“ตื่น”
“อึก พี่...”
ผมปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งผิดปกติขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงแข็งกร้าวตรงหน้า ลำคอแสบปร่า เสียงที่เปล่งออกมาพลอยแหบหาย ลุกขึ้นมานั่งโงนเงน กวาดตามองไปรอบๆ อย่างมึนงง
“ผมอยู่ไหน”
“ห้อง นี่มึงไม่สบายหรือเปล่า”
ทันเท่าความคิดฝ่ามือพี่กันต์ก็ทาบลงบนหน้าผากผม เขาชักมือออกไปอย่างไว
“สัส ตัวร้อนจี๋เลยว่ะ”
ผมไม่ได้สนใจพี่กันต์ รู้แค่ว่าตอนนี้ผมหนักหัวมาก มันปวดตุบๆ แค่จะลุกขึ้นมานั่งยังยาก พี่กันต์หายไปจากตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีผ้าเย็นๆ ก็รูดขึ้นลงตามท่อนแขน
เหลือบมองดีๆ ถึงรู้ว่าพี่กันต์กำลังเช็ดตัวให้ ผมอึ้งไปชั่วขณะ ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเขาจะ...
เสื้อที่โดนจับถอดออกไปทำผมหนาวสะท้านจนความคิดขาดห้วง พร้อมกันกับที่เสียงทักประหลาดใจดังขึ้น
“นี่รอยอะไร”
ผมได้สติทันที รีบเอามือปิดเนื้อตัวเป็นพัลวัน ปฏิเสธเสียงแหบ แต่พี่กันต์ไม่ฟัง เขาผลักผมที่พยายามจะลุกออกห่างให้นอนนิ่งอยู่กับที่ แล้วดึงมือออก ดวงตาคมกริบจ้องมองรอยช้ำเป็นจ้ำๆ บนตัวผมอย่างคลับคล้ายคลับคลา ผมกลั้นหายใจเฮือก ยกมือขึ้นปิดตาพี่กันต์ทันควัน
“อย่า... อย่ามองผม”
ผมว่าพลางมองหาเสื้อใส่แต่ยังไม่ทันเจอเสื้อพี่กันต์ก็จับข้อมือทั้งสองข้างของผมออกจากใบหน้าของเขาอย่างง่ายดาย สายตาคมกริบเพ่งมองเนื้อตัวท่อนบนของผมแทบทุกตารางนิ้ว คิ้วเข้มขมวดมุ่น
“รอยพวกนี้... ใครเป็นคนทำ”
“มะ..ไม่ ไม่มี” ผมรู้สึกลมหายใจติดขัด ร่างกายร้อนรุ่มด้วยฤทธิ์ไข้หรือเพราะสายตาคาดคั้นของพี่กันต์ก็ไม่รู้ “ไม่มีใครทำทั้งนั้น ผมหนาว... ขอเสื้อ”
“เดี๋ยว”
พี่กันต์ยึดไหล่ผมเอาไว้ไม่ให้ลุกหนี ผมมองใบหน้าร้อนรนของเขาอย่างใจหายใจคว่ำ
“คืนนั้นกูไม่ได้พาใครมาที่ห้อง มึงกับกูอยู่กันแค่สองคนถูกไหม”
เหมือนโดนคมมีดบาดลึกลงในหัวใจ ผมส่ายหน้าไหว ก้มหน้าหลบสายตาคะยั้นคะยอของพี่กันต์อย่างกระสับกระส่าย หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผมอายเกินกว่าจะยอมรับความจริงต่อหน้าเขาว่าผมคือคนที่เขากอดในคืนนั้น
“เอิร์ธ!?”
พี่กันต์ขึ้นเสียง ผมสะดุ้งโหยง พอผมเอาแต่อมพะนำเขาก็ดึงทึ้งกางเกงผมออกอย่างหมดความอดทน ผมโวยวายลั่น ดิ้นพล่านด้วยความหวาดหวั่นแต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจซ่อนความเป็นจริงจากสายตาของเขาได้ ฟุบหน้าร้องไห้กับเบาะโซฟาด้วยความอับอาย
“กูทำ?”
พี่กันต์กดร่องสะโพกผมแยกออกดูบาดแผลที่เกิดจากการกระทำที่โหดร้าย ผมผวาเฮือก ปลายนิ้วที่กดลงมาอย่างไร้ความระมัดระวังทำผมรู้สึกเจ็บ
“บอกความจริงมาเอิร์ธ”
“พี่จะให้ผมพูดอะไร แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ”
“สรุปว่ามึงกับกู?”
ผมดึงกางเกงให้กลับเข้าที่แล้วลุกขึ้นมานั่ง พยักหน้าเงียบๆ พี่กันต์ผงะไปด้านหลังแล้วจ้องผมด้วยแววตาประหนึ่งว่าเป็นไปไม่ได้ เขาจะทำแบบนั้นกับผมที่เป็นผู้ชายได้ยังไง
“พี่ไม่เชื่อ?”
