เพิ่งจะก้าวเข้ามาข้างในไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น รู้ว่ามีเรื่องแน่ๆ แต่ไม่รู้ใครตีกับใคร ผมเป็นห่วงเพื่อนรีบตรงมาที่โต๊ะ บรรยากาศไม่ถึงกับโกลาหลแต่ทุกคนตกอยู่ในความวิตกกังวลปนสงสัยต่างมองไปทางที่มาของเสียง
“หยุดนะกันต์! ”
เดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่พวกนั้นอยู่เท่าไหร่คนก็ยิ่งแน่นขึ้นจนต้องเบียดเสียดคนอื่นเข้ามาก็เห็นตะวันกับคนอื่นๆ กำลังมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาตะลึงงัน
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ” เสียงทักท้วงของผมทำให้พวกมันหันมามอง
“เอิร์ธหายไปไหนมา”
“ข้างนอก ในนี้เกิดอะไรขึ้น” ผมบอกตะวันก่อนจะมองตามสายตาของทุกคนไปที่ต้นตอของเรื่อง
“เออ จู่ๆ ก็มีคนโยนขวดเหล้าลงมาจากชั้นสอง”
ผมไม่ได้ฟังที่ตะวันพูดด้วยซ้ำ หัวใจกระตุกวูบ เมื่อเห็นพี่กันต์ยืนอยู่ตรงหน้า
ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายจะเป็นพี่กันต์... แล้วคนที่กำลังมีปัญหาด้วยก็คือผู้หญิงที่ผมเห็นเดินควงผู้ชายเข้ามาในผับก่อนหน้านี้ ใช่พี่มะปรางจริงๆ ด้วย!
“เฮ้ย ไอ้หมาลอบกัด อยากมีเรื่องมากหรือไงวะ” ผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พี่มะปรางตะคอกใส่หน้าพี่กันต์อย่างเดือดดาล ที่เท้าพี่มะปรางกับหมอนั่นเต็มไปด้วยเศษขวดแก้วที่แตกละเอียด หืมมม นั่นฝีมือพี่กันต์งั้นเหรอ น่ากลัวว่ะ
“เออ! กูอยากมีเรื่อง”
ผลัวะ!
สิ้นเสียงคำรามของพี่กันต์ หมัดลุ่นๆ ก็ประเคนเข้าที่เบ้าหน้าแฟนใหม่พี่มะปรางเต็มเหนี่ยว หมอนั่นโดนไปทีเดียวถึงกลับล้มลงไปกองที่พื้น
“หยุดนะกันต์! ”
พี่กันต์ทำท่าจะเดินเข้าไปต่อยซ้ำแต่พี่มะปรางรีบเข้ามายืนขวางเอาไว้ทันทีจ้องหน้าอีกฝ่ายแววตาเดือดพล่าน
“มะปราง... ทำไม”
น้ำเสียงพี่กันต์เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสงสัย ท่าทางเขายังตัดใจจากผู้หญิงตรงหน้าไม่ลง ก็แหงล่ะ คบกันถึงขั้นจะแต่งงานแต่จู่ๆ ก็เลิก ผมได้ยินครั้งแรกก็งงเหมือนกัน ถึงจะอยากรู้แต่ก็ไม่กล้าถามว่าทำไมพี่มะปรางถึงทิ้งพี่กันต์ไป
“อย่าทำให้ปรางผิดหวังไปมากกว่านี้เลยนะกันต์ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
“มะปราง”
พี่กันต์กัดฟันกรอด ตวัดมองแฟนใหม่พี่มะปรางสายตาลุกวาว
“มึงไอ้เบสไอ้เพื่อนสารเลว! ”
“กรี๊ดหยุดนะกันต์”
พี่กันต์คว้าขวดเหล้าจากโต๊ะใกล้ๆ หันมาง้างใส่แฟนใหม่พี่มะปรางอย่างเลือดขึ้นหน้า ผมทนมองต่อไปไม่ไหวกระโจนเข้าไปกอดร่างสูงเอาไว้แน่น
หมับ!
“หยุดนะพี่”
อื้อหือ กลิ่นเหล้า... นี่กินหรืออาบวะ พี่กันต์ชะงักกึก มือที่ถือขวดเหล้าชูค้างกลางอากาศหลุบสายตาลงมองผมอย่างไม่พอใจ
“ปล่อยกู! ... อึก เอิร์ธ?”
