ามันรู้สึกไม่ถูกต้อง ผมมองเข้าไปในห้องที่กว้างขวางของเขาพลางถอนหายใจยาว
“ผมว่าผมกลับไปอยู่กับเพื่อนดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อน”
ผมหันหลังกลับแต่พี่ไนท์คว้าไหล่ผมเอาไว้ น้ำเสียงที่เหมือนแฝงความนัยน์บางอย่างทำให้ผมหันกลับไปมองสบดวงตาคมกริบ ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเสียงเย็นยะเยือกก็เอ่ยออกมา
“ไอ้กันต์มันสงสัยว่าเมื่อคืนมีคนอื่นอยู่ห้องมันด้วย”
“พี่หมายความว่ายังไง”
พี่ไนท์เลื่อนสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“คิดว่าพี่ไม่สังเกตเหรอว่าท่าทางเอิร์ธมันแปลก”
“ผม... ผมไม่สบาย”
ผมยืนลนลาน เอี้ยวหน้าไปทางซ้ายทีทางขวาทีอย่างกระวนกระวาย อยากไปให้พ้นจากสายตาคมๆ ของพี่ไนท์เต็มที
“เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลยนี่”
หมับ!
“พี่ไนท์...!”
พลั่กกกก
“อึก...”
พี่ไนท์กระชากข้อมือผมไปจับแล้วผลักใส่ผนังอย่างกะทันหัน ผมรู้สึกจุกไปทั้งตัว นิ่วหน้ามองร่างสูงด้วยสายตาเจ็บปวด
“พี่ไนท์! ...พี่จะทำอะไร”
ผมจ้องร่างสูงตรงหน้าอย่างสับสน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงบนผิวหน้า กลิ่นอายของพี่ไนท์ทำให้ผมนึกไปถึงสัมผัสที่น่าละอายของพี่กันต์เมื่อคืน ความหวาดกลัวทำให้ผมยืนเกร็งอยู่กับที่
“ตรงนี้ยังอยู่ดีไหมหืม?”
“โอ๊ย! พี่ไนท์ผมเจ็บ...”
ผมสะดุ้งโหยง ตะโกนลั่น เมื่อจู่ๆ เขาก็คว้าสะโพกผมแล้วบีบเคล้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย ผมยังระบมไม่หาย น้ำตาเล็ดเพราะมันเจ็บมาก ผวากอดร่างสูงอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว
“หึ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ”
ผมได้ยินเขาพึมพำ ใช้เวลาชั่วครู่กว่าอาการปวดร้าวจะทุเลา ผละออกห่างจากแผ่นอกกว้างมองใบหน้าคมคายแบบลูกครึ่งของเขาอย่างสับสน
“พี่หมายความว่ายังไง พี่รู้?”
“หึ อย่าดูถูกกันน่าเอิร์ธ ไอ้กันต์มันมีนิสัยชอบมีเซ็กส์เวลาเมา คิดว่าพี่ไม่รู้เหรอ”
“พี่ว่าไงนะ!”
ใบหน้าผมชาวาบ มองสีหน้าที่เหมือนเป็นเรื่องปกติของพี่ไนท์หัวใจสั่น ความรู้สึกกระวนกระวายท่วมท้นอยู่เต็มอก แต่ก็อึ้งจนโวยวายไม่ออก
“พี่ถึงชวนเอิร์ธออกมานั่งรถเล่นไง”
“อึก!”
“แต่เห็นคืนแรกเอิร์ธรอด พี่ก็นึกว่าจะไม่เป็นอะไร แต่เห็นทีจะคิดผิด”
“ทำไม... ทำไมพี่ไม่บอกผม!”
ผมรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเรื่องเสื่อมเสียที่เกิดขึ้น
“เอาจริงๆ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะทำเอิร์ธ เพราะมันไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชาย ปกติมันอยู่กับพี่มันก็ไม่เคยฉวยโอกาสสักครั้ง มีแต่หลับไปก่อน แต่เวลาอยู่กับผู้หญิงไม่ว่าใครก็ไม่รอด... มะปรางถึงเกลียดที่มันมีนิสัยแบบนี้ยังไงล่ะ”
นั่นคือเหตุผลที่พี่มะปรางเลิกกับพี่กันต์เหรอ
...ไม่ เดี๋ยวสิ! นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจสาเหตุเลิกรากันของพี่กันต์กับพี่มะปรางสักหน่อย
สิ่งที่ผมควรจะตระหนักตอนนี้คือเรื่องตัวเอง ผมมองสบสายตาคมกริบตรงหน้าอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกอึดอัดและอับอายในคราวเดียวกัน
พี่ไนท์รู้แล้วว่าผม... ใบหน้าผมร้อนวูบ รู้สึกละลายเกินกว่าจะสบตาเขาตรงๆ
“ไม่ต้องคิดมาก”
เขาตบไหล่ผมเป็นเชิงปลอบ ผมสะดุ้งไหว มองมือนั่นอย่างผวาในแวบแรก ก่อนจะคลายกังวลลงเมื่อรู้ว่าเขาไม่คิดปองร้าย นี่ผมเป็นโรคหวาดระแวงอ่อนๆ ไปแล้วเหรอ
พี่ไนท์เห็นปฏิกิริยาของผมก็ละมือออกห่างทันที ก่อนจะจับหัวผมขยี้แทน อึก... ทำเอาผมใจหายหมด
“เฮ้ย เสียตัวครั้งเดียวมันไม่ตายหรอกน่า เดี๋ยวก็ชิน”
“พี่หมายความว่ายังไง ผมไม่คิดจะมีครั้งต่อไปหรอกนะครับ”
“ฮ่าๆ งั้นเรอะ เออ ยังไงก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ถ้าหิวก็มีของกินในตู้เย็น หยิบได้ตามสบายไม่ต้องเกรงใจ พี่คงอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้ นี่กุญแจกับคีย์การ์ดเอาไว้เผื่ออยากออกไปข้างนอก จริงสิ เอาเบอร์มาด้วยมีอะไรจะได้โทรหา”
“ครับ... ขอบคุณครับพี่ไนท์”
ผมรู้สึกซาบซึ้งกับความใจกว้างของพี่ไนท์จนน้ำตาจะไหล เขาใจดีมาก ดีกว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของผมซะอีก ผมมองกุญแจสำรองที่พี่ไนท์วางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาอย่างเหม่อลอย จิตใจผมดีขึ้นเพราะได้พี่ไนท์ปลอบ แต่พออยู่คนเดียวอารมณ์ก็กลับมาขุ่นมัวอีก
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะเตลิดมาถึงคอนโดพี่ไนท์ได้
ก่อนจะถูกความเงียบงันในห้องดูดกลืนไปมากกว่านี้ ผมก็นึกได้ ค้นโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเปิดดู มีสายไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย ส่วนใหญ่เป็นสายของพี่กันต์ ตะวัน ...และแม่อีกสองสาย
ผมไม่แปลกใจที่แม่โทรมา ปกติก็โทรหาผมทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่ผมตกใจคือพี่กันต์... เขาโทรหาผมตั้งยี่สิบกว่าสาย หัวใจผมสั่นระรัว เมื่อคิดว่าเขาอาจจะจำเรื่องเมื่อคืนได้
ครื้ด!~ ครื้ด!~
>> พี่ชาย
ผมสะดุ้งเฮือก ตกใจจนทำโทรศัพท์หล่น กำลังจ้องหน้าจออยู่ดีๆ ชื่อต้องห้ามนั่นก็โผล่ขึ้นมาจะไม่ให้ผมใจหายได้ยังไงไหว
[ฮัลโหล! เฮ้ได้ยินหรือเปล่า นายทำฉันหงุดหงิดมากเลยรู้ไหม ฮัลโหล! เอิร์ธ? เฮ้!! ทำไมไม่พูดวะ]
เฮ้ย! ผมยกขาขึ้นมาวางบนโซฟาอย่างแตกตื่นเพราะเสียงพี่กันต์ ยังไม่ทันเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยซ้ำเสียงโวยวายก็ดังลอดออกมาจากลำโพง
ที่หล่นไปเมื่อกี้ดันรับสายเองแถมลำโพงดังอีกด้วย ไม่รู้ว่าซวยหรือโทรศัพท์ผมมันโหลกันแน่
เสียงพี่กันต์ทำผมหวาดผวาจับขั้วหัวใจ ลนลานเก็บโทรศัพท์ขึ้นมากดปิดเครื่องโดยไม่ยั้งคิดสักเสี้ยววินาทีเดียว ผมนั่งจ้องหน้าจอสีดำสนิท ในอกรู้สึกวูบโหวงประหลาด หดหู่จนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