เขาไม่ตอบ ยกมือห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรอีกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆ ออกไปอย่างทำใจไม่ได้ จิตใจผมดิ่งวูบลงทันที นอกจากใบหน้าตกใจนั่นแล้วพี่กันต์ก็ไม่แสดงอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่าจะรับผิดชอบ แม้แต่ขอโทษสักคำยังไม่มี
ชั่วขณะนั้น
กันต์เดินออกมาเกาะขอบระเบียงด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น ในหัวครุ่นคิดเรื่องคืนก่อน เขาพยายามเค้นความทรงจำที่โดนฤทธิ์แอลกอฮอล์ลบล้างด้วยจิตใจที่สับสนวุ่นวาย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะหน้ามืดถึงขนาดปล้ำผู้ชายด้วยกันได้ หนำซ้ำเอิร์ธยังมีศักดิ์เป็นน้อง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหนักใจ ถ้าเป็นคนอื่นก็ยังพอลืมๆ ไปได้ แต่นี่คนในครอบครัวจะมองหน้ากันติดได้ยังไง
กันต์ : ตื่นยังวะ
ไนท์ : ยังไม่นอน มีไร
กันต์ : มึงทำไรวะ ทำไมยังไม่นอน
ไนท์ : วงที่มาเล่นเมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุ กูเพิ่งกลับถึงห้องเนี่ย มึงมีไร
กันต์ : เออ อย่าเพิ่งนอน อยู่คุยกับกูก่อน
ไนท์ : สัส ไวๆ เลยกูง่วง
กันต์ : เรื่องเอิร์ธ
ไนท์ : เอิร์ธ ทำไมวะ
คนปลายทางพอเห็นหัวข้อสนทนาก็รู้สึกแปลกๆ จากที่กำลังโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วซิ่งไปนอนก็เปลี่ยนใจทิ้งตัวลงนั่นบนโซฟาด้วยความสนใจ
กันต์มองคำถามที่เพื่อนส่งมาแล้วลังเล คิดไตร่ตรองคำพูดอยู่ในหัวนานกว่าจะพิมพ์ลงไปได้
กันต์ : กูล้ำเส้นว่ะ
ไนท์ : ล้ำเส้น? ยังไง พูดเคลียร์ๆ อย่าอ้อม
กันต์ : เออกูปล้ำมัน จำเรื่องที่กูสงสัยว่าพาใครมานอนด้วยได้ไหม
ไนท์ : เออ จำได้ แล้วมึงรู้ได้ยังไง
กันต์ : รอยที่ตัวมันฟ้อง
ไนท์ : มึงเห็นได้ไง หรือว่าจะจับน้องปล้ำอีก
กันต์ : สัส กูไม่ใช่มึง ไอ้เอิร์ธมันไข้ขึ้นกูเลยจะเช็ดตัวให้ แล้วพอจับมันถอดเสื้อเท่านั้นแหละ
ไนท์ : เออ กูก็ลุ้นอยู่ว่ามึงจะรู้ตัวเมื่อไหร่
กันต์ : มึงรู้อยู่แล้วเหรอ
ไนท์ : มึงคิดว่ากูเป็นใครวะ มองหน้าน้องมึงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าโดนขืนใจมา
กันต์ : ทำไมมึงไม่รีบบอกกู
ไนท์ : กูไม่อยากเสือก
กันต์ : คนดีนะมึง รู้อะไรมาไม่ชอบบอก ให้กูรู้เองตลอด เรื่องมะปรางกับไอ้เบสก็ทีหนึ่งแล้ว
ไนท์ : ขืนกูพูดมากก็หาว่ากูบ้าอีก แล้วนี่มึงรู้แล้วจะเอาไงกับเอิร์ธ
กันต์ : ไม่รู้ กูคิดไม่ตก
ไนท์ : ขอโทษน้องยัง
กันต์ : ยัง กูตกใจอยู่ มันน่าจะโกรธกูมากถึงขั้นหอบกระเป๋าหนีไปหลบห้องเพื่อน
ไนท์ : มึงอยากรู้ว่าเอิร์ธโกรธแค่ไหนก็ลองให้กูปล้ำมึงสักครั้งไหมล่ะ จะได้หายกัน
กันต์ : สัส ถ้ามึงอยู่ใกล้กูชกหน้ามึงแล้วนะโว้ย กูกำลังเครียดยังจะล้อเล่น
ไนท์ : ฮ่าๆ มึงไปขอโทษเอิร์ธซะ นั่นคือสิ่งเดียวที่กูสามารถแนะนำมึงได้ ส่วนจะเอายังไงต่อก็ขึ้นอยู่กับพวกมึงแล้วว่ะ
กันต์ : หมายความว่ายังไง เอายังไงต่อ?
กันต์รู้สึกตงิด ราวกับว่าไนท์กำลังบอกให้เขาสานความสัมพันธ์กับเด็กนั่น พอคิดแบบนั้นในใจชายหนุ่มก็นึกค้านและเกิดอาการต่อต้านอย่างรุนแรง เขาไม่ได้รังเกียจรักร่วมเพศเพียงแต่ที่ผ่านมาไม่เคยคิดลอง
ไนท์ : กูถึงบอกให้มึงคิดเองไง กูไปนอนละ
กันต์ : อ้าวเฮ้ย!
กันต์มองหน้าจอที่ไม่มีการตอบสนองจากปลายทางอย่างไม่พอใจ เขายังคุยไม่เสร็จแต่อีกฝ่ายก็ชิ่งหนีซะก่อน ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้เพื่อนเวร! ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไนท์ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินจำเป็นแต่มันก็อดหัวเสียไม่ได้ เวลาปรึกษาเรื่องสำคัญทีไรอีกฝ่ายก็มักจะบอกให้เขาคิดเอาเองเสมอ กันต์ถอนหายใจยาว มองกลับเข้ามาข้างในด้วยสายตากลัดกลุ้ม