คามิเลียตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยความมึนงง หัวของเธอปวดตุบๆ ขณะที่พยายามปรับสายตาให้คุ้นกับแสงสว่างที่ลอดผ่านม่านบางๆ เข้ามา ห้องที่เธออยู่ดูหรูหราและแปลกตา ไม่ใช่ที่ที่เธอคุ้นเคยเลย ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเมื่อเธอไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ขณะที่คามิเลียกำลังพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงกำยำเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว กลิ่นหอมของน้ำหอมและสบู่ลอยมาแตะจมูกของหญิงสาว ทำให้เธอยิ่งสับสนมากขึ้น ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดแล้วยิ้มก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขันว่า
“ตื่นแล้วเหรอ? ตกลงว่าคิดเงินไหม ฉันจะได้จ่ายให้” คามิเลียขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนตัวเองถึงพูดแบบนี้ เธอมองเขาด้วยความงุนงงและถามออกไปว่า
“ที่นี่คือที่ไหนคะ? เมื่อคืนคามี่เมามากจนต้องมาเปิดโรงแรมเลยเหรอคะ?” หญิงสาวยังคงถามไม่หยุด ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แต่รีบปั้นหน้าตีเนียน เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“เรารู้จักกันด้วยเหรอ?” คามิเลียรู้สึกเริ่มไม่สนุกกับอีกฝ่ายด้วยแล้ว เมื่อเธอเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ นี่แฟนของเธอกำลังล้อเธอเล่นอยู่ใช่ไหม
“แน่นอนสิ จอมเล่นอะไรเนี่ย คามี่ไม่สนุกด้วยนะ แค่เมาก็ปวดหัวจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มมองสาวสวยตรงหน้า แล้วครุ่นคิดในใจ 'หรือยายนี่จะหมายถึง ไอ้จอมแฝดของเรา?' เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาจึงตัดสินใจเล่นเกมต่อ เขายิ้มอย่างขบขันและทำทีเป็นจอมทัพอย่างที่คามิเลียเข้าใจ
“โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ แต่ขอทดสอบก่อนได้ไหม ว่าสร่างเมาแล้วจริงๆ” นักรบหันไปหยิบเสื้อผ้ามาสวม ระหว่างที่กำลังคิดคำถาม ส่วนคามิเลียก็รอฟังว่าเขาจะทำอะไร
“เราคบกันอยู่ใช่ไหม?” คำถามแรกก็ทำคิ้วสวยของหญิงสาวขมวดเข้าหากันทันที เธอพยายามเพ่งมองหน้าของคนถาม เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ ใช่จอมทัพแฟนของตัวเองจริงหรือเปล่า คนอย่างเขาน่ะเหรอจะมาถามอะไรแบบนี้
“คามี่ต้องตอบคำถามนี้จริงๆ น่ะเหรอคะ?” เธอย้อนถาม
“ก็จะได้รู้ไงว่าคุณยังเมาอยู่หรือเปล่า?” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะสงสัย นักรบจึงต้องรีบแก้ตัว หญิงสาวคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“ก็คบกันอยู่น่ะสิคะ”
“แล้วคบกันมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ถามจริง?” คามิเลียเริ่มสงสัยแล้วว่า เขาจะถามคำถามพวกนี้ทำไม
“จำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“คบกันมาปีกว่าแล้ว”
“แล้วมีใครรู้บ้างว่าเราคบกัน?” คามิเลียนิ่งไปสักครู่ เธอแปลกใจกับคำถามของเขามาก ไม่ใช่แค่คำถามที่มันฟังดูแปลกๆ แต่จอมทัพน่ะเหรอจะมาทำอะไรแบบนี้
“คุณเป็นคนกำหนดเอง ว่าใครรู้เรื่องนี้ได้บ้าง ทำไมถึงมาย้อนถามคามี่ล่ะ”
“ก็ทวนความจำไง ว่าคุณจำได้หรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะยอมตอบ
“มีแค่เพื่อนสนิทของคามี่ ที่รู้เรื่องของเรา ตกลงว่าจะตอบคามี่ได้หรือยัง ว่าทำไมต้องมาเปิดโรงแรมนอนแบบนี้ ไปคอนโดฯ ก็ไม่ได้ไกลสักหน่อย แล้วเมื่อคืนคุณบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปโผล่ที่ผับได้?” คราวนี้เป็นตาของคามิเลีย ที่จะถามเขากลับบ้างแล้ว
นักรบยักไหล่ เขารู้ว่าเมื่อคืนนี้พี่ชายฝาแฝดของเขา มีนัดดูตัวกับผู้หญิงที่พ่อเลือกเอาไว้ให้ ไม่คิดเลยว่าจอมทัพจะมีแฟนอยู่แล้ว แถมยังสวย หุ่นดีขนาดนี้อีก
“ธุระเสร็จเร็ว ก็เลยตามมาไง รีบอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมพาไปส่งที่คอนโดฯ” เขารีบตัดบท เพราะกลัววีพี่ชายจะโทรฯ มาหาคามิเลียระหว่างที่เขาอยู่กับเธอ เดี๋ยวหญิงสาวจะจับได้ซะก่อน
“แล้วตกลงว่าคุณพาคามี่มานอนโรงแรมทำไมคะ?” เธอยังไม่ได้คำตอบของคำถามนี้ หญิงสาวจึงยังพยายามถามต่อ
“เปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ถูกใจไหมล่ะ?” คามิเลียไม่ได้ตอบอะไร เธอรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพราะตอนบ่ายมีงานต้องไปทำ ระหว่างที่เธออาบน้ำอยู่นั้น นักรบก็แอบดูของในกระเป๋าเธอ และเจอบัตรเครดิตซึ่งเป็นชื่อของพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง จึงมั่นใจว่าสิ่งที่คามิเลียบอกเป็นความจริงแน่นอน
“ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่หว่าไอ้จอม” เขาพูดก่อนจะเก็บบัตรคืนใส่กระเป๋าให้กับคามิเลีย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ทั้งสองคนจึงได้พากันออกจากโรงแรม และมุ่งหน้าไปที่คอนโดฯ ของคามิเลีย ซึ่งจอมทัพช่วยดาวน์ให้
“ถึงหรือยัง?” คนขับเอ่ยถามอีกครั้ง เขาถามทางคามิเลียมาตลอดทาง เธอเองก็ย้อนถามเขาตลอดว่าทำไมถึงจำทางไม่ได้ แต่เขาก็ย้อนเธอว่าเขาไม่ได้ลืม แต่อยากจะชวนเธอคุยเท่านั้นเอง
“ถึงแล้วค่ะ ไม่ขึ้นไปด้วยกันก่อนเหรอคะ?”