ตอนแรกเขาก็โวยวายแต่พอเห็นหน้าผมชัดๆ ก็เงียบไปชั่วอึดใจ
“ใช่ ผมเอง อย่ามีเรื่องกันเลยครับ”
“มึงไม่ต้องยุ่ง! ” เขาเหวี่ยงผมออกอย่างไม่ไยดี
“พี่กันต์! ”
ผมถลามาชนกับขอบโต๊ะ หลังเจ็บหนึบ บ้าเอ้ย เขามันแรงควายจริงๆ
“เอิร์ธ! เป็นอะไรไหมวะ นั่นมึงรู้จักเหรอ”
ตะวันรีบเข้ามาประคองผม แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ผลักมันออกพร้อมกับพยักหน้า “เออ พี่กูเอง”
หมอนั่นทำหน้าตกใจที่รู้เรื่อง ทุกคนที่มาด้วยพลอยตื่นตระหนกไปตามๆ แต่ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปมากกว่านี้เสียงเย็นยะเยือกของใครบางคนก็ดังขึ้นมา
“พอได้แล้วกันต์”
ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแบบลูกครึ่งเดินเข้ามาแตะไหล่พี่กันต์อย่างเตือนสติ นั่นมัน... เพื่อนพี่กันต์ แต่ชื่ออะไรผมจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเขาก็มางานแต่งแม่ผมกับพ่อพี่กันต์ด้วย
“ไอ้ไนท์! ” พี่กันต์ตวัดสายตาไปมองคนข้างๆ อ่อ ผมจำได้แล้วพี่ไนท์...
“ไนท์! ” แฟนใหม่พี่มะปรางเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา จ้องเพื่อนพี่กันต์แววตาคมกริบ “มึงทำแบบนี้ทำไม”
“กูทำอะไร”
“ก็...” เขาปรายสายตาเกรี้ยวกราดไปทางพี่กันต์ “มึงไม่บอกกูว่ามันอยู่ที่นี่”
“เออกูขอโทษ กูไม่ได้ชวน มันมาของมันเองจะให้กูไล่ลูกค้ากลับไปได้ยังไงวะเบส”
“จำไว้เลยนะ ถ้ามีมันต้องไม่มีกู! ไปเถอะมะปราง”
“อะอื้ม”
พี่คนนั้นจูงมือพี่มะปรางฝ่าวงล้อมของคนที่ยืนมุงดูออกไปด้วยท่าทางผิดหวังและโกรธมาก หมายความว่ายังไง ผมจำได้ว่าได้ยินพี่กันต์ด่าแฟนใหม่พี่มะปรางว่า ‘ไอ้เพื่อนสารเลว’ งั้นก็แสดงว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดน่ะสิ เฮือก! ถึงว่าทำไมพี่กันต์ดูเจ็บหนักขนาดนี้
คล้อยหลังพี่มะปรางกับแฟนใหม่ไปแล้วพี่ไนท์ก็หันไปปลอบใจพี่กันต์ให้เย็นลงก่อนหันมาสบตากับผมเข้าโดยบังเอิญ
“หืม... นี่มัน” เขาจ้องหน้าผมนานเป็นพิเศษแต่ก็เหมือนจะจำผมไม่ได้
“น้องกูเอง เอิร์ธ” พี่กันต์เฉลยให้อย่างหงุดหงิดก่อนจะก้าวดุ่มๆ กลับขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
“อ้าวเฮ้ย?” พี่ไนท์มองผมกับพี่กันต์สลับกันไปมาอย่างไม่รู้จะสนใจใครก่อนดี แต่สุดท้ายเขาก็เลือกตามพี่กันต์ขึ้นไป “ไว้เจอกันนะเอิร์ธ”
“ครับ”
ผมพยักหน้าให้พี่ไนท์ตามมารยาทไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก หลังจากนั้นสถานการณ์ภายในผับก็กลับเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากพนักงานที่มาเก็บกวาดเศษแก้วเสร็จแล้วก็จากไปเงียบๆ แปลก... ทำไมไม่มีใครเอาเรื่องพี่กันต์วะ พวกการ์ดที่อยู่ตามมุมต่างๆ ก็ไม่เข้ามาห้าม อย่างกับรู้เห็นเป็นใจให้พี่กันต์ต่อยแฟนพี่มะปรางงั้นล่ะ
“เฮ้ยเอิร์ธแน่ใจนะโว้ยว่าจะไม่กลับพร้อมกัน”
“อืม ไปกันก่อนเถอะ กูเป็นห่วงพี่กันต์จะขึ้นไปดูสักหน่อย”
“เออ ตามใจมีอะไรให้ช่วยก็โทรมา”
ผมรอจนกระทั่งตะวันกับคนอื่นๆ เดินออกไป มองขึ้นไปบนชั้นสอง เห็นพี่กันต์กับพี่ไนท์นั่งเทเหล้าให้กันอยู่บนโต๊ะติดระเบียง แต่ส่วนใหญ่เป็นพี่ไนท์รินใส่แก้วพี่กันต์ซะมากกว่า
ผมส่ายหน้าเอือมระอา ไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นสภาพเละเทะของพี่ชายตัวเองแบบนี้
“อ้าวเอิร์ธ...” พี่ไนท์หันมามองอย่างประหลาดใจที่เห็นผมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ เขารีบเรียกผมไปนั่งด้วยกันทันที ก่อนถามหาเพื่อนๆ ผม