“ไม่ล่ะ ผมมีธุระต้องไปต่อ ไว้จะโทรหานะ” เขาแกล้งพูด เธอพยักหน้ารับก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหอมแก้มคนขับ นักรบไม่ทันได้ตั้งตัวจึงตกใจนิดหน่อย และรู้สึกเขินที่ถูกหอมแก้ม
“ไว้เจอกันนะคะ” เธอบอกก่อนจะเดินลงจากรถไป ชายหนุ่มมองตามร่างบางระหงของหญิงสาว ด้วยสายตาชื่นชม ในใจก็นึกอิจฉาพี่ชายที่ได้ครอบครองหัวใจของเธอ
“เดี๋ยวมึงก็หมดสิทธิ์แล้วไอ้จอม” แต่พอนึกถึงเรื่องแต่งงานของพี่ชาย ที่ทางผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ นักรบก็เริ่มมองเห็นโอกาสที่เขาจะได้ครอบครองสาวสวยคนนี้ขึ้นมาบ้าง
คามิเลียเดินออกมาจากลิฟต์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อที่จะดูนาฬิกา แต่กลับพบว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตฯ หมด
“เอ้า! หมดไปตั้งแต่คนไหนล่ะเนี่ย” เธอสบถก่อนจะเดินเข้าห้องไป แล้วจัดการชาร์จแบตฯ ทิ้งเอาไว้ แล้วก็เดินไปหาของกิน เพราะเริ่มรู้สึกหิวแล้ว
แต่ขณะที่กำลังอุ่นโจ๊กอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอปิดไฟบนเตา แล้วรีบจ้ำเท้าเดินไปดู เห็นเป็นสายจากแฟนหนุ่มก็รีบกดตอบรับทันที
“ถึงแล้วเหรอคะ...”
“หายไปไหนมาทั้งคืน? ทำไมติดต่อไม่ได้เลย?” แต่คำถามที่เขาสวนมานั้น ทำให้หญิงสาวหน้าชา ก็ในเมื่อเธอเพิ่งจะแยกจากเขา แล้วทำไมเขาถึงถามเธอแบบนี้
“เอ่อ...โทรศัพท์แบตฯ หมดค่ะ”
“แล้วทำไมไม่ชาร์จ จอมโทรฯ หาคามี่ตั้งแต่เสร็จธุระก็ไม่รับสายเลย เช้ามาโทรฯ อีกรอบก็ไม่ติด จอมเป็นห่วงมากนะรู้หรือเปล่า” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที นี่เขาไม่ได้อยู่กับเธอหรอกหรือเมื่อคืนนี้ แล้วคนที่เธอนอนด้วยเมื่อคืนเป็นใครกันล่ะ? เธอยังเมาอยู่อีกเหรอ ถึงได้มองเห็นคนอื่นเป็นแฟนตัวเอง
ไม่มีทาง! เธอไม่ได้เห็นแค่แวบเดียวสักหน่อย นั่งคุยกับเขาอยู่ตั้งนาน กว่าที่เขาจะขับรถมาส่งเธออีก จะตาฝาดนานขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฟังอยู่หรือเปล่า! เสียงของจอมทัพทำให้เธอสะดุ้ง และได้สติขึ้นมา”
“คะ?”
“จอมถามว่า คืนนี้คามี่ว่างหรือเปล่า พอดีมีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะ”
“อ๋อ...วะ...ว่างค่ะ เจอกันที่ไหนดีคะ?”
“เดี๋ยวถ้าจอมได้ร้านแล้วจะส่งโลฯ ให้นะ” เมื่อพูดจบเขาก็วางสายไป ทิ้งความสับสนเอาไว้ในใจของหญิงสาว ตกลงว่าเมื่อคืนนี้เธอนอนกับใคร แล้วทำไมเขาถึงได้หน้าเหมือนจอมทัพแฟนหนุ่มของเธอขนาดนั้น
เธอพยายามคิดย้อนถึงเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น คำพูด และการพูดของเขาไม่เหมือนจอมทัพเลย เขาดูกะล่อนและเจ้าเล่ห์กว่า รูปร่างหน้าตา ถ้าคิดย้อนดีๆ เหมือนว่าจอมทัพจะดูเรียบร้อยกว่า ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเห็นจอมทัพปล่อยให้ผมยาวแบบนั้นเลย ไหนจะเสื้อผ้าที่ใส่อีก
เพราะตอนนั้นสติยังไม่เต็มร้อย ก็เลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องที่ว่า ผู้ชายคนนั้นหน้าเหมือนแฟนของเธอมากจริงๆ