“กลับไปแล้วครับ”
“อ่อ นี่... อย่าบอกนะว่าเป็นห่วงไอ้หมอนี่ก็เลยยังไม่กลับ”
พี่ไนท์เดาสายตาที่ผมใช้มองพี่กันต์ ซึ่งก็ถูก ผมพยักหน้า “ใช่ครับ พี่กันต์ก่อเรื่องขนาดนั้น แปลกนะครับที่ไม่มีใครเอาเรื่อง”
“หือ? นี่เอิร์ธพูดอย่างกับไม่รู้ว่าพี่เป็นเจ้าของที่นี่”
“ครับ! พี่เป็นเจ้าของผับนี้เหรอ”
ผมไม่รู้จริงๆ สาบาน
“อื้อ ผับนี่กับร้านนั่งชิลล์ข้างนอกของพี่ทั้งหมด”
“อ่อ” ผมพยักหน้า มองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่ไนท์แล้วยิ้มแหยๆ ตอบ ท่าทางเขาก็ดูเป็นมิตรนะครับแต่ทำไมผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจแบบนี้วะ
“หือ...นี่ใครวะ” พี่กันต์เหล่ตาเยิ้มๆ มองมา เพิ่งมองเห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยทั้งที่ผมมาตั้งนานแล้ว
“เอ้า ไอ้นี่น้องมึงไง จำไม่ได้เหรอ”
“ใคร? กูไม่มีน้อง! ”
เขากระแทกเสียงออกมาทันที ผมกับพี่ไนท์มองหน้ากันนิ่ง ไม่รู้พี่ไนท์คิดยังไงแต่ผมได้ยินแล้วท้อใจมาก ในเมื่อเขาไม่เคยยอมรับผมเป็นน้องแล้วผมจะมานั่งเป็นห่วงเขาให้เสียเวลาทำไมวะ
เออ ถึงอยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายผมดันไม่ยอมขยับเพราะคำว่าครอบครัวมันกดทับไหล่ผมเอาไว้น่ะสิ
“ไอ้กันต์เมาแล้วลืมนะมึง”
พี่ไนท์หัวเราะกลบเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องตลก คงไม่อยากให้ผมคิดมาก
“กูไม่ได้เมา”
ปากแข็งไปอีก
“เฮ้ยไปเอาเหล้ามาเพิ่มสิ” เขาเขย่าปากขวดที่ไม่เหลือเหล้าแม้แต่หยดเดียวตะโกนสั่งการ์ดที่ยืนจังก้าอยู่ตรงมุมบันได
“พอเถอะครับพี่กันต์”
“หนวกหู! มึงเป็นใครวะ”
“จำผมไม่ได้เหรอ น้องพี่ไง”
“กูบอกแล้วกูไม่มีน้อง”
“ผมว่าเรากลับกันเถอะ”
“เฮ้ยไอ้เวรนี่ อย่ามายุ่งกับกู จะไปไหนก็ไป”
ผมขี้เกียจพูด ลุกขึ้นเดินมารั้งร่างสูงออกจากโต๊ะแต่พี่กันต์ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ผลักผมออกห่างด้วยท่าทางไม่พอใจ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางพี่ไนท์
“เฮ้ยปล่อยมันไว้แบบนี้ก็ได้ ไอ้นี่ถ้าไม่เมาจนหลับก็ไม่สงบหรอก” พี่ไนท์กระตุกยิ้มเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งที่เพื่อนตัวเองเมามายไม่ได้สติ
“นี่พี่คิดจะให้เขาดื่มต่อเหรอ”
พี่ไนท์เงียบนิ่ง คำพูดของผมคงจะไปกระแทกจิตสำนึกเข้าอย่างจัง ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกการ์ดให้มาช่วยยกตัวพี่กันต์ไปส่งที่รถ ไม่รู้ว่าเขาทำเพราะเป็นห่วงพี่กันต์หรือรำคาญสายตารบเร้าของผมกันแน่ แต่นั่นแหละ ยังไงผมก็ไม่พอใจที่ไนท์อยู่ดี เพื่อนเมาแทนที่จะห้ามแต่กลับบอกว่าให้มันกินจนหลับ เพื่อนแนวไหนวะ
“ความจริงพวกเราเรียกแท็กซี่กลับก็ได้นะครับ”
ผมบอกระหว่างทางกลับห้อง ไม่ได้คิดจะให้เขามาส่งตั้งแต่แรกแต่พี่ไนท์ดันให้การ์ดเอาตัวพี่กันต์ไปใส่ไว้ในรถตัวเอง
“ถ้าพี่ปล่อยให้เพื่อนที่เมาไม่ได้สติกลับแท็กซี่พี่ก็คงเป็นเพื่อนที่แย่มาก เอิร์ธไม่คิดแบบนั้นเหรอ”
เขามองหน้าผมแวบหนึ่งพร้อมกับยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก นั่น... คงไม่ได้กำลังแดกดันผมอยู่ใช่ไหม ระหว่างที่ผมกำลังตีความคำพูดของพี่ไนท์ เขาก็เอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“อีกอย่างนายแบกหมอนี่ขึ้นห้องไม่ไหวหรอก”
“ก็ให้รปภ.ข้างล่างช่วยได้หนิครับ”
“หึ”
พี่ไนท์ทำเสียงในลำคอกลับมาทันทีแล้วไม่พูดอะไรออกมาอีก